พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกระแสข่าวการเคลื่อนไหวในการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนคิดว่าก็คงเป็นแค่กระแสข่าว ไม่มีความหนักใจแต่อย่างใด ซึ่งทาง กมธ.ยกร่างฯ จะให้ความสำคัญกับการประชุมในวันนี้ ซึ่งเป็นพิจารณาในเรื่องของเจตนารมณ์รวมของร่างรัฐธรรมนูญเป็นวันสุดท้ายมากกว่า เพราะแต่ละคนนั้น ทำงานกันมานานแล้ว และก็มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอคง ไม่ไปห่วงในเรื่องที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุม ถ้าผ่านก็ถือว่าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ แต่ไม่ผ่านก็ต้องเสียเวลากันเพิ่มอีก 6 เดือน หรือ 10 เดือน
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้นั้นมีการจัดรายการผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และทีวีรัฐสภา เพื่อเปิดโอกาสให้ทั้ง กมธ.ยกร่างฯ ร่วมกับสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ชี้แจงกับประชาชนทราบถึงรายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละส่วน
สำหรับแนวทางการลงพื้นที่เพื่อพบปะกับประชาชนเพื่อประชาสัมพันธ์เนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญนั้น ทาง กมธ.ยกร่างฯ จะมีการประชุมกับ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และได้มีแนวทางการกำหนดความรับผิดชอบกันระหว่าง กมธ.ยกร่างฯ กระทรวงมหาดไทย และ กกต.โดยชัดเจน สำหรับ กมธ.ยกร่างฯ นั้น ต้องคำนึงถึงสิ่งสำคัญว่าภายในวันที่ 7 ก.ย.หลังจากผ่านการมติของ สปช.ในวันที่ 6 ก.ย.นั้น กมธ.ยกร่างฯ จะต้องนำไฟล์ร่างรัฐธรรมนูญ ไฟล์สรุปสาระสำคัญและไฟล์อาร์ตเวิร์กส่งไปให้ กกต.เพื่อให้ กกต.จัดทำร่างรัฐธรรมนูญส่งให้ประชาชนได้ศึกษาต่อไป เพื่อให้การทำประชามติเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนคาดว่าคงจะเป็นในช่วงกลางเดือน ม.ค.
พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการออกไปรณรงค์เรื่องการลงมตินั้น ต้องดูที่กฎเกณฑ์ของทาง กกต.ซึ่งจะต้องไปผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ก.ย.ก่อนว่าจะมีรายละเอียดอย่างไร ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯ ก็พร้อมที่จะทำตามในกรอบและกติกานั้น โดยทาง กกต.ก็ได้มีการหารือไปถึงการตั้งคณะบุคคล อาสาสมัครนักวิชาการมาช่วย กมธ.ยกร่างฯ ในเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญด้วย
เมื่อถามว่า กมธ.ยกร่างฯ พร้อมจะเผชิญหน้ากับผู้ที่รณรงค์ให้ลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการโดยมีหัวคะแนนไปโน้มน้าวผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งให้ลงมติตามสถานที่ต่างๆ นั้น ทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นการขัดกับหลักกฎหมาย แต่สิ่งที่สามารถทำได้ก็คือการชี้แจงเนื้อหา สาระของร่างรัฐธรรมนูญ การแสดงความเห็นนั้นสามารถทำได้ตลอด ไม่มีการปิดกั้น ตามหลักกฎหมายการทำประชามติ
เมื่อถามถึงกรณีมีความพยายามจะล้มร่างรัฐธรรมนูญก่อนวันที่ สปช.จะลงมติ โดยมีการไปยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความเรื่องคำปรารภในร่างรัฐธรรมนูญ และยื่นให้ตีความถึงการลงมติของ สมาชิก สปช.ที่เป็น กมธ.ยกร่างฯ ว่าสามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่าเรื่องคำปรารภนั้น ตนคิดว่าน่าจะเร็วไปสำหรับผู้ที่มองว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่สมบูรณ์ ร่างรัฐธรรมนูญในแต่ละฉบับก็มีความเรื่องการตีความในคำปรารภต่างกันออกไป ซึ่งเมื่อผ่านจากการลงมติของ สปช.ก็จะมีการหารือกับสำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อยกร่างคำปรารภต่อไป แต่ขอยืนยันว่า ในขณะนี้นั้นมีการร่างคำปรารภไว้ส่วนหนึ่งอยู่ในส่วนของเจตนารมณ์แล้ว เมื่อ สปช.ได้รับเจตนารมณ์ทั้ง 4 ภาค กับบทเฉพาะกาล ก็จะเห็นคำปรารภไปด้วย จำนวน 1 หน้า ส่วนเรื่องของสิทธิการลงมติของสมาชิก สปช.ที่เป็น กมธ.ยกร่างฯ นั้น เรื่องนี้ตนคิดว่าควรมองที่ประเพณีปฏิบัติที่ได้เคยปฏิบัติกันมาจะดีกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี