4 ก.ย.58 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ "เดินหน้าประเทศไทย" ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์บ้านเมืองไทยในปัจจุบัน ดังนี้
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
พบกันเช่นเคยนะครับ ในคืนวันศุกร์ ในห้วงเวลานี้ นับ เป็นช่วงเวลาสำคัญที่พวกเราทุกคนต้องร่วมแรงร่วมใจในการเดินหน้าประเทศไทย ไปในอนาคตนะครับ โดยทุกคนต้องคิดร่วมกัน หารือร่วมกันนะครับ โดยไม่อาทุกอย่างมาขัดแยงกันทุกเรื่องนครับ วันนี้เรากำลังพูดถึงเรื่องอนาคตนะครับ ก็คือการมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เป็นสากล แต่พวกเรามั่นใจหรือยังว่า ในวันหน้านั้นถ้าหากว่าเป็นดังกล่าวแล้ว จะเป็นเหมือนเช่นห้วงที่ผ่านมาหรือเปล่านะครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องมาคิดกัน ขณะนี้ คณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ก็กำลังจะเสนอ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ นะครับ ก็เป็นการเดินหน้าตาม Roadmap ของ คสช. ซึ่ง คสช. บอกไว้แล้วว่า ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน จะเลื่อน ก็เป็นไปตามนั้นนะครับ ผ่านหรือไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของ สปช. นะครับ ถ้าผ่านก็ต้องมั่นใจให้ได้ว่าต้องมีการปฏิรูป แล้วก็ไม่มีความขัดแย้ง ถ้าไม่ผ่าน ก็ดูซิว่าไม่ผ่านตรงไหน ด้วยเรื่องอะไรนะครับ แต่ถ้าจะไม่ผ่านเพราะว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย ผมคิดว่าอันนั้นไม่เป็นธรรมกับประชาชนนะครับ
เพราะงั้นประชาชนก็ต้องการที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลง ต้องการให้มีการปฏิรูปนะครับ การที่มีรัฐธรรมนูญ คำว่าจะมีรัฐธรรนูญที่เป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็นประชาธิปไตยนั้นผมคิดว่า วัตถุปร สงค์การเป็นประชาธิปไตยนั้นก็คือประชาชนจะต้องได้รับประโยชน์นะครับ ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่พรรคการเมือง ไม่ใช่ใครก็แล้วแต่เป็นผลประโยชน์ แล้ว คสช. ก็ ไม่ได้ประโยชน์จากตรงนั้นด้วยอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นขอให้ท่านไปพิจารณากันให้ดี หลายท่านก็อยากจะให้ผมออกมาตัดสิน ผมตัดสินไม่ได้นะครับเรื่องนี้ เป็นเรื่องของทุกคนจะต้องตัดสินตัวเอง ตัดสินประเทศชาติของตัวเองได้นะครับ เพราะงั้นการออกเสียงลง(ประชา) มติของ สปช. ก็เป็นเสรีนะครับ เป็นอิสระ ไม่ต้องให้ใครชี้นำนะ ใครเห็นด้วยก็ลงเห็นด้วย ใครไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วยนะครับ แต่ต้องไม่มองว่าหลักการ เหตุผลคืออะไรนะครับ แล้วก็ดูให้ครบทุกหมวดด้วย ไม่ใช่เฉพาะหมวดนี้มีปัญหาอยู่ 3-4 เรื่อง เฉพาะเรื่องที่มีผลกระทบกับพรรคการเมืองทั้งสิ้นนี่ ผมคิดว่าไม่ถูกต้องนะครับ ผมเคารพการตัดสนใจของทุกท่านนะครับ ก็หวังให้ประเทศเรานั้นมีการเดินหน้าปฏิรูป แล้วก็มีรัฐบาล หรือเป็นนักการเมืองที่ดีๆ เข้าเข้ามาในสภาแล้วก็ดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ได้ คงต้องใช้เวลานานพอสมควรนครับ ไม่ใช่ใช้เวลา ปี สองปี คงไม่เสร็จ ปฏิรูปทั้งหมดนะครับ ผมก็จะไปเฝ้ารอคอยดูว่าความสำเร็จของท่านก็แล้วกัน เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจวันที่ 6 ด้วยนะครับ
การที่ประเทศของเราเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกันได้นั้น ที่ผมเคยพูดไว้ว่า Our Home Our Country Stronger Together นั้น เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของพี่น้องประชาชนนั้น เป็นเรื่องของเศรษฐกิจด้วยนะครับ นอกจากความมั่นคงแล้ว ก็เป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ปากท้องพี่น้องประชาชน ทุกอย่างมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันนะครับ ในการขับเคลื่อนประเทศ สัปดาห์นี้้ รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะเร่งด่วนนะครับ เพื่อจะช่วยเหลือบรรเทาภาระของพี่น้องประชาชน ผู้มีรายได้น้อย ในทุกพื้นที่ ให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้ในชุมชน มีโครงการที่เป็นประโยชน์ และตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในชุมชน อย่างแท้จริง
เราต้องการให้มีเงินหมุนเวียนในพื้นที่ เพื่อจะช่วยวางรากฐานให้ชุมชนเข้มแข็ง มาตรการดังกล่าวนั้นจะครอบคลุมท้องถิ่น ทั้งในระดับหมู่บ้านตำบล ในหมู่บ้านนั้นได้มีการจัดสรรเงินกู้ ให้กับกองทุนหมู่บ้าน ที่อยู่ในเกณฑ์ระดับ A และ B คือมีผลประกอบการที่ดีนะครับ ดีมาก ดี กองทุนละไม่เกิน 1 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีแรกนั้น จะปลอดภาระดอกเบี้ย เพื่อให้พี่น้องประชาชน ไม่ต้องกังวลนะครับ ในการจ่ายคืนหนี้ในช่วงแรก ที่นำเงินไปลงทุน อย่าไปใช้ในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์นะครับ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้รับความเชื่อมั่น ไว้วางใจ จากสังคมโดยรวมว่าไปใช้ซื้อในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นผู้รับผิดชอบนะครับ เพราะว่าเป็นเรื่องของการเป็นประชาธิปไตยที่ต้องให้ประชาชนนั้นมีส่วนร่วม หรือเป็นผู้หนึ่งในการใช้จ่ายเงิน สอนให้มีความเข้มแข็งนะครับในการจัดระบบในเรื่องของดูแลประชาชนด้วยกันเองนะครับ นี่แหละคือสิ่งที่เป็นพื้นฐานแรกของการกระจายอำนาจนะครับ แต่จะต้องไม่ทุจริต ไม่นำไปแจกให้กับหัวคะแนน ให้หัวคะแนนนั้นไปแจกให้สมาชิกที่เป็นพวก ถ้าไม่ใช่กลุ่มนี้ พรรคนี้ก็ไม่ได้ นี่แหละคือปัญหา ผมไม่ด้ไปว่าประชานิยมอะไรทั้งสิ้นนะ แต่ถ้าประชาชนมีปัญหาเหล่านี้ ผมก็ไม่ทำนะ
แต่อันนี้เป็นเรื่องของการที่ทำเพื่อให้ประชาชนได้มีเงิน มีใช้ ใช้สอยได้พอสมควรในช่วงนี้ ซึ่งมีรายได้น้อย ไม่ใช่ประชานิยมเพราะผมไม่ต้องการให้ท่านมาชอบผม ผมต้องการให้เศรษฐกิจเดินหน้านะครับ ถ้ามีเม็ดเงินตรงนี้ มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ภาคการผลิต เขาก็สามารถจะผลิตของมาขายได้ ถ้าผลิตมาแล้วไม่มีคนซื้อมันก็พังตามกันไปอีกนะ เพราะงั้นรัฐบาลก็จะมีกลไกในการตรวจสอบนะครับ จะไม่ปล่อยปละละเลยเหมือนเช่นเดิมที่ผ่านมาในห้วงก่อนหน้าเราเข้ามานี่นะ เพราะงั้นจะทำให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง เพราะงั้นใครที่ออกมาพูดตามสื่อ ตามอะไรต่างๆ เหล่านี้ ไปดูซิว่าละเอียด ท่านทำอะไรไว้ยังไงนะครับ
วันนี้เราก็ต้องมาแก้ไขทั้งหมด สำหรับกองทุนหมู่บ้านในระดับ C และ D นั้น ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าได้มีมาตรการในการเข้าไป ฟื้นฟูอยู่แล้ว ได้มีการเน้นกันไว้แล้ว ตั้งแต่ ครม. ชุดที่แล้วนี้นะครับ ก็จะนำมาใช้จ่ายให้สามารถที่จะทั่วถึงนะครับ คือตอนแรกนี่คิดแต่จะให้กองทุนที่ดี แล้วที่ไม่ได้ ที่ฟื้นฟูผมว่าไม่ใช่ความผิดของเขา เพราะงั้นต้องฟื้นฟูเขาให้ได้นะครับ เดี๋ยวจะให้ทั้งคสช. ให้มหาดไทย เข้าไปดูแลคณะกรรมการด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นอย่าทำทุจริตโดยเด็ดขาดนะครับ ผมไม่ต้องการให้มีผลกระทบทางด้านการเมืองนะครับ ในเรื่องคะแนนเสียงต่างๆ ทั้งสิ้น ในช่วงนี้นะครับ ในส่วนของกองทุนหมู่บ้านนี้ผมถือว่าเป็นเม็ดเงินที่จะถึงประชาชนได้อย่างแท้จริง แล้วปร ชาชนเป็นผู้ดำเนินการเอง แต่ช่วงนี้จะต้องมีคนเข้าไปดูแลนะครับ ที่ผ่านมาก็มีกฎหมายบอยู่แล้ว ให้เขาทำเองได้ อะไรได้ แต่ก็ปรากฎอาจจะมีคนบางคน หรือบางพวกไปทำให้เกิดความใม่เป็นระเบียบ ไม่เกิดความเป็นธรรม ทั่วถึงนะครับ ทำนอง
ในระดับตำบลนั้น เราก็เพิ่มงบประมาณลงไปอีกก้อนหนึ่งนะครับ ทุกตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท อันนี้ก็เพื่อต้องการให้เกิดการกิจกรรมหมุนเวียนในท้องถิ่น ที่ผ่านมาเราเคยให้ไปแล้วนะครับในตำบลที่แล้งซ้ำซาก ตำบลละ 1 ล้าน ก็ปรากฎว่าประชาชนก็เสนอมาว่าไม่เคยได้รับเงินอย่างนี้มาก่อน ก็คือเขาเอาไปลงทุนทำโน่นทำนี่ ขุดบ่อน้ำ ซ่อมแซมถนน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ สร้างลานมัน สร้าง จัดหาเครื่องมือ เครื่องสีข้าวขนาดเล็ก อะไรก็แล้วแต่นะ ผมถือว่าเป็นการลงถึงมือเขา แล้วเขาเป็นคนกำหนดโครงการเองนะครับ แต่เราต้องไปดูเช่นกัน ทั้ง คสช. มหาดไทย กระทรวงเกษตร ต่างๆ ต้องไปเดินดูทั้งหมดนะครับ
เพราะงั้นขอร้องเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ด้วย ถ้าหากตรวจพบการทุจิตตรงใดก็ตาม ให้รีบแจ้งมานะครับ เพราะงั้นคนทำก็ไม่ต้องกลัวทุจริต ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนจับนี่ จับโน่น ถ้าตั้งใจดีแล้ว ได้เงินไป คิดว่าจะทำยังไงให้คนอื่น อย่างที่ผมเคยพูดมาแล้วนี่ มันไม่มีเรื่องหรอกนะ หลายคนก็บ่นมาว่าเอ๊ วันนี้รัฐบาลเข้มงวด คตร. คสช. อะไรต่างๆ ไปเข้มงวดเรื่องการทำแผนงานโครงการ ก็ทำให้มันถูกต้องแล้วจะไปกลัวอะไรเล่า ไอ้ที่มันกลัว เพราะทำไม่ถูกต้อง หรือไม่มีความรู้อย่างแท้จริง เพราะงั้นท่านก็ไปเรงมาซิครับ ทำยังไงถึงจ่ายงบประมาณได้ แล้วช่วยรัฐบาล ช่วยประชาชนของท่านไม่ใช่กลัวแต่ว่าจะถูกจับ ถูกจับ ก็ท่านทำผิด ก็ต้องถูกจับอยู่ดีนี่นะ
เพราะงั้นผมต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น อย่างเท่าเทียมนะครับ อย่าให้ใครเขามาว่าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอดีตนักการเมืองอะไรก็แล้วแต่ ชอบมาพูดทำนองว่าตอนนี้งบประมาณช้าเพราะว่าข้าราชการไม่กล้าทำ เพราะเราไปตรวจสอบ แล้วผิดตรงไหน ถ้าตรวจสอบ ผิดตรงไหน หรือจะต้องไม่ตรวจสอบ ผมไม่รู้นะ ทีนี้เมื่อไปตรวจสอบผมก็ใช้สติปัญญาของผมนะ ก็สั่งการไปแล้วว่า โครงการนี่ไม่ได้ตรวจทุกโครงการหรอก บางโครงการเขาก็มีเจ้าหน้าที่เขาทำอยู่แล้ว แต่บางโครงการที่มีความล่อแหลม ก็จะลงไปตรวจสอบ แล้วก็ถ้าพบการกระทำความผิดก็หยุด ไม่ให้ทำเอามาดำเนินคดี แล้วโครงการนั้นก็ไปหาทางทำต่อให้ได้ นั่นแหละคือวิธีการที่ผมทำอยู่ในเวลานี้ ผมไม่เห็นมันจะผิดตรงไหนนะ เว้นเสียแต่ว่าต้องการเอาเงินออก แล้วใครทุจริตอะไรก็ว่ากันไปงั้นเหรอ นะ คนพูดระวังตัวไว้แล้วกัน
ในเรื่องของการเร่งการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กนะครับ อาทิเช่นการซ่อมสร้างเล็กๆน้อยๆ ซ่อมโรงเรียน ซ่อมอาคารราชการ ทาสีอะไรเหล่านี้ ก็ต้องการที่จะให้มีเม็ดเงินลงไป เกิดการจ้างงานให้มากขึ้นนะครับ สามารถเบิกจ่ายได้รวดเร็ว มีการแก้ไขกฎระเบียบ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ติดขัด บางอย่างก็มีการผ่อนผันมีการชะลออยู่แล้ว ขอร้องอย่างเดียว อย่าทุจริตกันนะ ต้องเสริมสร้างทั้งสองอย่าง ใช้กฎหมาย ใช้การปลูกจิตสำนึก ใช้ความมีอุดมการ ที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ทุกคนคิดแบบนี้ได้นะ ผมก็เบาแรงนะ ผมก็ไม่จำเป็นจะต้องมาพูดมากขนาดนี้หรอก เราต้องการให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไปทั่วทุกภูมิภาคไปพร้อมๆ กัน ให้มีการกระจายการลงทุนไปสู่ท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งในชุมชน กระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะเร่งด่วน ที่ทุกคนมีความลำบากในขณะนี้ จากภายในประเทศ แล้วก็จะได้มีการ ลดผลกระทบจากภายนอกด้วยนะครับ
ขณะเดียวกัน เราก็ต้องสร้างความเข้มแข็งไปด้วยนะ ไม่ใช่ว่าทำตรงนี้อย่างเดียว อย่างอื่นเราก็ทำด้วย สร้างความเข้มแข็งเพิ่มการลงทุนทั้งในประเทศ ต่างประเทศนะ แล้วก็ในเรื่องของการเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ ในเรื่องของการค้าชายแดน ทุกอย่างเป็นระบบหมด ที่ผ่านมาทำเป็นระบบอย่างนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ทำระบบอย่างนี้ อย่ามาต่อว่าผม อย่ามาพูดตามสื่อนะ ผมรับไม่ค่อยได้ เพราะงั้นทุกอันต้องมีความโปร่งใส คุ้มค่า
หลายท่านอาจจะมองว่าเป็นประชานิยม ก็คือทำให้ประชาชนนั่นแหละ เพียงแต่ว่า ผู้ทำไม่ได้ประโยชน์ ถ้าจะทำเหมือนที่ผมกำลังพยายามทำเวลานี้นะ เพราะงั้นไปทบทวนดูของตัวเองดูซิว่ามีข้อบกพร่องตรงไหนบ้าง วันนี้กองทุนหมู่บ้าน 7 หมื่นกว่ากองทุนนี่ ก็ใช้ได้ประมาณสัก 2 ใน 3 นะ ที่เหลืออีก 1 ใน 3 ก็เป็นในส่วนของที่พอใช้ได้แล้วก็ยังใช้ไม่ได้ แล้วก็ใช้ไม่ได้เลย นี่แหละครับ นี่คือการทำประชานิยมสมัยก่อนนี้ เพราะงันวันนี้เราทำคล้ายๆ กัน แต่เราต้องไปเข้มงวดดูแลข้างล่าง สร้างจิตสำนึก แล้วก็ไม่ให้ทำเองในส่วนที่ยังไม่เรียบร้อยนี่นะ จะให้เจ้าหน้าที่ไปดูแลด้วยนะ
รัฐบาลได้คำนึงถึงวินัยการเงินการคลังอยู่แล้วนะครับ ถึงแม้ว่าจะมีการใช้จ่ายไปในงวดที่สองนี้ในการช่วยเหลือประชาชนในการลงทุน เราก็ควบคุมให้อยู่ภายใต้ระบบระเบียบของวินัยการคลัง ว่าทำยังไงหนี้สาธารณะไม่เกิน ต้องไปดูซิว่า หนี้สาธารณะมันเกิน ที่ผ่านมาแล้วนี่ เป็นหนี้สาธารณะจากเรื่องอะไรบ้าง ถ้าเรื่องที่เป็น มีอะไร เขาเรียกอะไร สร้างทรัพย์สินที่มีมูลค่า เป็นหนี้ที่มีมูลค่านะครับ เช่นสร้างรถไฟ สร้างรถไฟฟ้า อะไรเหล่านี้ มันเป็นก่อให้เกิดรายได้ทั้งสิ้น เป็นหนี้ไปใช้หนี้ที่อะไร มีความเสียหาย อีกหลาย ประมาณเยอะนะ เจ็ดแสน แปดแสนล้าน ทั้งหมด ทั้งระบบนะครับ อีกหลายเรื่องด้วย กำลังดำเนินการอยู่ นี่แหละทำให้หนี้สาธารณะสูงขึ้น โดยที่ไม่มีรายได้เกิดขึ้นในอนาคต ที่เราทำขณะนี้ จะต้องมีรายได้เกิดขึ้นในอนาคต เว้นเสียแต่ว่าในส่วนที่ให้แก่ประชาชนนั้น ประชาชนก็ต้องเข้มแข็งขึ้น มีขีดความสามาถในการแข่งขันมากขึ้น ถ้าไม่คิดเป็นระบบแบบนี้มันไปไม่ได้หรอกครับประเทศ จะไปมุ่งหวังการส่งออกอย่างเดียวไม่ได้นะครับ
อีกเรื่องหนึ่ง คือเรื่องของราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ราคาเท่าที่กระทรวงพาณิชย์ ไปตรวจสอบ หรือหน่วยงานไปตรวจสอบ ราคาก็อาจจะมีเพิ่มขึ้นบ้างไม่มากนักนะครับ ก็ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบราคาสินค้า และเจรจากับผู้ผลิตผู้ประกอบการค้าด้วย ให้กำหนดราคาขายให้เหมาะสมนะครับ ไม่ใชว่าเออ ราคาก็ยังสูงอยู่ วันนี้ก็ต้องขอร้องกัน เรียกประชุมหน่วยงานทีเกี่ยวข้อง แล้วก็ภาคเอกชนด้วยนะครับ วันนี้ผมก็ได้ให้นโยบายใหม่ไป ให้กับท่านฝ่ายเศรษฐกิจไปนะครับ ท่านรองไป ว่าผมอยากให้มีตลาดกลาง แต่ละภูมิภาคนะครับ แล้วก็ไปเชื่อมต่อกับตลาดชุมชนในท้องที่ เพื่อให้มีการซื้อและขายสินค้าในราคาย่อมเยานะครับ ในลักษณะเป็นเกษตรกรเข้ามาดำเนินการเอง จำหน่ายเองนะครับ เจ้าหน้าที่รัฐอาจจะเพียงจัด ดูแลเรื่องการตลาด สถานที่ แล้วก็เป็นเรื่องของการ แพ็คกิ้ง ทำหีบห่อ ทำกล่องให้เขา เขาก็มากำหนดราคาขายกันดูซิ ผมเห็นที่ต่างประเทศเขาทำนะ เมื่อวานก็ได้สั่งการไปแล้ว ท่านรองนายกก็รับไปแล้วนะครับ คุญกับกระทรวงพาณิชย์ดูซิว่าทำได้ไหม?
ในเมื่อเราเปิดตลาดกลางเพื่อการเกษตร หรือประมงอะไรก็แล้วแต่ สินค้าประมง สินค้าทางสัตว์น้ำนี่ ก็อาจจะเป็นไปได้หรือไม่ เราทำสองทางคือการที่เราเอาสิ่งของราคาถูกไปขายด้วย ไม่งั้นเราต้องไปทำในเรื่องของ ธงฟ้า ซึ่งอาจจะไม่ทั่วถึง ไม่ทันเวลา ถ้าเราสร้างพื้นฐานไว้ตรงนี้นะครับ แล้วต่อไปก็จะเข้มแข็งเอง เราก็ขอความร่วมมือกับบริษัทให้ผลิตของที่ราคาลดลงบ้าง ลดความสวยงามของผลิตภัณฑ์ที่จะต้องบรรจุในหีบห่อให้ลดลง ราคาก็น่าจะลดลงได้นะ ถ้าไม่ผิดกฎหมาย กติกาการค้าสากล เพื่อจะให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยนี่สิ่งของที่เขาซื้อ อุปโภค บริโภค ได้ในยามที่เดือดร้อนในขณะนี้นะครับ ก็ลองทำดูก่อนนะครับ ผมเห็นต่างประเทศเขาทำได้นะ
ในส่วนของการเดินหน้าประเทศ ขณะนี้นะครับ ก็ขอให้ทุกคนได้เป็นคนไทยยุคใหม่นะครับ ให้มีการติดตามข่าวสารข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน โซเชียลมีเดีย ที่ดีๆ ในเฟสบุ๊ค ในยูทูป ในแอพพลิเคชั่น ที่ดีๆ นะ คือที่ไม่ดีไม่เกิดประโยชน์ อย่าไปเสียเวลานะ อ่านแล้วก็ลืมๆ ทิ้งๆ ไป อย่าไปสนใจมากนัก สนใจว่าเราจะอยู่กันยังไง จะเดินหน้ากันยังไง ทุกกระทรวง ทบวงกรม เขามีแอ๊พพรีเกชั่น ให้แล้ว เราจะต้องเป็นคนไทยรุ่นใหม่ เรียกว่าอะไร สมาร์ท ไทย มั้ง เหมือนกับ สมาร์ท ฟาร์เมอร์ เพราะงั้นทุกคนต้องเป็นคนรุ่นใหม่ทั้งสิ้น คือการใช้เทคโนโลยี ใช้วิชาความรู้ เพื่อจะทำให้การประกอบการของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล แล้วก็มีรายได้ ให้มากขึ้นนะ วันนี้เราก็เดินหน้าในเรื่องของ ดิจิตอล อีโคโนมี อยู่แล้ว วันนี้ก็ขอร้องให้กระทรวงทุกกระทรวง ไปหาทางที่จะให้ประชาชนรับรู้รับทราบ ต้องทำให้กว้างขวางนะครับ ไม่ใช่ทำแล้วก็ไม่บอก หรือบอกเฉพาะราชการด้วยกัน ผมบอกแล้วว่า ประชาชนต้องได้รับประโยชน์ตรงนี้ด้วย ทุกเรื่องเลยนะ ใส่ในแอ๊พพรีเกชั่น ไปแล้วก็แจ้ง ขึ้นจอทีวีไปว่าอยากรู้เรื่องไหน ไปตรงไหน ผมเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ต้องทำทุกกระทรวง มีอยู่แล้วล่ะ แต่ไม่ทั่วถึงนะครับ
ในเรื่องของการ สร้างอนาคตในเรืองของการขับเคลื่อนการลงทุนนะครับ ก็พยายามจะเร่ง อันนี้ก็ได้สั่งการให้รัฐมนตรีท่านใหม่นะครับ ได้เร่งดำเนินการจากช่วงที่ผ่านมานะครับ เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นเรื่องของกาทำสัญญา เจรจา ทำข้อตกลง แก้ไขกฎหมาย ผมก็อยากให้ทุกอย่างมีการเริ่มต้น ดำเนินการได้ภายในปี 2558 ในปี 2559 เริ่มการก่อสร้าง ทำนองนี้นะครับ ไม่ได้หมายความว่าเร่งให้ใครได้ประโยชน์ เร่งเพื่อให้ประชาชนได้ประโยชน์ ทำให้แล้วเสร็จโดยเร็วนะครับ แล้วก็ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลังได้ดูแลและจัดทำแผนการลงทุนระยะ 5 ปีไว้ด้วยนะครับ เพื่อจะได้ดูภาพรวมการลงทุนของประเทศ และดูเรื่องวินัยการเงินการคลังด้วย ได้ไม่ผิดพลาด เป็นปัญหากับอนาคตของรัฐบาล นี่คือความแตกต่างของรัฐบาลนี้กับรัฐบาลอื่นๆ รัฐบาลนี้ทำอะไรก็แล้วแต่ จะเป็นห่วงระยะต่อไป ในเรื่องของการใช้เงิน หนี้สาธารณะ บางอย่างจำเป็นก็จะทำ ต้องทำไว้ เพราะเดี๋ยวไม่ทำอีก แต่อย่างไรก็ตามจะไม่ทิ้งภาระ ไม่เหมือนกับที่ผมต้องรับภาระอยู่ในขณะนี้ ที่ผ่านมา
ในเรื่องของการลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ก็จะทำมากขึ้นนะครับ ผมเคยบอกไว้แล้วว่ารัฐจะทำหน้าทีในการอำนวยความสะดวก ดูแลกฎหมาย ดูแลสิทธิประโยชน์ แล้วก็เปิดพื้นที่ เปิดตลาด จากนั้นเอกชนก็ต้องเดินคู่ขนานกันไปนะครับในการที่จะชักชวนคนมาลงทุนในประเทศไทย แล้วก็ชวนเอกชนไทยไปลงทุนที่ต่างประเทศ ในลักษณะเกื้อกูลต่อกัน เป็นพาร์ทเนอร์ชิพกัน ผมคิดว่าการลงทุนวันนี้ ถ้ารัฐบาลทำทั้งหมด ไปไม่ได้หรอก แล้วก็เป็นแหล่งของผลประโยชน์ด้วยนะ เพราะงั้นต้องระมัดระวังนะครับ เราจะต้องปรับโครบสร้างประเทศใหม่ ให้ประชาชนในทุกภูมิภาคมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น คือทำทุกมิตินะ ไม่ว่าจะขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่ทั้งในประเทศ ต่างประเทศ แล้วก็การลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อันนี้ต้องเร่งดำเนินการนะครับ ไม่งั้นเราก็ไม่เข้มแข็งเพียงพอที่จะเผชิญความเสี่ยงในอนาคตในเรื่องของเศรษฐกิจต่อไป อีกทางหนึ่งนะครับ
ขณะนี้รัฐบาลกำลังแก้ไขกฎหมาย ต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจนะครับ แต่ก็ต้องใช้เวลานะ เพราะการทำ พ.ร.บ.ทำกฎหมายนี่จะต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมมาธิการซึ่ง คสช. ก็มีการจัดตั้งอยู่ตามปกตินะครับ ก็มีการถกแถลงกันมากมาย ไม่ใช่ว่าผมส่งไปทั้งหมดแล้วเป็นไปตามนั้น คงไม่ใช่นะ เพราะเป็นเรื่องของการทำงาน ทุกคนก็รู้หน้าที่ของตัวเองดีอยู่นะครับ แต่ออกมาแล้ว จะถูกใจใคร ไม่ถูกใจใคร ก็ดีกว่าที่ไม่ได้ออก ที่ผ่านมาไม่ได้ออกเลย ก็ไปดูกันต่อไปว่าจะแก้ปัญหากันต่อไปยังไง ต้องมีการเริ่มต้นทั้งสิ้นนะ
ในเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ ต้องมาดู ทบทวนว่า วันนี้ประชาชนหลายพวกหลายกลุ่มที่จะทำธุรกิจนี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษอาจจะไม่เข้าใจว่าตัวเองได้อะไรจากตรงนั้น ได้เขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้จาก เอ อี ซี เขาได้ทั้งหมดแหละครับ ถ้าคนที่มีรายได้น้อย ไม่ใช่นายทุน ไม่ใช่อะไรต่างๆ ก็ไปทำกิจการเสริม ที่จะเป็นร้านค้า ที่พักคนงาน รับซักรีดต่างๆ มันก็เกิดขึ้นได้หมดเลย งานเหล่านี้จะเยอะขึ้น นี่เป็นการกระจายไปสู่คนในพื้นที่ ถ้าไม่เกิด ก็อยู่แบบเดิม คนได้ประโยชน์ก็มีกลุ่มเดิมเท่านั้นเองนะครับ แล้วเราก็มุ่งเน้นในเรื่องของธุรกิจต่างที่มีอยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว โดย้ฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของรัฐวิสาหกิจ อะไรล่ะ เอสเอ็มอี นะ เอสเอ็มอีเอส มีหลายบริษัท หรือหลายส่วนด้วยกันนะ บริษัทเล็กๆ นะ เพราะงั้นต้องเข้มแข็งให้เขา เพราะงั้นเราจะลดสิทธิประโยชน์ให้เขาด้วย ในส่วนของกิจการที่อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว เป็นของคนไทย
ในส่วนที่สอง ก็เป็นคนจากนอกพื้นที่เข้าไปก็ลดสิทธิให้อีกส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือต่างประเทศเข้ามาเสริม ก็อีกส่วนหนึ่ง เพราะงั้นจะมีทั้งนิคมที่ทำโดยการท่า สำหรับการลงทุนในพื้นที่นะครับ ก็จะมี 3 ส่วนด้วยกัน สรุปง่ายๆ นะครับ อันที่หนึ่งก็โดยการนิคมอุตสาหกรรม ก็จะกำหนดพื้นที่ให้เขาไปทำ อันที่สองก็คือนิคมของภาคเอกชนนะ ซึ่งจะเช่าพื้นที่ไปทำ อันที่สามก็คือลักษณะเป็นเหมือน ซิตี้ นะครับ ที่อยู่ในพื้นที่ใดก็ได้ที่มีศักยภาพ จะเกิดทั้ง 3 อย่างในพื้นที่ทุกพื้นที่ พื้นที่ 2 อันแรกจะเกิด 6 แห่งในปีนี้ ใกล้ชายแดน ก็ไม่ใช่ชายแดนจนติด มันเชื่อมโยงกันไปถึงโน่น เพราะจะต้องไปถึงช่องทางออกนะครับ
ในส่วนของชายแดนก็จะมีทั้งนิคม ของเอกชนด้วย นี่ของการนิคม แล้วก็ของเอกชนแต่ลึกเข้ามานี่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของเอกชน รัฐก็จะร่วมลงทุนบ้าง จัดหาพื้นที่ให้ อะไรให้ จะได้เกิดขึ้นให้ได้ไม่ว่าจะเป็นเมืองยาง เมืองรถยนต์ เมืองอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ไม่ใช่อยู่ที่เอิมอยู่อย่างนี้แล้วก็โตไม่ได้เพราะพื้นที่มันเต็มแล้ว นั่นแหละคือสิ่งที่ต้องไปดูถึงเรื่องพลังงาน การวางแผน การขนส่ง สาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปาอีก นี่ทุกอย่างต้องเตรียมทั้งระบบนะครับ ไม่ใช่นึกจะทำตรงนี้ก็ทำไป ปัญหาก็ตามมาทีหลัง เจอทุจริต คอรัปชั่นเข้าไปอีก มันก็เละไปทั้งหมดนะ โชคดีนะที่ยังอยู่ได้วันนี้ ผมไม่อยากจะพูดนะ ในส่วนของการทำงาน ภาคเอกชนเขาพร้อมจะช่วยเหลืออยู่แล้วเพราะงั้นรัฐนี่ต้องแก้ไขตัวเอง ทำให้ได้ดีก็แล้วกัน ข้าราชการต่างๆ วันนี้ดีขึ้นมาก ทุกคนให้ความร่วมมือกับผม เพราะรู้ว่าผมไม่ต้องการประโยชน์
ในเรื่องของแรงงานนี่ เราต้องเตรียมความพร้อมนะครับ กระทรวงแรงงาน ต้องเตรียมการ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องตั้งแต่บัดนี้เลย ระยะยาวนะครับ กระทรวงแรงงาน ก็ต้องไปเอาคนที่ มีความรู้ด้านวิชาชีพ ช่างไฟฟ้า ช่างประปา ช่างอ๊อก อะไรเหล่านี้นะ วิศวกรรม วิศวกรรถไฟ อุปกรณ์รางน่ะต้องผลิตทั้งหมดแหละ ผลิตหรือไม่ก็ต่อยอด เพราะเริ่มแล้ว ปีหน้าต้องเริ่มแล้วกิจกรรมเหล่านี้ แล้วเรามีคนหรือยังล่ะ ถ้าในเรื่องของการเตรียมความพร้อม เรื่องครู เรื่องวิจัย เรื่องที่เป็นในเชิงแข่งขันนี่ อันนี้ก็ต้องเร่งผลิตออกมา ดูหลักสูตรดูซิว่า สอนคนให้เก่งไปสอบ ไปแข่งขัน แต่ทำงานไม่เป็น ไม่ได้นะ ต้องสอนวิธีเขาด้วย วันนี้ต้องสอนให้รู้วิธีทำงานด้วย ส่วนใหญ่จบมาแล้ว ไม่รู้คุณค่าของการเรียนหนังสือ รู้แต่ว่าสอบได้ปริญญา ได้เกียรตินิยม ภูมิใจ แล้วก็ทำงานไม่ได้ ไม่ได้ทำงาน นั่นแหละคือสิ่งที่ผมเป็นห่วงนะ เพราะงั้นขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วยนะครับ
ในส่วนของการลงทุนในเขตเศรษฐกิจต่างๆ ก็แล้วแต่ จะมีปัญหาเดียวที่เป็นปัญหาหลักตอนนี้คือปัญหาเรื่องที่ดิน ที่ดินขณะนี้มีการเก็งกำไร โดยการซื้อจากประชาชนที่บุกรุก หรือไม่ก็ซื้อจากที่ที่เราให้ จัดสรรไปแล้วเป็นที่ สปก. บ้าง อะไรบ้าง คือซื้อไปโดยที่ไม่มีหลักฐาน ขายน่ะ ขายไม่ได้อยู่แล้ว แต่ก็มีการซื้อไป แล้วก็ชื่อเป็นเจ้าของเดิม แล้วส่วนนี้ก็จะมาขายให้กับการลงทุน ผมตรวจสอบทั้งหมด ถ้าเป็นที่หลวงทั้งหมด ยึดคืนทั้งหมด ไม่มีสิทธิขาย ท่านจะไปซื้อใครมา ท่านผิดอยู่แล้ว ไม่งั้นท่านจะถูกดำเนินคดี ถ้ารู้ตัวก็เอาคืนมาซะ ในส่วนของ สปก. อื่นๆ ด้วยนะครับ ทุกพื้นที่เลย ขายไปหมดแล้ว ประชาชนที่ยากจน ยากไร้ จัดให้ก็ขายอีกแล้วก็ไปบุกป่าใหม่ ไปหาที่อยู่ใหม่ นี่เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคารพกฎหมายยังไง
ทุกเรื่องวันนี้ ล๊อตเตอรี่ อะไรต่างๆ แก้ไปเรื่อย พอทำเสร็จเรียบร้อย เอาอีกแล้ว สร้างปัญหาใหม่ คือทุกคนอยากได้แต่เงินน่ะ อยากได้แต่เงิน โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง เราก็เตรียมให้แล้วที่ละขั้นๆ จะเอามันที่เดียวจนหมดน่ะ พอให้ไปหมดแล้ว เอาล่ะขอต่อ อีกเป็นอะไรกันล่ะ ผมว่านั้นคือปัญหาที่ผมคิด ผมไม่โทษเขาหรอกนะ ปัญหาก็คือความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม การทุจริต ทำให้การผิดกฎหมายนี่ได้รับการยอมรับ แล้วก็ไม่ตักเตือนกัน ไม่ห้ามปรามกัน เจ้าหน้าที่ก็ทำงานไม่ได้ ก็เลยไปกันใหญ่
เพราะงั้นผมจะเริ่มในสมัยนี้แหละให้ได้ เพราะงั้นขอร้องนะ บรรดานายทุนที่ไปซื้อที่ผิดกฎหมายมานี่ คืนไปให้หมดนะ วันนั้นผมให้นโยบายไปแล้วนะทั้งกระทรวงยุติธรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตร กระทรวงมหาดไทย จะไปดูทั้งหมดนะ ทั้งที่นา ที่สวน สวนยางอะไรต่างๆ ทั้งหมดนะ สวนยางก็สั่งให้ทอส. ไปดูแล้วว่าถ้าไม่ใช่ที่ของนายทุน เป็นของประชาชนก็จะดูแลนะ ที่ 5 ไร่ 10 ไร่ 15 ไร่ ก็เป็นเช่านะ จนกว่าที่จะหาที่หาทางให้เขาได้ จะได้ไม่เดือดร้อน แต่ถ้านายทุนไปทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยนี่ หรือเป็นที่ส่วนน้อย มา เคลื่อนไหวสู้กับรัฐบาล ถูกดำเนินการตามกฎหมายนะ
ผมจะใช้ความเอาใจใส่ให้มากขึ้นในเรื่องเหล่านี้นะครับ จะไม่ปล่อย แต่แน่นอนก็จะมีหลงหูหลงตานะ เพราะงั้นขอให้ประชาชนได้ส่งข้อมูลขึ้นมา ส่งมาทำเนียบรัฐบาลเลยก็ได้ ถ้าส่งไปกระทรวง อะไรต่างๆ แล้วยังแก้ไขไม่ทัน แก้ไขไม่ได้นะ ก็ต้องเห็นว่ากระทรวงเขามีงานเยอะ ต้องเดินหน้าด้วย ต้องอะไรด้วย อาจจะไม่มีเวลาแก้ไขได้ต่อเนื่องเพราะเรื่องเยอะมาก ที่เข้ามานี่ รับศูนย์ดำรงธรรมนี่เข้ามาจะเป็นล้านเรื่องแล้วมั้งผ่านมา ทีละแสนสองแสนทุกจังหวัดนี่ ก็แก้ไปได้ 70-80% นะ
เรื่องที่ใหญ่ๆ เกี่ยวกับกฎหมายก็ต้องใช้เวลา บางท่านก็ใจร้อน ร้องเรียนอยู่ตาม ทีวี โทรทัศน์เหล่านี้ ช่อง ไทย พีบีเอส ส่วนใหญ่นะ ผมไม่ได้ว่าอะไรหรอก เพียงแต่เดี๋ยให้เขาไปแก้ซะนะ อะไรที่ทำได้ รัฐบาลก็จะทำนะครับ ใครเดือดร้อนมากๆ ก็ส่งมา เรื่องขายที่เหมือนกัน ก็กำลังคิดอยู่ว่าเรามีกองทุนซักอันได้ไหม กฎหมายว่ายังไง ที่จะรับซื้อหรือรับจำนำ จำนองก่อน ไม่ใช่เอาไปขายเลย นี่คือที่ถูกกฎหมายนะ ผิดกฎหมายทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น เขาให้อยู่แล้วไม่ใช่ให้ไปขายให้ไปทำประโยชน์นะงั้นเราจะใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์ และนิติศาสตร์ด้วยนะครับ
ในเรื่องต่อไปเรื่องสิทธิประโยชน์นี่ ผมเน้นไปแล้วว่าประชาชนต้องรู้ว่าเขาได้อะไรนะ ก็ฝากผู้ว่า ฝากข้าราชการทุกส่วนให้ชี้แจงเขาให้เข้าใจด้วย เขาต้องได้เป็นส่วนแรก แต่คงเป็นส่วนที่เป็นประกอบของธุรกิจใหญ่ๆ นะ ผมไม่ใช่ว่าเออเขาได้คือเขาตั้งบริษัทเองอะไรเองคงเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ส่งเสริม เอสเอ็มอี ในพื้นที่อยู่แล้วนะครับจะทำให้ประเทศยั่งยืนนะ
สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ก็คงเป็นข่าวอยู่แล้วนะครับ ผมไปเยือนสาธารณรัฐฟิลิปปินส์อย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของท่านประธานาธิบดี ฟิลิปปินส์ ท่าน อากีโน ที่ 3 นะครับ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ก้าวสู่ทศวรรษที่ 7 นะครับ ฟิลิปปินส์นั้นเป็นคู่ค้ากับไทยนะครับ เป็นอันดับที่ 6 ของอาเซียน อันดับที่ 18 ของโลก กับไทยนะครับ มีมูลค่าทางการค้า ราว 2.7 แสนล้านบาทนะครับ ก็ขอเน้นย้ำให้นักลงทุนชาวไทย ในฟิลิปปินส์ ทำการค้า-การลงทุน ให้เกิดผลประโยชน์ต่อทั้งไทยและฟิลิปปินส์ และนอกจากจะคำนึงถึงความคุ้มทุนแล้ว ก็ควรมีการคืนประโยชน์แก่สังคมฟิลิปปินส์ด้วย เช่นเดียวกันผมขอร้องว่า นักลงทุนฟิลิปปินส์ในประเทศไทยก็คืนประโยชน์แก่สังคมในประเทศไทยด้วยนะครับ
ก็เชิญชวนให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนกันขยายการลงทุนซึ่งกันและกันนะครับ โดยการร่วมลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย ไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน “ไทย + 1” นะครับ และการนำประสบการณ์ ความสำเร็จ ในด้านการบริหารจัดการแรงงานในต่างประเทศของฟิลิปปินส์มาเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนที่จะช่วยเหลือคนหา งาน และการปรับตัวเข้าสู่สภาพสังคมของแรงงานในต่างประเทศ เพราะว่ามีคนของเราไปต่างประเทศก็เยอะนะในขณะนี้ แล้วมีคนต่างประเทศอยู่ในเราก็เยอะ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญนะครับ จะได้เป็นประโยชน์ ในการที่จะนำแต่ละประเทศ หรือทุกประเทศในอาเซียน เข้าสู่การเป็นประชาคอาเซียน ได้อย่างสมบูรณ์นะครับในปีนี้แล้วก็ดำเนินการให้ต่อเนื่องต่อๆไปนะครับ
ในเรื่องของการเดินทางไปต่างประเทศทุกครั้ง ผมได้สั่งการให้ทุกกระทรวงได้นำไปสู่การปฏิบัติให้ได้นะครับ อย่างรวดเร็ว ทุกการเจรจาจะต้องมีหัวข้อ การรายงาน แล้ววิธีปฎิบัติไปด้วย ถ้ายอมรับกันได้ก็กลับมาหารือ อะไรที่จะต้องเข้า ครม. ก็เข้าถึงจะทำได้นะครับ ที่ผ่านมาก็มีความก้าวหน้าตามลำดับ ไม่ใช่ไปคุยกันแล้วก็กลับ ไม่ได้อะไรกลับมาไม่ได้ มีแต่หัวข้อ ต้องไปลงรายละเอียดกับเขา กับท่านประธานาธิบดี กับท่านนายกรัฐมนตรี ทุกท่านพร้อมรับฟังมาตลอด จะได้มีสาระในการที่จะทำต่อ ไม่งั้นก็เป็นแค่การพบปะเยี่ยมเยียนเฉยๆ เสียเวลาเปล่านะครับ วันนี้ต้อง ทุกประเทศร่วมมือกันอย่างนี้อยู่แล้ว
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือความมั่นคงนะครับ ก็ขอความร่วมมือกับทางฟิลิปปินส์ ที่เขามีประสบการณ์เรื่องนี้เหมือนกันนะครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการ เรื่องแยกดินแดนของเขานะ ของเราก็คงไม่ถึงขนาดนั้น เพียงแต่ว่าบางอย่างก็เป็นประสบการณ์ที่เราสามารถจะเอามาประยุกต์ใช้ได้นะครับ เราจะทำให้เกิดความเป็นรูปธรรม เรื่องภาคใต้ก็เหมือนกัน ขณะนี้ก็มีความก้าวหน้าตามลำดับนะครับ ก็วันนี้ ในเมื่ออีกฝ่ายต้องการที่จะมี ให้มีการเจรจา มีการพูดคุยสันติสุขกันล่ะก็เพราะงั้นก็ต้องแสดงให้เห็นศักยภาพก่อนนะ ว่าทำยังไง ว่าสามารถควบคุมการ ความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ แต่ถ้ายังคุมไม่ได้มันก็ ผมรับรองให้ไม่ได้หรอกนะ เพราะว่าเราเป็นรัฐบาล ต้องเข้าใจผมบ้าง ในเมื่อท่านทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แล้วผมไปยอมรับในสิ่งที่ถุกต้องเป็นธรรมกระบวนการของท่านมันไม่ได้ ท่านทำให้เกิดผลก่อนเถิดครับ แล้วผมจะได้นำมาสู่การแก้ปัญหาทางกฎหมาย ทางขบวนการยุติธรรมนะครับ ผมรับว่า ผมพยายามจะทำให้ดีที่สุด ให้ความเป็นธรรมให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเป็นไปตามกฎหมายของไทย และกฎหมายระหว่างประเทศด้วยนะครับ
สุดท้ายนี้ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชน เข้าร่วมชมงานตลาดคลองผดุงกรุงเกษมอีกครั้งหนึ่งนะครับ ในห้วงเดือนกันยายนนี้ ภายใต้แนวคิด “ตื่นตาสินค้า GI ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน” โดยการนำเสนอและจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี เป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นเรื่องสำคัญนะครับ วันนี้โลกต้องมีที่ไปที่มาทั้งหมดนะครับ สินค้าทุกประเภท มีกฎหมาย มีพันธสัญญาเยอะแยะไปหมด ของเราก็แก้ไขไปเยอะพอสมควร ที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยสนใจ แล้วอีกหน่อยก็จะขายไม่ได้ วันนี้เราได้รวบรวมสินค้าเหล่านั้นจากย่านธุรกิจสร้างสรรค์ อาทิ ชาดอยแม่สลอง ตลาดผ้าบ้านนาข่า เครื่องถมนครศรีธรรมราช เป็นต้น ที่ผ่านการขึ้นทะเบียน ทั้งในและต่างประเทศ อาทิ กาแฟดอยตุง มีชื่อเสียงมากนะครับ กาแฟดอยตุง ดอยช้าง ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ส้มโอนครชัยศรี สับปะรดภูแล สับปะรดนางแล ไข่เค็มไชยา และหมูย่างเมืองตรัง เป็นต้นครับ แล้วมีอีกหลายอย่างด้วยนะครับ
สำหรับงาน "ตื่นตาสินค้า GI ตื่นใจอัตลักษณ์ชุมชน" เป็นที่มา เขาเรียกว่าการตรวจสอบย้อนกลับ เหมือนปลา เหมือนสินค้าประมงนะ มันต้องตรวจสอบได้ว่ามาจากไหน ได้ยังไงนะครับ ในคราวนี้ จะแบ่งการแสดงสินค้าออกเป็น 2 ระยะนะครับ โดยครึ่งแรกของเดือนกันยายนเป็นสินค้าจากภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนครึ่งหลังของเดือนจะเป็นสินค้าจากภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ครับ เพราะเยอะมากนะครับ
นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมสร้างองค์ความรู้ทางธุรกิจ ยังมีการบรรยายจากวิทยากรชั้นนำ การให้คำปรึกษา และการสาธิต อีกทั้งกิจกรรมร่วมสนุกส่งภาพถ่ายประกวด "ชิงตั๋วเครื่องบิน" ในเส้นทางที่เลือกได้ และจัดโปรโมชั่น "นาทีทอง สินค้าราคาพิเศษ" ณ ร้านสวัสดิการประชาชนอีกด้วย ก็ขอเชิญชวนพี่น้อง มาเลือกซื้อสนับสนุนของดีราคาถูกนะครับ จากทั่วประเทศของไทย บางครั้งเราไม่มีโอกาสไปซื้อถึงที่ของเขาอยู่แล้วเขาขนมาที่นี่ แต่ก็ขอให้ราคาพอสมควรนะครับ ใครมีเพื่อนต่างชาติ หรือสถานทูตต่างๆ ในประเทศไทยนะครับ ที่มาทำงานอยู่ทั้งหมด เชิญชวนนะครับ ให้มาช่วยกันท่องเที่ยวตลอดเดือนกันยายนนี้ครับ
อันนี้เป็นตลาดต้นแบบ ผมพูดมาหลายครั้ง แล้วก็จัดมาหลายอย่างแล้ว ถ้าเราทำแบบนี้ได้ในทั่วๆไป ให้ใหญ่ขึ้น เป็นตลาดกลาง นี่คืแนวความคิดที่ต้องเกิดึ้นโดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม แล้ววันหน้าเขาได้ทำเองได้นะ โดยที่ไม่ไปทำให้ราคามันตก หรือราคาสูงเกินเหตุ ผ่านพ่อค้าคนกลาง พ่อค้าคนกลางก็ต้องมีนะครับ ไม่มีไม่ได้มันเป็นธุรกิจการค้า เพียงแต่ว่าถ้ามีอะไรที่มาถ่วงดุลย์กันได้ ราคาก็จะเหมาะสมนะ
แล้วอีกอันหนึ่งก็คิอในเรื่องการดูแลสถานที่ท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยว ก็ให้กระทรวงท่องเที่ยวเขาดูโดยทั่วไปอยู่แล้ว ทุกพื้นที่ทุกจังหวัดทุกชุมชน การท่องเที่ยวในเชิงนิเวศน์นี่สำคัญ บ้านเรามีโอกาสเยอะนะ เพราะงั้นก็อยากจะให้ประชาชนช่วยกันดูแลความปลอดภัย แล้วก็รักษาความสะอาด ดูแลในเรื่องของทรัพยากรดังกล่าวเหล่านั้นไม่ให้ทรุดโทรม เที่ยวคนมากเกินไปที่เล็กก็พังหมดใช่ไหม หรือเที่ยวไปแล้วคนเยอะๆ แน่นเกินไป โอเค สถานที่รับได้ แต่ประชาชนคนในพื้นที่รับไม่ได้ เพราะว่าเขาไม่ได้ประโยชน์ นี่ผมสั่งกับรัฐมนตรีไปแล้วนะให้ลงรายละเอียดทั้งหมดนะครับ
เรื่องสำคัญอีกอันหนึ่งอยากจะฝากคือว่า ในช่วงนี้ประเทศชาติกำลังมีปัญหา มีภัย ก็เห็นได้จากผมเข้ามานี่ แล้วก็ยังไม่หยุดนะ หลายๆ เรื่องทั้งในประเทศนอกประเทศ บ้างอะไรบ้าง ที่มีความขัดแย้งกันทั่วไป เราก็ต้องลดของเราให้มากที่สุด เพื่อจะได้รวมกำลังกัน ป้องกันที่จะมาจากภายนอกนะ ขณะเดียวกันในขณะนี้ก็มีบางคน บางพวกบางกลุ่มที่พยายามที่จะทำให้ในประเทศนี่ไม่เข้มแข็ง เพื่อจะไปสู่อะไรก็แล้วแต่ของท่าน ประชาชนก็ต้องปฏิเสธนะครับ คนเหล่านี้ไม่ได้หวังดีกับท่านนะ ผมก็ไม่อยากจะบอกว่าผมดีกว่าเขา แต่ดูการแสดงออก ดูการทำงาน ดูการพูด ดูการชี้แจงของผมก็แล้วกัน เคยฟังใครเขาพูดอย่างผมได้หรือไม่นะครับ
ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขในวันเสาร์อาทิตย์ครับ สวัสดีครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี