บิ๊กตู่ลงนามจ่อทูลเกล้าฯ
ถอดยศแม้ว
นพดลลุ้น4กย.ชี้ชะตา
พิพากษาปมพระวิหาร
อ๋อยพล่านขีดเส้น15วัน
จี้บัวแก้วคืนพาสปอร์ต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ที่ตำรวจทำเรื่องมาตนเซ็นรับเรื่องไปแล้ว เหลือขั้นตอนการทูลเกล้าฯ ทั้งนี้ การถอดยศอย่าไปสนใจว่าเป็นใคร เพราะที่ผ่านมาถอดยศไปแล้วหลายร้อยคน ยืนยันตนไม่ได้สู้กับใคร หากพ.ต.ท.ทักษิณเข้ามา ตนก็จับ
ส่วนกรณีกระทรวงการต่างประเทศยกเลิกพาสปอร์ตนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรมว.ศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย นายกฯให้เหตุผลว่า เป็นเรื่องที่ผิดซ้ำซาก ผิดมาหลายเรื่อง คดีความก็เยอะ เรียกมาพูดคุยเป็นสิบๆครั้งแล้ว
“นี่ยังมีอีกหลายคน ถ้าเราไม่มีกติกาก็เดินหน้าไม่ได้ ในเมื่อวันนี้ผมถูกมองแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว และขอให้จำคำพูดผมและเขียนไว้ด้วยว่า สิ่งที่ผมทำแบบนี้แล้วประเทศได้อะไร อย่ามามองว่าผมทำประเทศเสียหาย ให้ไปถามดูว่าวันนี้ดีกว่าเดิมหรือไม่ และไม่ต้องมาถามว่าถ้ามีคนมาวิจารณ์อีกจะเรียกมาหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ผมจะพิจารณาเอง ไม่ต้องมาตั้งกฎเกณฑ์ มาตีกติกาให้ผม ถ้าจะทำ ผมจะทำให้เป็นธรรมมากที่สุด อย่ามารบกับผมแบบนี้ ขอให้ดูพฤติกรรม ถ้าตักเตือนแล้วหลายครั้ง ไม่เชื่อฟัง ก็ต้องถูกลงโทษกันบ้าง ถ้าไม่อยากถูกลงโทษ ก็ไปรอให้มีรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งแล้ว ก็ไปว่ากันตอนนั้นเอาเอง”นายกฯ กล่าว
วิษณุย้ำจ่อทูลเกล้าฯถอดยศแม้ว
ขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยความคืบหน้าการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิมพ์รายละเอียดต่างๆ เพราะถ้ามีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาต้องประกาศลงราชกิจจานุเบกษา ส่วนเรื่องการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นอีกหนึ่งเรื่อง แยกออกมาต่างหาก เพราะเป็นกฎหมายคนละฉบับและระเบียบคนละส่วน โดยต้องตั้งเรื่องว่าเริ่มต้นจากไหน แต่เข้าใจว่าเป็นทางตำรวจ เพราะคนอื่นจะไปรู้ดีได้อย่างไรว่าเขาผิดอะไร
ยกตัวอย่างคดี“ชลอ”โต้พวกค้าน
ส่วนกรณีชมรมข้าราชการตำรวจบำนาญ 41 ไปฟ้องศาลปกครองคัดค้านการถอดยศ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นเรื่องของเขา แต่ประเภทที่มาบอกว่าไม่เคยมีการถอดยศตำรวจที่พ้นตำแหน่งไปนานแล้วนั้นตำรวจเคยรายงานมาแล้วว่าเคยมีการถอด
“พ้นราชการไป 5 ปี 10 ปี หากมีความผิดสามารถถอดยศได้ ขนาดตำรวจยศกิตติมาศักดิ์ที่ไม่เคยเป็นตำรวจเขายังถอดยศมาแล้ว หากมาบอกพ้นจากความเป็นตำรวจแล้วถอดไม่ได้ ถามว่าแล้วจะถอดตอนไหน ในอดีตเคยมีมาแล้วกรณีของนายชลอ เกิดเทศ ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกคดีเพชรซาอุฯ”นายวิษณุกล่าว
โยนถามกต.ถอนพาสปอร์ต“อ๋อย”
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทางนายจาตุรนต์ นายวิษณุปฎิเสธว่า ไม่ทราบรายละเอียด จึงไม่สามารถให้ข้อมูลได้ ต้องไปถามกระทรวงต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม พาสปอร์ตทางการทูตนั้นกระทรวงการต่างประเทศสามารถยึดได้ แต่สงสัยว่ายึดพาสปอร์ตประเภทใดบ้าง อาจเป็นพาสปอร์ตเล่มน้ำเงินและเล่มสีแดง ส่วนเล่มสีน้ำตาลไม่น่าถูกยกเลิก เพราะเจ้าตัวเสียค่าใช้จ่ายส่วนตัว ส่วนเหตุผลที่ยึดพาสปอร์ตนายจาตุรนต์ เพราะวิจารณ์รัฐบาลและคสช. ตนว่า คงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะแม้แต่คนที่คสช.ห้ามออกนอกประเทศก็ยังไม่ถูกยกเลิกพาสปอร์ต เช่น กรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลให้ประกันตัว แต่ถ้าไปต่างประเทศต้องขออนุญาตศาล ประเภทยึดพาสปอร์ตยังไม่เคยได้ยิน ส่วนจะแรงไปหรือไม่ ตนไม่รู้รายละเอียด แต่ถ้าไม่เคยทำแล้วเพิ่งทำครั้งนี้ถือว่าแรง
“บัวแก้ว”แถลงสตช.ชงเชือดเอง
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศ ชี้แจงกรณีการยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีหนังสือถึงกระทรวงการต่างประเทศ ขอให้พิจารณายกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีหมายจับและเดินทางไปต่างประเทศ โดยกระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า กรณีดังกล่าวเข้าข่ายที่จะยกเลิกหนังสือเดินทางตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548ข้อ 23 (2) ประกอบข้อ 21 (2) จึงได้ยกเลิกหนังสือเดินทางของนายจาตุรนต์ ฉายแสง ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม
รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนหนังสือเดินทางของบุคคลที่ถูกออกหมายจับจำนวน 6 ราย ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ นายจักรภพ เพ็ญแขนายสุนัย จุลพงศธร น.ส.ฉัตรวดี อมรพัฒน์ หรือโรส นายเอกภพ เหลือรา หรือตั้ง อาชีวะ และนายอรรถชัย อนันตเมฆ ซึ่งเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ. 2548 ข้อ 23 (2) ที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่สามารถยกเลิกหรือเรียกหนังสือเดินทางได้เมื่อปรากฏภายหลังว่าผู้ถือหนังสือเดินทางเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาที่ได้ออกหมายจับไว้แล้ว ถือป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ หลังได้รับหนังสือจากสตช.ขอให้เพิกถอนหนังสือเดิมทางของทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีในคดีอาญาที่ได้ออกหมายจับไว้แล้ว
“อ๋อย”บุกพบอธิบดีกรมการกงสุล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกัน นายจาตุรนต์เดินทางเข้าพบนายธงชัย ชาสวัสดิ์ อธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงและคำชี้แจงกรณีถูกยกเลิกหนังสือเดินทาง โดยนายจาตุรนต์กล่าวก่อนเข้าพบว่า ตนจะสอบถามสาเหตุยกเลิกหนังสือเดินทาง และหน่วยงานใช้อำนาจใดทำเรื่องมาให้ยกเลิก เพราะเห็นคำชี้แจงของกรมสารนิเทศผ่านเว็บไซต์ที่เป็นเพียงข้อความสั้นๆที่ข้อมูลคลาดเคลื่อนมาก และยากถามว่ากระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบหลักฐานข้อเท็จจริงดีแล้วหรือไม่ อีกทั้ง ตนทำหนังสือถามปลัดกระทรวงการต่างประเทศให้ชี้แจงเหตุผลที่ยกเลิกพาสปอร์ตเป็นลายลักษณ์อักษร และจะหาทางดำเนินการต่อไป
ส่วนที่นายกฯยืนยันมีการเตือนนายจาตุรนต์แล้ว แต่ยังทำผิดซ้ำซาก นายจาตุรนต์ย้อนถามว่านายกฯพิจารณาจากอะไรว่าตนทำผิด และการยกเลิกหนังสือเดินทางนำมาใช้ลงโทษไม่ได้ อีกทั้ง เป็นเรื่องใหม่มาก เพราะการเดินทางเข้าออกประเทศเป็นสิทธิพลเมืองขั้นพื้นฐาน คดีที่มีอยู่ระหว่างพิจารณาเขตอำนาจศาล ยังไม่ได้เริ่มไต่สวนจะสรุปว่าผิดไม่ได้
ขีดเส้น15วันกต.ถอนคำสั่ง
ภายหลังการหารือ นายจาตุรนต์เปิดเผยอีกครั้งว่า อธิบดีกรมการกงสุลชี้แจงสาเหตุยกเลิกพาสปอร์ตว่า เพราะได้รับการร้องขอจากหน่วยงานทางปกครอง อาทิ สตช. ซึ่งตนเข้าใจว่าการทำงานของกรมการกงสุลเคยปฎิบัติมาอย่างไรทำไปตามนั้น โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะตนไม่ได้อยู่ระหว่างออกหมายจับหรือหลบหนี และการเดินทางออกนอกประเทศอยู่ในอำนาจของศาลทหาร ทั้งนี้ ตนยื่นให้กระทรวงการต่างประเทศทบทวนการยกเลิกพาสปอร์ตภายใน 15 วัน ถ้าไม่ทบทวน ตนจะร้องขอให้องค์กรอื่นพิจารณาให้สิทธิกลับคืนมา ซึ่งตนเชื่อว่าบ้านเมืองนี้ยังมีองค์กรที่มีความเป็นธรรมอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์ยังได้นำหนังสือเดินทางปกสีน้ำตาลที่ถูกยกเลิกมาแสดงต่อสื่อมวลชน พร้อมระบุว่าเป็นเล่มที่หมดอายุและตนนำมาต่อใหม่ โดยกรมการกงสุลออกเล่มใหม่ให้เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา
ศาลฎีกาฯนัดชี้ชะตา“นพดล”4กย.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถึงความคืบหน้าคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยื่นฟ้องนายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช 2551 ความผิดฐานปฎิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 กรณีนายนพดลลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชานำปราสาทเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา นายประเสริฐ โอนพรัตน์วิบูล รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไต่สวนพยานจำเลย นัดสุดท้าย ก่อนให้คู่ความทั้งสองฝ่าย ยื่นคำแถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม และนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 4 กันยายน เวลา 13.00 น.
สำหรับคดีนี้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องศาลฎีกาฯ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม โดยศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2556 ซึ่งนายนพดลให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยชั้นพิจารณา ศาลฎีกาฯ ให้ นายนพดลประกันตัว โดยศาลตีราคาประกัน 2 ล้านบาท และนายนพดลต้องมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาฯด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี