‘แม้ว’ขึ้นเขียง
‘บิ๊กตู่’ูทูลเกล้าฯถอดยศ
‘ทักษิณ’พล่านย้ายเข้าฮ่องกง
โวยถูกล้างผลาญ-ขู่ปักหลักสู้
ยกฟ้อง‘นพดล’คดีพระวิหาร
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้นำเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างหลบหนีโทษจำคุก2 ปี จากคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินย่านรัชดาภิเษก ไปอยู่ในต่างประเทศ ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยขณะนี้รอเพียงขั้นตอนการโปรดเกล้าฯ ลงมาว่าจะเป็นเมื่อไรเท่านั้น
ทูลเกล้าฯถอดยศ“แม้ว”แล้ว
โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมายืนยันถึงเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 4 กันยายนว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลงนามและนำเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นทูลเกล้าฯ ไปแล้ว ซึ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามขั้นตอน โดยขณะนี้รอเพียงจะมีการโปรดเกล้าฯลงเท่านั้น ส่วนการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น ขอให้เป็นไปที่ละเรื่องและปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนดีกว่า ไม่อยากให้มองข้างหน้าไปไกล เพราะยังมีอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจมากกว่านี้
จวก“อ๋อย”เตือนหลายรอบไม่ฟัง
ส่วนกรณีกระทรวงการต่างประเทศเพิกถอนพาสปอร์ตของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งถูกสมาชิกพรรคเพื่อไทยและกลุ่มเสื้อแดงโจมตีว่าเป็นการกลั่นแกล้งคนที่เห็นต่างกับรัฐบาลนั้น พล.ต.วีรชน กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น การวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสามารถทำได้ แต่ก็ต้องดูว่าวิจารณ์เพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อะไร ขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลที่อยู่ในสถานการณ์ปกติ อีกทั้งก่อนจะมาถึงขั้นตอนนี้ ก็ได้มีการสอบถาม ตักเตือน และขอความร่วมมือหลายรอบ แต่ก็ไม่ฟัง ซึ่งอาจเป็นเพราะไม่เข้าใจ หรือแกล้งไม่เข้าใจ
ลั่นใครพูดแตกแยกโดนหมด
เมื่อถามว่า แสดงว่าหลังจากนี้ใครที่วิจารณ์รัฐบาล จะต้องโดนลงโทษ หรือเชือดไก่ให้ลิงดูใช่หรือไม่ พล.ต.วีรชน ตอบว่า ไม่มีลิงหรือไก่ มีแต่คน และไม่ได้เป็นเรื่องของมาตรการอะไร แต่เรื่องใดที่อาจจะก่อให้เกิดความแตกแยก ความไม่สงบเรียบร้อย ขัดแย้งกับการดำเนินงานของรัฐบาล หรือ คสช.ก็ต้องดำเนินการในลักษณะดังกล่าว
“สมยศ”โบ้ยไม่รู้ตร.ชงเรื่อง
ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีกระทรวงการต่างประเทศออกมาชี้แจงการยกเลิกพาสปอร์ต นายจาตุรนต์ เป็นไปตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เสนอเรื่องเข้ามาว่า ส่วนตัวไม่ได้รับรายงานในเรื่องนี้ จึงไม่มั่นใจว่าเป็นหน่วยงานใดที่เสนอเรื่องดังกล่าว แต่ยอมรับว่า ในหลักการแล้ว สตช. สามารถเสนอเรื่องการเพิกถอนพาสปอร์ตได้ และที่ผ่านมาก็เคยใช้หลักการนี้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ มาแล้ว
ศาลนัดพิพากษาคดีพระวิหาร
วันเดียวกันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นายประเสริฐ โอนพรัตน์วิบูล รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีหมายเลขดำ อม.3/2556 พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา รวม 9 คน นัดฟังคำพิพากษาในคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง นายนพดล ปัทมะ ขณะดำรงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ สมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551 เป็นจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ฉบับลงวันที่ 18 มิถุนายน 2551 ที่สนับสนุนให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยไม่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไทย
“นพดล”น้ำตาแตกสั่งยกฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ได้เดินทางมาที่ศาล โดยมีผู้ติดตามและสมาชิกพรรคเพื่อไทยเดินทางมาให้กำลังใจหลายคน โดยศาลมีมติด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ยกฟ้อง นายนพดล โดยให้เหตุผลว่า จำเลยไม่ได้มีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การลงนามแถลงการร่วมดังกล่าวไม่กระทบต่อสิทธิทางเขตแดนและการทวงคืนเขาพระวิหารในอนาคต อีกทั้งหนังสือแถลงการณ์ร่วมก็ไม่ใช่หนังสือสัญญาหรือสนธิสัญญา จึงไม่อาจบอกได้ว่าจำเลยหลีกเลี่ยงการนำหนังสือไปให้รัฐสภาพิจารณา และไม่ปรากฎหลักฐานว่า นายนพดล และพ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับประโยชน์หนังสือสนธิสัญญานี้
หลังฟังคำพิพากษา นายนพดล ถึงกับหลั่งน้ำตา พร้อมกับยืนยันว่าจะไม่ฟ้องกลับ ป.ป.ช. หรือบุคคลที่ยื่นคำร้องให้มีการสอบสวนเรื่องนี้
“วิษณุ”แจงทวงเงินจำนำข้าว
สำหรับความคืบหน้าการเรียกร้องค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวที่ดำเนินการสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเรียกค่าเสียหายมี 3 วิธี คือ 1.ฟ้องแพ่งต่อศาล 2.ฟ้องอาญาและเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเหมือนคดีทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้แก่ บริษัทกฤษดามหานคร และ 3.ใช้พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเป็นชั้นๆ จากนั้นสั่งว่าบุคคลดังกล่าวกระทำผิดและสั่งให้ยึดทรัพย์ ซึ่งหากเกิดความไม่พอใจสามารถร้องศาลอุทธรณ์เพื่อเพิกถอนคำสั่งคณะกรรมการได้
ยัน“ปู”ต้องสั่งยึดทรัพย์
นายวิษณุ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มบริษัทเอกชนจะต้องฟ้องแพ่งต่อศาลเท่านั้น ทำอย่างอื่นไม่ได้ แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ลงมา เราเลือกใช้ช่องทางที่ 3 โดยตนได้ตรวจสอบแล้วพบว่า กรณี นายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อความเสียหายจากการนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปใช้ในการปกป้องค่าเงินบาทในช่วงปี 2539-2540 และ คดีทุจริตการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิงของกทม.ก็ใช้วิธีการเดียวกัน
บรรเทาโทษได้แต่ไม่เว้นโทษ
เมื่อถามว่า มีการมองว่าเจตนาของโครงการรับจำนำข้าวเป็นการทำเพื่อชาวนา นายวิษณุ กล่าวว่า ตรงนี้อาจจะเป็นเหตุลดโทษและบรรเทาโทษ แต่เป็นเหตุยกเว้นโทษไม่ได้ เจตนาที่ดีแต่เมื่อวิธีการผิดก็ไม่ได้ คนเราทำอะไรมันต้องมี 2 อย่าง คือ 1.เป้าหมาย และ2.วิธีการ กรณีนี้อาจเป้าหมายดี แต่วิธีการมีปัญหา
“บิ๊กต็อก”จี้แจงรับของโจรคดีกรุงไทย
ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดีการทุจริตปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งยังมีผุ้ต้องหาอีกหลายรายที่รับเงินไปและเข้าข่ายรับของโจร แต่กลับไม่ถูกดำเนินคดีว่า เรื่องนี้มีหน่วยงานทื่ถูกพาดพิง 4 หน่วยงาน คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คตส. ปปช. อัยการสูงสุด ซึ่งแต่ละหน่วยงานต้องหาหลักฐานมาชี้แจงและให้คำตอบกับสังคม ซึ่งดีเอสไอยืนยันว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหารับของโจร ดังนั้น จึงเหลือ คตส. ปปช. และอัยการ ต้องตอบสังคมให้ได้ว่า ตัวละครใดหรือใครที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรัฐ ตอนนี้เราเราตอบสังคมไม่ได้เลยว่าทำไมไม่ดำเนินการตามกฎหมาย เพราะนี้คือความเสียหายที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง
อดิศรโวย“ออมสิน”ห้ามเปิดบัญชี
วันเดียวกัน นายอดิศร เพียงเกษ แนวร่วมกลุ่มเสื้อแดงได้ออกมาเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน ได้เข้าไปขอเปิดบัญชีออมทรัพย์ที่ธนาคารออมสิน สาขาอิมพีเรียล ลาดพร้าว แต่กลับถูกปฏิเสธ โดยพนักงานอ้างว่า ตนเป็นนักการเมืองที่มีความเสี่ยงสูงระดับ 3 ธนาคารจะไม่ยอมทำธุรกรรมใดๆ กับผู้มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้และไม่สามารถรับการเปิดบัญชีเงินฝากของตนได้ ทำให้รู้สึกถูกคุกคามสิทธิขั้นพื้นฐาน และอยากให้ธนาคารออกมาชี้แจงให้ชัดเจนถึงคำว่า “บุคคลที่มีความเสี่ยงสูง” คือบุคคลเช่นไร มีใครบ้าง
แบงก์แจงจนท.ยึดกฎเข้มงวดไป
ขณะที่ต่อมา นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้ออกมาชี้แจงว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นความเข้าใจผิดของระเบียบปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ที่อาจเข้มงวดเกินไปในเรื่องข้อมูลลูกค้าที่ต้องบันทึกแต่ละกลุ่มตามระเบียบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งนักการเมืองที่อยู่ในกลุ่มความเสี่ยงระดับ 3 ตามหลักการยังสามารถฝากเงินได้ แต่พนักงานอาจจะยึดเกณฑ์เข้มงวดเกินไป เลยเข้าใจผิด ซึ่งได้ติดต่อขอโทษ นายอดิศร แล้ว
“แม้ว”เต้นปักหลักสู้ที่ฮ่องกง
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยแจ้งว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เตรียมเดินทางไปปักหลักที่ฮ่องกงตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนนี้เป็นต้นไป เพื่อตั้งหลักต่อสู้อีกครั้ง หลังจากประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยแล้วเห็นว่า กำลังมีความพยายามนำชนักคดีความของตัวเองและครอบครัว รวมทั้งเครือข่ายต่างๆ ออกมาไล่บี้จนทำให้ต้องติดคุกเป็นทิวแถว โดยเฉพาะจากคดีทุจริตการปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย ซึ่งไม่เพียงแต่ผู้เกี่ยวข้องจะถูกสั่งจำคุกและชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น แต่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย และคนใกล้ชิดอื่นๆ ยังอาจจะต้องโดนหางเลขถูกกรมสอบสวนคดีพิเศษเล่นงานต่อในคดีฟอกเงินอีกด้วย เช่นเดียวกับกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังถูกเล่นงานในหลายคดี
“จากนี้คงจะมีการไล่ล้างตระกูลชินวัตร ทำให้ พ.ต.ท.ทักิณ ต้องเตรียมดิ้นสู้ เพราะหากจะรอรัฐธรรมนูญใหม่ให้การเลือกตั้งมาถึง ก็คงอีกนาน เร็วที่สุดก็ประมาณปี 2562 จึงต้องฮึดสู้” รายงานข่าวระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี