4 ก.ย.58 ที่ห้องนภาลัย โรงแรมดุสิตธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานกล่าวในพิธีเปิดการประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานระดับรัฐมนตรีกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้หัวข้อ "ความร่วมมือด้านแรงงานเพื่อยกระดับคุณภาพแรงงานอพยพกับการจ้างงาน" (Enhancing Labour Cooperation on Migration for Employment in CLMTV) การประชุมความร่วมมือเชิงวิชาการด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้านในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านแรงงานและความร่วมมือทางวิชาการเพื่อพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ระหว่างประเทศลุ่มแม่น้ำโขง โดยมีผู้เข้าร่วมระดับรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูงจาก 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา ไทย และเวียดนาม
โดย นายกฯ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมวิชาการจะมีประโยชน์กับทุกประเทศเพื่อจะได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล ที่ผ่านมา มีความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่ต้องยกระดับความเป็นอยู่ของประเทศที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกัน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สอดคล้องการพัฒนาของทั้งสองประเทศ และความร่วมมือโดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยี การศึกษา ต้องพัฒนามากขึ้น เราถือว่าเพื่อนกันทั้งสิ้นเป็นหุ้นส่วนกัน ไม่มีใครนำใคร และจะไม่ทิ้งประเทศใดประเทศหนึ่งไว้แต่จะเดินไปพร้อมกันในอาเซียนทั้งหมด และภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ถือเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สิ่งสำคัญของโลก แต่สิ่งสำคัญคือทำอย่างไรไม่ให้สินค้าเกษตรตกต่ำไปมากกว่านี้ ดังนั้น จึงต้องมีการบูรณาการร่วมกัน เพราะถ้าวันหน้าราคายังเป็นอย่างนี้ ทุกคนก็จะออกจากภาคเกษตรไปทั้งหมด แล้วใครจะปลูกข้าวให้กิน มีแต่อาวุธยุทโธปกรณ์จะอยู่กันอย่างไร กลุ่มประเทศของเรามีเอกลักษณ์ สามารถดึงดูดใจ แต่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย มีการหลอกหลวง เรื่องการท่องเที่ยวเราต้องไม่เกิดขึ้นอีก เรื่องภูมิศาสตร์ ไม่มีใครเป็นศูนย์กลาง แต่เราต้องเชื่อมโยงกันหมด การค้าการลงทุน แรงงานต้องเชื่อมกันหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องเป็นเศรษฐกิจเดียวที่มีความยั่งยืน วันนี้มีการประชุมด้านแรงงานที่เราต้องยกระดับแรงงานคุณภาพลดการอพยพและการจ้างงาน ทั้งนี้ ตนทราบว่าทางประเทศฟิลิปปินส์มีการจัดทำแผนและระบบการดูแลแรงงานเป็นอย่างดี ทั้งแรงงานต่างชาติที่เข้าไปทำงาน และแรงงานของตนเองที่ไปทำงานในประเทศอื่นๆ ขอให้ไปหาข้อมูลและศึกษามา เพราะเป็นแผนงานที่ดี ซึ่งเพื่อนเรามีอะไรดีเราก็ไปรับของเขามา และหากประเทศไทยมีอะไรดีก็ให้รับไปเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เราต้องบูรณาการร่วมกันเพื่อให้แรงงานทุกคนมีความเท่าเทียม ลดความเหลื่อมล้ำไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทั้งนี้ ไทยถือว่ารับแรงงานต่างชาติเข้ามากที่สุดซึ่งการพัฒนากำลังคนให้มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความร่วมมือกัน ซึ่งไม่ใช่ภาระของประเทศใดประเทศหนึ่ง เราจะต้องดูแลตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทาง ซึ่งเรื่องดังกล่าวนำไปสู่การตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการค้าชายแดน
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนในเรื่องการจัดส่งแรงงานที่ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และภาคเอกชน โดยเฉพาะบริษัทจัดหางานที่ต้องปรับปรุงมาตรฐาน เพราะที่ผ่านมายังไม่ได้มาตรฐานเท่าที่ควร จึงเปิดช่องให้เจ้าหน้าที่ทุจริตซึ่งต้องไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก และต้องไม่ให้มีการค้ามนุษย์โดยเด็ดขาด เราให้ความสำคัญโดยการเพิ่มศักยภาพแรงงานในภูมิภาค โดยตั้งสถานฝึกฝีมือแรงงานที่ จ.ตาก เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งสถานฝึกฝีมือแรงงานอาจพัฒนาในสถานประกอบเหมือนการศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) กำหนดให้เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐกับสถานประกอบการ ซึ่งไทยกำลังเร่งรัดอยู่ จากนี้จะให้มีการศึกภาษาโดยเฉพาะเรื่องของศัพท์เทคนิค เนื่องจากจะนำไปสู่การพัฒนาจากแรงงานสู่หัวหน้า และไทยเองพยายามส่งเสริมเรื่องภาษาเมื่อเปิดอาเซียนจะต้องพูดได้อย่างน้อย 2 - 3 ภาษา
นายกฯ กล่าวว่า การพิสูจน์สัญชาติที่ต้องเร่งรัดให้ได้โดยเร็วเพราะหากรอมารวมจะเกิดปัญหา ขอให้ทุกประเทศเตรียมการเรื่องพิสูจน์สัญชาติ โดยขณะนี้ผู้นำของหลายประเทศได้ขอเวลาในเรื่องนี้ ซึ่งเราก็ยินดีแต่สุดท้ายภาระก็จะตกมาที่ไทย เนื่องจากเราต้องเตรียมความพร้อมดูแลทั้งเรื่องสาธารณสุขและการศึกษา เมื่อเราให้เวลาไปแล้วก็ขออย่าให้มีปัญหา ทั้งนี้ ภายหลังจากปี 2559 จะไม่อนุญาตให้แรงงานต่างชาตินำญาติติดตามเข้ามาทำงาน พร้อมเสนอให้จัดทำฐานข้อมูลแรงงานบนพื้นฐานเดียวกันของกลุ่มลุ่มน้ำโขง ส่วนด้านความร่วมมือด้านแรงงาน เราอยากให้ทุกประเทศร่วมมือกัน เพื่อความสะดวกของทุกประเทศ หรืออย่างน้อยๆ ก็อาจเป็นข้อตกลงร่วมกันที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งนี้ ยังหวังว่าจะมีการประชุมร่วมกันแบบนี้ทุกปี ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ เนื่องจากขณะนี้โลกเราไร้พรมแดน เราจึงต้องวาดอนาคตให้คนและแรงงานได้เห็น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ตนกับผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ มีความเข้าใจกันดี ร่วมมือกันทึกอย่างไม่มีความขัดแย้งเลย และปัญหาตามแนวชายแดนก็ไม่เกิดขึ้น เราขัดแย้งกันไม่ได้อยู่แล้วในทุกเรื่อง ฉะนั้น การพัฒนาในช่วงที่รัฐบาลนี้ยังอยู่ ยืนยันว่าจะทำให้ทุกอย่างให้เกิดความเท่าเทียมกัน โดยใช้กฎกติกาของประชาคมโลกต่างๆ และที่สำคัญคือการลดการทุจริต คอรัปชั่นในทุกมิติและเจ้าหน้าที่ต้องถูกลงโทษทุกเรื่อง ซึ่งตนเห็นใจในเรื่องการปฏิบัติตามกฎหมายที่เป็นปัญหามาโดยตลอด หากเราปล่อยปะละเลยมากแล้วมาเข้มงวดก็เป็นปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้น แต่ต้องขอร้องให้เข้าใจ ถ้าเราไม่จัดระเบียบ วันหน้าเหตุการณ์ความขัดแย้งตามซีกโลกอื่นๆ จะเกิดขึ้นในแถบประเทศอาเซียน ฉะนั้น ต้องระมัดระวังและขอให้มีการตรวจสอบแรงงานเหล่านี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หวังว่าการประชุมครั้งนี้จะเกิดความสำเร็จเป็นรูปธรรม เพื่อเป็นรากฐานต่อการพัฒนาเศรษฐกิจความมั่นคง และความผาสุกของประชาชนในประเทศลุ่มน้ำโขง และขอบคุณผู้เข้าร่วมประชุมที่ให้เกียรติประเทศไทย และอยากให้มาท่องเที่ยวบ่อยๆ ส่วนโครงการท่าเรือน้ำลึกทวายตอนนี้เรากำลังเร่งให้ ไม่ใช่เพื่อตนหรือประธานาธิบดีเมียนมา แต่เพื่อประชาชนทั้งสองประเทศ และตนได้พาญี่ปุ่นมาร่วมมือ รวมถึงอินเดียก็ตามมา เราต้องร่วมมือกันแบบนี้ จากศักยภาพที่มีอยู่แล้วอย่างประเทศเวียดนามที่มีการท่องเที่ยวทางเรือ ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่าภายในปีนี้หรือปีหน้าต้องขับรถไปโฮจิมินให้ได้ และวันนี้ไทยก็กำลังทำเรือคลุยขนาดใหญ่ที่ จ.ภูเก็ต เพื่อจะได้เชื่อมต่อกันโดยการท่องเที่ยว
"อย่ามาระแวงกัน อย่ามาโกรธกัน ทุกอย่างทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนของทุกประเทศ ผมมีกำลังใจที่เห็นทุกคนร่วมมือโดยเฉพาะมิตรประเทศ ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน ประเทศไทยไม่ใช่ศัตรูของใครทั้งสิ้น วันนี้ขอเวลาเราเดินหน้าไปหน่อย ถ้าเอามาตรฐานเดียวกันมาดูทั้งหมดมันไปไม่ได้ ประชาชนก็เดือดร้อนแต่เราเคารพทุกประเทศในโลก" นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี