นักวิชาการสับร่างรธน.
‘เสรี’ซัดกมธ.เขียนเช็คเปล่า
แปลงร่างเป็นยักษ์ฤทธิ์เยอะ
‘บัณฑูร’โต้ไม่มีใบสั่งทหาร
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการรณรงค์ประชามติร่างรัฐธรรมนูญหากสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) มีมติรับร่างในวันที่ 6 กันยายนที่จะถึงนี้ว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะเป็นผู้คิดว่าจะให้บรรดาพรรคการเมืองได้แสดงออกในรูปแบบใดได้บ้าง โดยกกต.ได้ส่งรายละเอียดเรื่องดังกล่าวถึงตนแล้วแต่ยังไม่ได้ศึกษาทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตามการปลุกระดมไม่ว่าจะให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องไม่สมควร แต่สามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่ใช่การชี้นำผู้อื่นให้คล้อยตามได้ แต่อย่าไปปลุกระดมคนอื่น ที่สำคัญต้องไม่ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่แล้วเรียกให้คนหันมาสนใจ โดย กกต.จะเป็นผู้กำหนดกรอบว่าการปลุกระดมนั้นมีขอบข่ายอย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในช่วงการรณรงค์ประชามติจะมีการผ่อนปรนประกาศ คสช.เพื่อเป็นการรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่ายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่การพิจาณาของคสช. อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้หารือถึงการโฆษณารณรงค์ ไม่ว่าจะเป็นการติดสติ๊กเกอร์ การใช้ธงสัญลักษณ์ โดยกกต.ระบุว่า จะเร่งพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
เซ็นซอร์โพลล์ไม่ให้ชี้นำด้วย
“ที่มีข้อถกเถียงตอนนี้คือ ผู้ที่ต้องการจัดเวทีเพื่อแสดงความคิดเห็นกันเองจะสามารถทำได้หรือไม่เพราะหากไม่มีกติกาควบคุมในส่วนนี้ก็อาจเกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ เช่นเดียวกับรายการโทรทัศน์หากเชิญเพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาร่วมรายการ ถือว่าอันตราย ส่วนการทำโพลของแต่ละสำนักนั้น สามารถทำได้ แต่ก็มีช่วงเวลากำหนดว่า ห้ามเปิดเผยผลโพลก่อนการลงประชามติกี่วัน เพราะจะเกิดการชี้นำ”นายวิษณุ กล่าว
กมธ.แนะจับตาโค้งสุดท้าย
ด้านนายมานิจ สุขสมจิตร รองประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในสัปดาห์สุดท้ายก่อนการลงมติร่างรัฐธรรมนูญของสปช.ในโค้งสุดท้ายนี้ว่า ในกมธ.ยกร่างฯมีการพูดคุยกันถึงความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นและเชื่อว่าน่าจะมีอะไรออกมาอีก แต่ไม่ได้หวั่นไหว เพราะถือว่าได้พยายามยกร่างรัฐธรรมนูญอย่างดีที่สุดเพื่อประชาชนแล้ว
“เสียงคัดค้านที่ออกมาเป็นเพราะไปกระทบกับสิทธิของคนบางส่วน แต่ประโยชน์จะตกกับประชาชน จึงมั่นใจว่าสปช. จะมีวุฒิภาวะพอ และได้ติดตามการยกร่างรัฐธรรมนูญมาโดยตลอดจะให้ความเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะได้พยายามทำรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดแล้ว จึงเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจและลงมติเห็นชอบตอนทำประชามติด้วย”นายมานิจ กล่าว
ยันคปป.ไม่ใช่ใบสั่งของทหาร
นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ ในฐานะกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวยืนยันว่า คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) ที่ร่างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาในยามวิกฤตินั้น ไม่ได้เป็นใบสั่งจากทหาร แต่เป็นข้อเสนอตามคำขอแก้ไขของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มาพร้อมกับ 9 คำขอ ที่มาในช่วงที่ กมธ.ยกร่างฯเปิดให้มีผู้เสนอคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นข้อเสนอดังกล่าวจึงไม่ได้มาจากทหาร
ทั้งนี้อยากให้ดูไปที่อำนาจของ คปป. เพราะกลไกนี้จะทำให้การปฏิรูปเดินหน้า ไม่สะดุดลงในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เป็นกลไกที่ตอบโจทย์ ป้องกันระงับความขัดแย้งที่วันนี้ยังมีสัญญาณที่ยังต้องให้ความสำคัญ ส่วนอำนาจที่เรียกว่า อำนาจพิเศษ ที่อยู่ในบทเฉพาะกาล มาตรา 280 จะต่อไม่ได้อีกโดยใช้ได้ 5 ปีเท่านั้น และถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดมาตรานี้อาจจะไม่ต้องถูกใช้เลยซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี
สปช.ยันไม่มีซาวเสียงโหวตรธน.
ขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) เผยว่า วิปสปช.จะมีการประชุมกันในวันที่ 1 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นการประชุมนัดสุดท้ายก่อนสิ้นการปฏิบัติหน้าที่ของสปช. โดยจะหารือทั่วไปและสรุปการทำงานของวิปสปช.ที่ผ่านมา ส่วนการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 ก.ย.นั้น ยืนยันว่าจนถึงวันนี้ในสปช.ไม่มีการซาวเสียงว่าจะลงมติในทิศทางใด เพราะไม่ใช่หน้าที่และเป็นเรื่องไม่สมควร เนื่องจากเป็นเอกสิทธิส่วนตัวในการลงมติ โดยการทำงานของวิปสปช.จะไม่มีการกำหนดแนวทางใดๆ
“ผมไม่กังวลอะไรกับการลงมติครั้งนี้ เพราะไม่มีรัฐธรรมนูญใดที่สมบูรณ์ และไม่มีรัฐธรรมนูญใดที่จะมีความเห็นด้วย 100 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นสปช.จึงต้องใช้หลักการในการพิจารณา จึงไม่สามารถตอบได้ว่าขณะนี้ว่าสปช.จะลงมติไปในทิศทางใด เพราะถือเป็นเอกสิทธิ์ของสปช.ทั้ง 247 คน.“นายอลงกรณ์ กล่าว
ล่องเจ้าพระยาปาร์ตี้อำลาตำแหน่ง
นายเทียนฉาย กีระนันทน์ ประธาน สปช.เผยว่า หลังจากสปช.มีการลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันที่ 6 กันายนนี้แล้ว ก็จะมีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ดังกล่าวบนเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ในวันที่ 7 กันยายน โดยเป็นการรับประทานอาหารเย็นบนเรือของเอกชน ซึ่งผู้จัดได้เก็บเงินจากสปช.ที่ไปร่วมงานคนละ 1,500 บาท ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสปช.แต่ละคนใกล้หมดวาระแล้วจะได้พักผ่อน
ด้านนายไพโรจน์ พรหมสาส์น สมาชิกสปช.กล่าวว่า ตนทราบว่าขณะนี้มีสปช.ร่วมลงชื่อไปงานเลี้ยงดังกล่าวจำนวน 160-170 คนแล้ว โดยงานเลี้ยงครั้งนี้ถือเป็นการเลี้ยงอำลาตำแหน่งสปช. รวมถึงเพื่อแสดงความยินดีกับสปช.ที่เป็นนายทหารและได้รับเลื่อนยศ อีกทั้งแสดงความยินดีกับนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ อดีตสปช.ที่ได้ดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ นอกจากนี้ในงานดังกล่าวอาจมีการพูดคุยถึงการตั้งชมรมสปช.ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
“เสรี”อัดยับกมธ.เขียนเช็คเปล่า
ขณะที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสปช. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.) มีข้อเสีย แต่ไม่บอกว่ามีอะไรบ้าง ว่า ไม่รู้ว่ามองตรงกับนายวิษณุหรือไม่ แต่คปป.มีข้อเสีย คือ 1.แม้จะบอกว่าเพื่อความปรองดอง แต่อำนาจสูงกว่าครม.และสั่งงานครม.ได้โดยที่ครม.ต้องปฏิบัติตาม และ 2.อำนาจหน้าที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญอีกส่วนที่ระบุว่าตามที่กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ถือเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เป็นการหมกเม็ด เขียนเช็คเปล่าเอาไว้ โดยไม่รู้ว่าคืออะไร ยิ่งกลายเป็นว่าคปป.มีอำนาจหนักเข้าไปอีก
แปลงร่างเป็นยักษณ์ฤทธิ์เยอะ
“ถ้าเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญมีอย่างนี้อย่างไร ก็ไม่ผ่านสปช. เพราะข้อเสียที่เห็นและไม่ควรจะเกิดขึ้นคืออำนาจของคปป.ที่สูงกว่าอำนาจครม. โดยอยู่ในเนื้อร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่อยู่ในบทเฉพาะกาล ที่ให้มีอายุ 5 ปี และต่อได้อีก 5 ปี ถ้าไปทำประชามติ ก็ถือว่าเป็นองค์กรที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นอำนาจที่สูงกว่าอำนาจสูงสุดของประเทศ กลายเป็นไปออกกฎหมายแปลงร่าง คปป.กลายเป็นยักษ์
ที่มีฤทธิ์มาก”นายเสรีกล่าว
“โคทม”ค้านตั้งกก.ยุทธศาสตร์ฯ
ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เว็บไซต์ประชามติ (prachamati.org) จัดเสวนาหัวข้อ “ความหวังของระบอบประชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่” โดยมีนายโคทม อารียา อาจารย์ประจำสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยในภาคที่ 4 ที่เกี่ยวข้องข้องกับการปรองดองและการปฏิรูป เพราะเป็นการใช้อำนาจเก่าไม่ได้ใช้อำนาจของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตย เช่น คณะกรรมกาารยุทธศาสตร์ฯเป็นการถอยหลัง เป็นการปฏิรูปโดยใช้อำนาจนำ ตนเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้บางส่วนดีขึ้นแต่อาจอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็ง
ทั้งนี้การปกครองโดยกฎหมายผู้มีอำนาจต้องการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการปกครอง มีนัยยว่ากฎหมายที่ออกนั้นดีห้ามเปลี่ยน รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการล็อคอำนาจ สิ่งที่คสช.ทำเป็นการสืบทอดผ่านกฎหมาย อย่างไรก็ตามร่างฉบับนี้คนที่ถูกริดรอนอำนาจมากที่สุดคือนักการเมืองถือว่าเป็นการริดรอนสิทธิประชาชน
ตั้งฉายาร่างรธน.ฉบับหนองใน
ขณะที่นายปูนเทพ ศิรินุพงศ์ อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)
กล่าวว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญมีการใช้บังคับจริงๆ ตนไม่มีความรู้สึกว่าคนร่างต้องการให้มีรัฐธรรมนูญที่ตัวเองร่างแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งไม่ทราบว่าหลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ตนเห็นว่าร่างฯดังกล่าวเป็นภาคต่อรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 และเป็นการขยายเวลาของระบอบคสช. ไม่ใช่รัฐธรรมนูญเปลี่ยนผ่านแล้วจะนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะฉะนั้นต้องไม่ใช่เอาสิ่งที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมาอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญ ส่วนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เป็นพื้นที่ให้คนรุ่นหลัง ปฏิรูปภายใต้กรอบกติกา พื้นที่ต้องเปิดให้คนรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงได้ด้วย
“ตามที่ประธานกมธ.ยกร่างฯบอกว่าให้มองรัฐธรรมนูญเป็นแบบนางงาม มองในภาพรวมอย่าไปดูตับไต หนองข้างใน ฉะนั้นผมขอตั้งชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับหนองใน” นายปูนเทพ กล่าว
ชี้กก.คปป.ต้องเป็นที่ยอมรับ
ด้านนายชลัทประเทืองรัตนานักวิชาการสำนักสันติวิธีและธรรมภิบาล สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า การตั้ง คปป. ควรจะตั้งผู้ที่ความเหมาะสมกับงานปฏิรูปในแต่ละด้านรวมถึงต้องเป็นบุคคลที่ทุกคนยอมรับ ซึ่งหากทำอย่างนี้ได้ก็มองเห็นความหวังในการปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง มีแนวโน้มที่จะสำเร็จได้ ทั้งนี้การปฏิรูปเกิดขึ้นได้ ส่วนการปรองดองจะเกิดขึ้นจะใช้กฎหมายหรือบันทึกข้อตกลงไม่ได้ ทัศนคติ เราต้องมีการแลปเปลี่ยนเรียนรู้กันมากขึ้น โครงสร้างต้องมีความเท่าเทียมกันมากขึ้น ต้องทำควบคู่กันไป
ปชป.แนะสปช.ล้มร่างเพื่อชาติ
ส่วนนายวิลาส จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงเรียกร้องให้ให้สมาชิกสปช.ไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญนี้เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ข้อเสียที่มีไม่กี่มาตราจนกลบข้อดีไปหมด ทั้งเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ที่มาของสว. จากการเลือกตั้ง 77 คน มาจากสรรหา 123 คน จึงส่อว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจ
“หากจะเสียเวลาสักนิดก็ต้องยอม เพื่อประหยัดเงินในการทำประชามติ 3,000 ล้าน และจะได้ตั้ง กมธ.ร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ หยิบเอาข้อดีไปใช้ แล้วพิจารณาแก้ไขข้อเสียอย่างเดียวใช้เวลาไม่ถึง 180 วันก็จะทำให้รัฐธรรมนูญออกไวขึ้น ไม่ต้องห่วงโรดแม็ปแก้มาหลายรอบแล้ว เพิ่มอีกเดือนสองเดือนไม่น่ามีปัญหา”นายวิลาศ กล่าว
“อุเทน”เบรกฝ่ายการเมืองยุคว่ำ
ในขณะที่นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวว่า โดยส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญในหลายประเด็น โดยเฉพาะคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ และการได้มาซึ่ง ส.ส.และ ส.ว. แต่ก็มองว่าฝ่ายการเมืองไม่ควรออกมาแสดงท่าที หรือเรียกร้องให้มีการลงประชามติเพื่อรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ควรอยู่เฉยๆมองดูห่างๆ เพราะอาจถูกกล่าวหาว่าออกมาเคลื่อนไหว แล้วปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจเอง
“ประชาชนต่างมีหูมีตา และคิดเองได้ ไม่จำเป็นต้องไปชี้นำใดๆทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมาเช่นไร ก็เข้าทาง คสช.ที่จะหยิบไปเป็นข้ออ้างที่เข้าข้างตัวเองได้ เพราะต้องการใช้ประชาชนเป็นตัวประกันอยู่แล้ว ขณะที่ผลเสียก็จะตกกับฝ่ายการเมืองเท่านั้น” นายอุเทน กล่าว
หวั่นบิ๊กตู่เสียคนเพราะพวกประจบ
และว่าขอฝากไปถึงสปช.ด้วยว่า อยากให้ สปช.คิดไตร่ตรองให้ดีถึงเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ การร่างออกมาในลักษณะนี้ที่มีหลายมาตราเปิดทางให้หัวหน้า คสช.สืบอำนาจต่อไป ซึ่งจะทำให้ คสช.เป็นเป้าโจมตีและหมดความสง่างาม โดยที่ คสช.เองอาจไม่ทราบก็เป็นได้ ส่วนตัวยังเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ว่าต้องการเห็นบ้านเมืองสุขสงบร่มเย็น แต่เกรงว่าจะเสียคน เพราะมีพวกช่างคิดช่างประจบมากเกินไป
“ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความแตกแยกของคนในชาติต่อไปไม่สามารถสร้างความปรองดองได้ตามที่ คสช.เคยประกาศไว้แต่ต้น ขอเตือนอีกครั้งว่า ไม่มีที่ไหนประเทศใดเขียนรัฐธรรมนูญลักษณะนี้ ที่ผ่านมาการเขียนรัฐธรรมนูญของประเทศไทยได้สร้างความสับสนและความเสียหายให้กับบ้านเมืองมากพอแล้ว” นายอุเทน ระบุ
พท.ชี้ประชาชนรู้ทันหมากคสช.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงการลงมติร่างรัฐธรรมนูญของสปช.ว่า ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ประชาชนมองข้ามช็อตไปถึงขั้นตอนการทำประชามติกันแล้ว น่าเสียดายที่ความกลัวทำให้เสื่อมทางคสช.จึงจำกัดสิทธิการวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยเพราะไม่ว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน คสช.ก็อยู่ในอำนาจต่อไป แต่สิ่งที่น่าห่วงคือเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯที่เป็นโปลิตบูโร ซูเปอร์รัฐซ้อนรัฐ เรื่องเดียวชาวบ้านเขาก็นึกออกว่าพวกท่านกำลังคิดอะไรกันอยู่
นปช.ขู่แถลงท่าทีถ้าสปช.รับร่าง
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า หากสมาชิกสปช.รับร่าง นปช.จะแถลงท่าทีโดยเร็วที่สุด โดยจะรณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในขั้นตอนของการทำประชามติ แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือเมื่อรัฐบาลเห็นว่า หลายฝ่ายไม่พอใจในร่างฯ ก็อาจจะใช้อำนาจบังคับส่วนราชการให้เป็นเครื่องมือ และใครที่รณรงค์ไม่รับร่างฯก็จะเผชิญกับอำนาจรัฐหลายรูปแบบแต่ นปช.ไม่เป็นกังวล เพราะหากประเทศไทยประเชิญกับความไม่เป็นประชาธิปไตยอีกยาวนาน ก็จะส่งผลให้เกิดความเสียหายมากกว่า
นิด้าโพลล์เชื่อร่างรัฐธรรมนูญฉลุย
ขณะที่ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์สำรวจความคิดเห็นสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้าโพลล์) เผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง“สปช.และประชาชนควรตัดสินใจอย่างไรกับร่างรัฐธรรมนูญ” ซึ่งสอบถามประชาชนทั่วประเทศ 1,253 คน ระหว่างวันที่ 26-27 ส.ค.2558 พบว่าประชาชนร้อยละ 40.70 ต้องการเห็นสปช.ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะได้เป็นไปตามแผนโรดแม็พตามที่คสช.วางไว้ ขณะที่ร้อยละ 22.82 รู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นเรื่องของสปช. ร้อยละ 20.11 ต้องการเห็นสปช.ลงมติงดออกเสียง
เมื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านการลงมติของสปช. ประชาชนจะตัดสินใจรับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น พบว่าประชาชนร้อยละ 40.62 ตัดสินใจลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะได้รับความเห็นชอบจากสปช.แล้ว จึงน่าจะมีความไว้วางใจในระดับหนึ่ง ขณะที่ร้อยละ 28.81 ระบุว่าลงมติไม่ออกความเห็น เพราะยังไม่มีข้อมูลหรือทราบถึงเนื้อหารายละเอียด ข้อดี-ข้อเสียส่วนร้อยละ 15.32 ระบุว่าลงมติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้มาจากประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี