1 ก.ย. 58 ที่โรงแรมเรือรัษฎา จ.ตรัง นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสอนและวินิจฉัย กล่าวถึงกรณีการแสดงความคิดเห็นก่อนลงจัดทำประชามติได้หรือไม่ ว่า สามารถทำได้ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เอาเนื้อหาที่มีความเห็นต่างกันมาถกเถียงดีเบส แลกเปลี่ยนบอกข้อดีข้อเสียกันได้ แต่ต้องไม่ใช่การรณรงค์หรือการชี้นำ ด้วยการชุมนุมทางการเมือง หรือจัดเวที
สำหรับบทลงโทษที่เกี่ยวกับการทำประชามตินั้น รัฐธรรมนูญชั่วคราวกำหนดว่า ให้ใช้ตามหมวดสอง ของพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ซึ่งมีทั้งข้อห้ามและบทลงโทษ ทั้งในกรณีการขัดขวางไม่ให้คนไปใช้สิทธิ เช่น ผู้บังคับบัญชา หรือนายจ้างไม่อนุญาตให้ออกไปใช้สิทธิ การทำลายบัตรเลือกตั้ง การก่อความวุ่นวายในหน่วยเลือกตั้ง การข่มขู่ การจูงใจด้วยสินจ้าง เพื่อให้คนไปลงคะแนนอย่างหนึ่งอย่างใด รวมทั้งความผิดของเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการโดยมิชอบ
นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า สำหรับความผิดทางอาญาอื่นๆ หรือความผิดที่ขัดต่อประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เช่น การห้ามชุมนุมทางการเมือง การห้ามรณรงค์ตั้งเวทีนั้น ขึ้นอยู่กับทางคสช. และครม. ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของกกต. ส่วนกรณีที่หากมีมวลชนมาปิดล้อมหน่วยลงคะแนนจะทำอย่างไรนั้น ขณะนี้มีระเบียบรองรับไว้แล้วว่ากกต. สามารถสั่งยุติการลงคะแนนเป็นบางหน่วย และดูว่าจำนวนเสียงในหน่วยนั้นจะเปลี่ยนแปลงผลของการลงคะแนนโดยรวมได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องจัดเลือกตั้งใหม่
ด้านนายประทีป วุฒิรัตนโกวิท ประธานกกต. จ.นราธิวาสเปิดเผยว่า กระบวนการลงประชามติ ตนขอเสนอแนะให้จับตาดูการเจรจาของกลุ่ม “มาลา ปาตานี” กับรัฐบาลว่า หากผลไม่เป็นที่พอใจ อาจจะมีปฏิกิริยาที่กระทบต่อการทำประชามติในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ แต่ห่วงว่าหากการเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญไม่เต็มที่พอ ประชาชนอาจลงมติตามการชี้นำได้ จึงขอเสนอให้ทำสาระร่างรัฐธรรมนูญฉบับย่อภาษาถิ่นให้เข้าถึงประชาชน
“การลงประชามติครั้งนี้จะต่างจากครั้งก่อน เพราะฝ่ายพรรคการเมืองใหญ่ทั้งสองพรรคดูเหมือนจะไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ประชาชนเองก็ไม่อ่านรัฐธรรมนูญโดยละเอียด รัฐบาลควรจะออกไปชี้แจงเต็มที่ในแต่ละหมู่บ้าน เพราะจะมีคำถามด้านประชามติข้อที่สองที่สามตามมาอีก ส่วนการเจรจาระหว่างฝ่ายปฏิบัติการเก่า (มาลาปาตานี) กับทางรัฐ ถ้ามีปฏิกิริยาตอบรับดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่ดีก็อาจจะมีปฏิกิริยาฝ่ายนั้นกลับมา ซึ่งการทำประชามตินั้นมีปัจจัยอีกหลายเรื่องที่ต้องระมัดระวัง” นายประทีป กล่าว
ส่วนนายวิชัย เรืองเริงกุลฤทธิ์ ประธาน กกต. จังหวัดยะลา กล่าวว่า การลงประชามติใน ปี 2550 ประชาชนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมาใช้สิทธิ์ถึงร้อยละ 74 เพราะจัดทำเนื้อหาในรัฐธรรมนูญฉบับภาษาท้องถิ่น ดังนั้นปัญหาการลงประชามติในครั้งนี้ คือวิธีการเผยแพร่เนื้อหาให้ถึงประชาชนอย่างไรให้เป็นกลาง และทำยังไงประชาชนจะเข้าใจเนื้อหาในรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ปล่อยให้ลงคะแนนไปเพราะถูกชี้นำ
“ในอดีตเคยมีประสบการณ์การนำเอกสารชี้แจงชาวบ้านเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ตกค้างอยู่ที่บ้านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่ไปรษณีย์เป็นแสนเล่ม คราวนี้คงมีมาตรการทำให้การแจกจ่ายทั่วถึงจริงๆ” นายวิชัยกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี