‘บิกตู่’ได้ฤกษ์คลอดชื่อ
กรธ.-สปท.
โผว่อนทหาร-อดีตสปช.
แห่หนุน‘มีชัย’นั่งปธ.ร่าง
‘อุดม’ยอมรับถูกทาบทาม
พท.ย้ำไม่ร่วม‘สังฆกรรม’
ขู่สมาชิกไม่เชื่อเจอเนรเทศ
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเผยว่าในวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคมนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะเป็นประธานการประชุมคสช. ที่บ้านเกษะโกมลเพื่อพิจารณารายชื่อประธานและสมาชิกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) รวม 21 คน และสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) อีก 200 คน เนื่องจากจะครบกำหนด 30 วัน ภายในวันที่ 6 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ข่าวแจ้งว่า ในการหารือของคสช.ครั้งนี้ มีวาระที่น่าสนใจคือ เรื่องการให้คำตอบอย่างเป็นทางการของนายมีชัย ฤชุพันธ์ สมาชิกคสช. ที่จะมารับตำแหน่งประธาน กรธ.หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาได้รับปากเป็นการส่วนตัวกับพล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจับตาดูการประกาศรายชื่ออีก 20 กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญว่าจะมีใครบ้าง รวมทั้งการประกาศรายชื่อสปท.จำนวน 200 คน
‘อุดม’ยอมรับถูกทาบเป็นกรธ.
นายอุดม รัฐอมฤต รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) กล่าวยอมรับว่า มีคนทาบทามตนให้เป็น กรธ. จริงๆ แต่ตอนนี้ยังพูดอะไรมากไม่ได้ ต้องรอคำสั่งอย่างเป็นทางการเสียก่อนเพราะที่ผ่านมาตนก็มีบทบาทหน้าที่ในการสอนหนังสือ และเคยเป็นลูกมือหรืออนุกรรมการช่วยงานในการร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น
“ตอนที่มีทีวีเปิดเผยว่าผมอยู่ในโผเป็น กรธ. ผมรู้สึกประหลาดใจมาก อาจจะเป็นเพราะผมให้ข้อคิดเรื่องการร่างรัฐธรรมนูญ จึงทำให้มีชื่อผมติดเข้าไปด้วย” นายอุดมกล่าว
พร้อมทำงานร่วมกับ”มีชัย”
นายอุดม กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่มีการคาดกันว่า นายมีชัย ฤชุพันธ์ สมาชิก คสช. จะเป็นประธาน กรธ. นั้น ตนก็ไม่ได้มีความคุ้นเคยหรือร่วมงานกับนายมีชัยอย่างใกล้ชิดมาก่อน แต่ตนก็เคยเชิญนายมีชัย มาบรรยายพิเศษกับนักศึกษา เพราะเป็นอาจารย์ที่มีความอาวุโสและเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ทั้งนี้ตนไม่กังวลว่าใครจะมาเป็นกรธ.และตนในฐานะที่เป็นข้าราชการ ก็พร้อมที่จะทำงานเพื่อบ้านเมือง มีอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยเหลือเพื่อประโยชน์ต่อสังคม เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้
“จรัล”หนุนมีชัยเหมาะสมที่สุด
ด้าน นายจรัล ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ไม่มีใครทาบทาบให้เป็น กรธ. ส่วนตัวอยากทำงานที่ศาล จะสงบกว่า ส่วนนายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิก คสช.นั้น ตนเชื่อว่าสุดท้ายคงตอบรับเป็นประธาน กรธ. เพราะเวลานี้ประเทศต้องการท่าน เชื่อว่าคงไม่ละทิ้งบ้านเมือง และส่วนตัวเห็นว่านายมีชัยเหมาะสมที่สุด รวมทั้งมั่นใจว่านายมีชัยจะเขียนรัฐธรรมนูญ ที่สามารถพาประเทศเดินไปข้างหน้าได้อย่างน้อย 5-10 ปีแน่นอน
“คณิต”เชื่อน่าจะช่วยงานได้เยอะ
ขณะที่นายคณิต ณ นคร อดีตประธานคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวว่า ยังไม่มีใครมาทาบทามตน แต่ปกติแล้วหากจะมีใครให้ตนทำงานต้องมีเหตุฆ่ากันตายก่อน จึงมาถึงตน เวลาสบาย ๆ กันไม่ใครนึกถึงหรอก ส่วนกรณีนายมีชัย จะมาเป็นประธานกรธ.นั้น ถือเป็นเรื่องที่ดี ตนเห็นด้วย เพราะนายมีชัยทำสิ่งมีประโยชน์ไว้กับบ้านเมืองมามาก และมีความรู้ช่วยบ้านเมืองได้เยอะ
แนะใช้ม.44ปฏิรูประบบยุติธรรม
นายคณิต กล่าวว่า ทั้งนี้ตนเห็นว่าการปฏิรูปประเทศนั้น หากคสช.ต้องการให้ได้ผลจริง ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญ เพราะต้องใช้เวลากว่าจะมีผลใช้บังคับ แต่นายกรัฐมนตรีควรใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งให้ชัดเจนว่าให้มีการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ก็สามารถแก้ปัญหาการเมืองได้จบได้แล้ว สิ่งสำคัญคือนำไปปฏิบัติได้ทันทีด้วย ไม่ต้องเสียเวลา สมัยที่ตนร่วมร่างรัฐธรรมนูญปี 40 ก็ได้เน้นทำ 2 เรื่องคือการปฏิรูปการเมือง และกระบวนการยุติธรรม
ตอนนี้ความเชื่อถือเป็นศูนย์แล้ว
นายคณิต กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหนังสือชื่อ “อภิวัฒน์กระบวนการยุติธรรม” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เพราะต้องการให้ปฎิรูปกระบวนการยุติธรรมก่อน แล้วจะแก้ปัญหาอื่นได้หมด เพราะทุกวันนี้คนเสื่อมศรัทธาไปมาก โดยเฉพาะในองค์กรที่ตนเองเคยทำงานอยู่ ความเชื่อถือกลายเป็นศูนย์ไปแล้ว ตนเชื่อว่าหากปฎิรูปตำรวจ อัยการ ศาล ให้ดี ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น ระบบอื่นก็จะพัฒนาไปได้ทั้งหมด เพราะองค์กรเหล่านี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคน
“ชูชัย”เชื่อมีชัยเองก็คิดหนัก
ส่วนนายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา และสมาชิกสนช. กล่าวถึงกรณีที่มีเสียงสนับสนุนและท้วงติงนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มาเป็นประธาน กรธ.ว่า หากดูจากคุณสมบัติ ความรู้ความสามารถประสบการณ์ ความมีลูกล่อลูกชนในการทำงานแล้ว ถือว่ามีความเหมาะสม แต่เห็นว่าการที่นายมีชัยยังไม่ตัดสินใจในทันทีคงกังวลว่าถ้าร่างมาแล้ว อาจจะถูกใจคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ถูกใจคนอีกกลุ่ม อาจจะมีปัญหา และแทนที่จะเป็นจุดแข็ง กลับกลายเป็นจุดอ่อน
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เห็นต่าง จึงต้องคิดอย่างรอบคอบ
กก.ยกร่างฯต้องหลากหลาย
ทั้งนี้ส่วนตัว เห็นว่าคนที่จะมาร่วมเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ควรจะต้องมาจากหลากหลาย มีประสบการณ์ด้านการเมืองการปกครอง สามารถบอกหลักการที่ควรจะเป็นในภาพรวมได้ เพราะปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและปัญหาด้านการเมือง และในการร่างรัฐธรรมนูญ ควรวางเรื่องหลักๆไว้ให้ดี จะทำให้โครงสร้างด้านอื่นๆสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม เห็นว่าไม่จำเป็น จะต้องมี สนช. เข้าร่วมเป็น กรธ.
ยังไม่ได้รับการทาบทาม
ส่วนที่มีข่าวว่ามีการทาบทามอดีตเลขาธิการกฤษฏีกาเข้าร่วม กรธ.นั้น นายชูเกียรติ กล่าวว่าไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ในส่วนของตนไม่ได้รับการทาบทาม แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องว่าสนใจหรือไม่สนใจเข้าไปทำงาน เพราะตนเป็นข้าราชการมาก่อน หากจำเป็นต้องเข้าไปช่วยทำงานก็ต้องทำ แต่หากไม่ได้รับการทาบทามก็ไม่เป็นไร
โผปลิวว่อน-คาดชื่อตรง80%
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า สำหรับรายชื่อของผู้ที่คาดว่าจะได้รับเลือกเป็นสมาชิก สปท. ที่ออกมาตามสื่อในขณะนี้ ซึ่งประกอบไปด้วยอดีตนายทหารที่เกษียณอายุและอดีตสมาชิก สปช. ที่มีบทบาทหลายราย ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่รับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ หรือไม่ก็ตาม มีความใกล้เคียงกับโผที่ปรากฏออกมาประมาณ 80 %
รายชื่อทหารเกษียณมากันพรึ่บ
สำหรับรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะได้รับเลือกเป็นสมาชิก สปท.ประกอบด้วย อดีตนายทหารที่เกษียณอายุ อาทิเช่น พล.ท.ธวัช สุกปลั่ง อดีตแม่ทัพภาคที่2 พล.ท.ปราการ ชลยุทธ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.วิวรรธน์ สุชาติ อดีตรองเสนาธิการทหารบก พล.ท.เสริมศักดิ์ นิยะโมสถ อดีตรองเสนาธิการทหารบก พล.ต.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 3 พล.ต.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 พล.ต.ธนศักดิ์ เก่งถนอมม้า อดีตรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พล.ร.อ.ณรงค์พล ณ บางช้าง อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.ศิวเกียรติ์ ชเยมะ อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารอากาศ
อดีตสปช.คนดังๆจ่อลุ้นเก้าอี้
ส่วนอดีตสมาชิก สปช. ที่คาดว่าจะได้รับเลือกเป็น สปท. ต่อ อาทิเช่น นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ น.ส.ทัศนา บุญทอง นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง นายฐิติ วุฑฒิโกวิทย์ นายดิเรก ถึงฝั่ง นายดำรงค์ พิเดช พล.อ.เดชา ปุญญบาล นายธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นายทิวา กระสัง นายนิมิต สิทธิไตรย์ นายนิรันดร์ พันทรกิจ นายบุญถิ่น มั่นเกษวิทย์ พล.ต.ต.ปรีชา สมุทระเปารยะ นายเสรี สุวรรณภานนท์ พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย เป็นต้น และรวมไปถึงอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อย่างนายอนุสิษฐ คุณากร ก็มีลุ้นด้วย
‘มีชัย’ชงทาบพจนีย์นั่งรองสปท.
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ สมาชิกคสช. และว่าที่ประธาน กรธ.ยังเสนอให้นายกรัฐมนตรีทาบทาม น.ส.พจนีย์ ธนวรานิช อดีตรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ยุครัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ปี 2549 เพื่อวางตัวให้เป็นรองประธานสปท.เนื่องจากนายมีชัยชื่นชมในความรู้ความสามารถด้านกฎหมายและเศรษฐกิจ ที่น.ส.พจนีย์ เคยเป็นอดีตอธิบดีกรมการประกันภัย ซึ่งน่าจะช่วยงานของคสช.ได้เป็นอย่างดี
เสนอรายชื่อช่วยงานกรธ.-สปท.
แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้นายมีชัย ยังเสนอนายกรัฐมนตรีให้ดึงบุคลากรในคณะกรรมการกฤษฎีกาชุดที่ 1 ชุดเดียวกับที่นายมีชัย เป็นประธานมาร่วมงาน อาทิ คุณหญิงนันทกา สุประภาตะนันทน์ นายไมตรี ตันเต็มทรัพย์ นายอารีย์ วงศ์อารยะ นายเชาวน์ สายเชื้อ และนายอาษา เมฆสวรรค์ นายปรีชา วัชราภัย อดีตเลขาธิการก.พ. เข้ามาเป็นทั้งกรธ.และสปท.เพราะมีแนวคิดและแนวทางการทำงานไปด้วยกันได้
หวั่น’มีชัย’ตัดประชามติทิ้ง
นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.)กล่าวว่า ขอให้จับตาดูเงื่อนไขของนายมีชัยในการรับเป็นประธานกรธ.ว่าจะนำไปการปรับเปลี่ยนโรดแม็พจนอาจต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวฯ เป็นครั้งที่ 2 หรือไม่ โดยเฉพาะประเด็นการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่แน่ใจว่าจะยังคงไว้หรือไม่ โดยส่วนตัวตนคิดว่าต้องไม่ถูกตัดออกเพราะความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับนี้อยู่ที่การมีส่วนร่วมของประชาชนไม่ใช่นื้อหาและที่มาอย่างเดียว
‘นพดล’ชี้รธน.ไม่ใช่ยาวิเศษ
นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ และแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ว่า แม้เราได้รัฐธรรมนูญที่ดี ก็ยังไม่ใช่ยาขนานวิเศษที่จะแก้ทุกโรคของการเมืองไทย ปัญหาอยู่ที่ตัวคน ทั้งที่เป็นผู้ใช้ ผู้อยู่ใต้รัฐธรรมนูญว่าจะตีความอย่างถูกต้องตามตัวอักษร หรือเจตนารมณ์หรือไม่
“ปัญหาของไทยในขณะนี้คือเราจะปลูกฝังวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างไร เช่น การเคารพการตัดสินใจของประชาชน การไม่ใช้ฝูงชนล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง การบังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน การเคารพเสรีภาพในการแสดงออก เป็นต้น เพราะถ้าสิ่งเหล่านี้ไม่เกิด บ้านเมืองก็จะเดินหน้าลำบาก”นายนพดลกล่าว
เสนอประชุมปรองดองซัมมิท
นายนพดล กล่าวอีกว่า เราพูดเรื่องการปรองดองมามากแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะปรองดองกันอย่างไร การที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้คนไทยคุยกันนั้น ควรต้องทำให้เกิดขึ้นจริง ตนเคยเสนอให้มีเวทีระดับชาติที่ให้ทุกฝ่ายมาหาทางออกให้กับประเทศ โดยเอาปัญหาใหญ่ในเชิงโครงสร้างของประเทศที่เป็นคู่ขัดแย้งมาถกกันเพื่อหาทางออก อาจเรียกว่าการประชุมสุดยอดเพื่อความปรองดองแห่งชาติ หรือปรองดองซัมมิท
ให้ทุกฝ่ายร่วมลงสัตยาบัน
“ทุกฝ่ายจะได้เปิดอกพูด และหาทางบ่งหนองแห่งความขัดแย้งและหาทางออกให้กับประเทศ เมื่อได้ข้อสรุปที่พอยอมรับกันได้ ก็ให้ทุกฝ่ายให้สัตยาบันและปฏิบัติตาม ประเทศก็จะเดินหน้าไปได้ เราต้องสร้างความไว้วางใจในระหว่างคนไทยฝ่ายต่าง ๆ และหาทางออกที่เป็นรูปธรรม การปรองดองต้องเริ่มจากความไว้ใจ ความเข้าใจ ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อเริ่มคุยกันอย่างเป็นระบบและลึกซึ้ง ต้องรอดูว่าผู้มีอำนาจจะคิดอย่างไรกับแนวความคิดปรองดองซัมมิทนี้”นายนพดลระบุ
พท.ย้ำจุดยืนไม่ส่งคนเป็นสปท.
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงกรณี ที่คสช.ทาบทามสมาชิกพรรคพท.บางส่วนให้ไปร่วมเป็นสปท.ว่า พรรคพท.ประกาศจุดยืนชัดเจนตลอดมา ว่าจะไม่ส่งสมาชิกพรรคไปเป็น สปท.ผ่านทั้งแถลงการณ์ ทั้งคำยืนยันจากแกนนำพรรคแต่หากจะมีสมาชิกคนใดจะไปเป็น สปท. นอกเหนือจากการต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคแล้ว ต้องพร้อมรับผิดชอบต่ออนาคตทางการเมืองของตนเอง
ซัดอย่าแอบอ้าง-ขู่ไม่รับกลับรัง
“วันนี้ประชาชนทั้งประเทศมองดูอยู่ อย่าใจเร็วด่วนได้ เดินออกไปจากพรรคในวันนี้ด้วยการไปเป็นสปท.อนาคตน่าจะกลับเข้ามาลำบาก รวมถึงหากประกาศรายชื่ออกมาแล้วมีการอ้างว่ามาจากพรรคพท. ก็ขอให้สังคมช่วยให้ความเป็นธรรมกับพรรคพท. เพราะหลายคนที่มีชื่อในข่าวและอ้างว่าเป็นสมาชิกพรรคางคนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคและไม่เคยเป็น สส.พรรคพท.ดังนั้นไม่ควรมาฉวยโอกาสแอบอ้าง”นายอนุสรณ์ กล่าว
การ์ตูนนิสต์พร้อมปรับท่าที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดา เอียวหรือ เซีย การ์ตูนนิสต์ ประจำหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ได้เดินทางมา พร้อมพ.ต.ท.อำนาจ หาญชนะ รองผกก.ป.สน.บางซื่อ เพื่อเข้าพบพล.อ.อัศวิน แจ่มสุวรรณ หัวหน้าสำนักงานผู้ช่ว ผบ.ทบ. พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ตามคำเชิญของคสช.
จากนั้นนายศักดา ออกมาเปิดเผยว่า บรรยากาศในการพูดคุยนั้นเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีการข่มขู่หรือคุกคาม ส่วนที่คสช.เรียกตัวมาพูดคุยนั้นเนื่องจากคณะกรรมการที่ดูแลงานด้านสื่อมวลชน ของ คสช. เห็นว่ามีเนื้อหาบางภาพที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ห้ามการแสดงความคิดเห็น แต่หลังจากนี้หากพบว่าการวาดการ์ตูนที่ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงนั้น ก็จะมีการดำเนินฟ้องร้องต่อไป ส่วนตนก็ต้องปรับเปลี่ยนท่าที่การทำงานเพื่อให้รัดกุม รอบคอบมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี