10 ต.ค.58 พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย เผยแพร่สารจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงประชาชน ต่อความคืบหน้าต่างๆ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ 2 ประเด็น คือ เรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญ และการสร้างความปรองดองภายในชาติ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ประเด็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ นายกฯ ได้มอบแนวทางกับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไปแล้ว ว่าให้นำปัญหาของประเทศที่ผ่านมาเป็นโจทย์ แล้วหาวิธีแก้ปัญหาด้วยกระบวนการประชาธิปไตยที่เหมาะสม ไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก และแม้ว่ารัฐธรรมนูญจะเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ แต่หากทุกคนไม่ปฏิบัติตาม พยายามหาแต่ช่องว่าง อ้างแต่ในเรื่องสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ โดยไม่คำนึงว่าจะไปกระทบสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นหรือไม่ บ้านเมืองก็จะไม่มีเสถียรภาพ
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวด้วยว่า สำหรับการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างนั้น คสช.ได้มอบแนวทางให้กับ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.แล้วว่า ต้องดำเนินการโดยต่อเนื่องจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ชุดของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่ได้ดำเนินการไว้ โดยต้องรับฟังความคิดเห็นจากคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย
"ที่ผ่านมามีคนบิดเบือนว่า ฟังแต่เสียงของคนชั้นสูง จึงขอย้ำว่า ประเทศไทยไม่มีคนชั้นสูง ชั้นกลาง ชั้นต่ำ คำพูดเหล่านั้นมันเป็นวาทะกรรมของนักการเมืองบางคน ที่มีความพยายามพูดจาแบ่งกลุ่มแบ่งฝ่าย สร้างความแตกแยกในบ้านเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แม้กระทั่งการบังคับใช้กฎหมายในมาตรา 112 ก็กล่าวหาว่า คสช.และรัฐบาล ใช้เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม ทั้งที่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ ทั้งการพูด การชุมนุม ไม่ว่าจะจากโซเชียลมีเดียในประเทศหรือต่างประเทศ โดยที่รัฐบาลที่ผ่านมาไม่มีการห้ามปราม หรือเอาจริงเอาจัง
แต่หลังจากวันที่ 22 พ.ค.57 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านความมั่นคง ได้ดำเนินการมาโดยตลอด แต่กลุ่มคนพวกนี้ยังคงใช้เทคนิคในการหลบเลี่ยงอย่างต่อเนื่อง และให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ไม่หวังดี สร้างข่าวลือข่าวลวง ข่าวเท็จ ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง แต่ต้องเรียนตามความเป็นจริงว่า เรื่องเหล่านี้ป้องกันและปิดกั้นได้ยาก แม้ในประเทศเราจะดำเนินการโดยหน่วยงานตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม แต่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ก็ยังอาศัยเทคนิคทางเทคโนโลยีไปเปิดเว็บไซต์ใหม่อีก เมื่อเจ้าหน้าที่ติดตามตรวจสอบ จนสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ก็จะมีการสร้างเครือข่ายขึ้นมาต่อต้านอ้างสิทธิมนุษยชน และในที่สุดก็หนีไปต่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่จะต้องดำเนินการ่อไป" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า คสช.และรัฐบาล อยากขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ตลอดจนนักการเมือง กลุ่มการเมือง นักวิชาการ ได้แสดงความคิดความเห็นผ่านช่องทางที่ กรธ.จัดไว้ ดีกว่าการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางสื่อมวลชน เพราะอาจทำให้สังคมสับสนว่าเรื่องใดเป็นข้อเท็จจริง เรื่องใดเป็นเพียงการตีความไปเอง หรือเรื่องใดเป็นความคิดเห็นเฉพาะตัว ไม่ได้มาจากข้อมูลรายละเอียดของรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง ซึ่งสิ่งสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญ คือ เราจะแก้ไขเผด็จการรัฐสภา การทุจริตประพฤติมิชอบ การกระทำผิดกฎหมายได้อย่างไร การตรวจสอบ การถ่วงดุล อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ จะทำอย่างไรจึงจะมีความสมดุล การบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความรุนแรง มีการใช้อาวุธสงครามทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ มีการปลุกปั่นแบ่งแยกประชาชนเป็นพวกเป็นฝ่าย จะป้องกัน ไม่ให้เกิดขึ้นอีกอย่างไร และทำอย่างไรจะให้ข้าราชการไม่เสียกำลังใจ ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกครอบงำหรือชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องจากฝ่ายการเมือง
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า การปฏิรูปให้เกิดความยั่งยืนของประเทศในทุกมิติ อาจต้องใช้เวลานาน ไม่ใช่เพียง 1 ปี 2 ปี จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า คสช.จะอยู่จนจบ เพียงแต่ต้องเริ่มต้นปรับปรุงแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่หมักหมมมาเป็นเวลานาน ปฏิรูปในเรื่องต่างๆ เพื่อวางรากฐานที่ดีของประเทศ แล้วส่งต่อให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็ดำเนินการต่อไป โดยมีกลไก หรือกฎหมาย ควบคุมให้เป็นตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ครอบคลุมแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่ฉบับที่ 12 เป็นต้นไป โดยรัฐบาลจะต้องนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม เกิดผลสัมฤทธิ์ที่จับต้องได้ ทุกหน่วยราชการจะต้องกำหนดยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติตลอดจนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ทั้งนี้ กลไกดังกล่าว จะต้องไม่ก้าวก่ายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล แต่จะต้องสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาได้ หากประเทศประสบปัญหาขึ้นมาอีกดังเช่นก่อน 22 พ.ค.57
"คสช.และรัฐบาล เข้าใจดีว่า คนส่วนใหญ่และประเทศต่างๆ ที่เป็นสากล คงไม่ชอบการที่ทหารเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ดังนั้น คสช.และรัฐบาล จึงคาดหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังยกร่างอยู่นี้ พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนจะได้ร่วมมือร่วมใจกัน แสดงความคิดความเห็นที่เป็นประโยชน์จนเป็นรัฐธรรมนูญฉบับที่มีความสมบูรณ์ สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ และก็คงจะเป็นการดีที่ทหารจะได้ไม่ต้องเข้ามาแก้ปัญหาเหมือนเช่นที่ผ่านมาอีก สำหรับนักการเมืองบางท่านที่ไม่สบายใจ ก็ขอให้อดทนเพื่อประเทศชาติและประชาชน ซึ่งก็คงใช้เวลาไม่นานนักตามโรดแมปที่ได้เคยเรียนให้ทราบมาโดยตลอด" โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว
สำหรับประเด็นที่ 2 เกี่ยวกับการสร้างความปรองดองภายในชาตินั้น พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า หลายคนอ้างว่า หากจะเดินหน้าประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะต้องนิรโทษกรรมทันที ประเทศชาติจึงจะสงบสุข ก็ต้องตั้งคำถามกลับไปว่า กระบวนการยุติธรรมซึ่งทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน มันหายไปไหน หากยอมรับข้อกล่าวหา แล้วเข้ามาต่อสู้คดีความตั้งแต่แรก คงไม่เกิดปัญหา ไม่ต้องมี คสช.ไม่ต้องมีประชาชนบาดเจ็บล้มตาย จากการกระทำของกองกำลังที่อ้างว่าไม่ทราบว่าเป็นฝ่ายใด ทั้งที่มีการจับกุม ดำเนินคดี ตัดสินความผิด ชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำหลายรายแล้ว ทุกคนทราบดีว่า พวกนี้ สนับสนุนใคร หากเป็นการสนับสนุนตามกระบวนการประชาธิปไตย รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยธรรมาภิบาล เหตุการณ์เหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น ประชาชนไม่ต้องใช้ความรุนแรงต่อกัน ซึ่ง คสช.และรัฐบาล เชื่อมั่นว่า คนส่วนใหญ่ของประเทศเห็นตรงกันว่า การสร้างความปรองดองคือ การสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน โดยยังคงยึดมั่นในกฎหมาย มิใช่ละเมิดความถูกต้องของกฎหมาย ใครผิดก็ยังต้องถูกลงโทษ โดยกระบวนการยุติธรรม อย่างเด็ดขาด และเสมอภาค มิฉะนั้นเท่ากับเราสร้างระเบียบกฎเกณฑ์ที่ไร้วินัย เมื่อไม่มีอะไรเป็นหลักการให้รักษาอีก ความโกลาหลก็จะเกิด ความไร้ระเบียบจะตามมาอีกมากมาย
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือของประชาชนเพื่อจะก่อให้เกิดความปรองดองได้ คสช.และรัฐบาล อยากให้พี่น้องประชาชนพิจารณาคำพูด ข้อเสนอของนักการเมือง นักวิชาการ และนักการสื่อสารบางคน หรือสื่อมวลชนบางแขนงว่า ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ เกิดประโยชน์กับประเทศชาติจริงหรือไม่ ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถที่จะช่วยกันได้ในเรื่องนี้ และหากเจอพวกที่มุ่งเอาแต่ประโยชน์ส่วนตัว ยั่วยุหวังสร้างความเดือดร้อน ยุยงให้เกิดความเกลียดชัง แบ่งฝักฝ่าย ก็ให้พี่น้องประชาชน เลิกฟัง เลิกเชื่อ เลิกสนับสนุน เพราะขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วง วางรากฐานประเทศกันใหม่ แก้ไขปฏิรูปในทุกเรื่อง เสมือนผ่าตัดใหญ่ ทั้งเพื่อรักษาโรคเก่า และป้องกันโรคที่อาจจะตามมา
"สิ่งที่ คสช.และรัฐบาล ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็เพื่อไม่ให้ประเทศชาติ และประชาชนกลับไปอยู่ในสถานการณ์เช่นเดิมอีกไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับใคร แต่ขอยืนยันว่า จะไม่ยอมให้ใครก็ตามที่มุ่งร้ายต่อสถาบัน ทุจริต ทำร้ายพี่น้องประชาชน ทำร้ายประเทศ มากดดันการทำงานของคสช. รัฐบาล และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฯ ในการทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้มีอนาคต เข้มแข็ง มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน คสช.และรัฐบาล หวังว่าการเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศของทหาร เมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 จะเป็นการแก้ปัญหาโดยทหารครั้งสุดท้าย" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะต้องมีทั้งที่เป็นสากล ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงบ่อย และมีทั้งกระบวนการ กลไก สำหรับช่วงระยะเวลาหนึ่ง ที่จะปฏิรูปจนประเทศ จนมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และไม่ฝืนกติกา ประชาธิปไตยสากล เพื่อพัฒนาการเมือง นักการเมือง ประชาชนทุกภาคส่วนให้มีความรัก ความสามัคคี มีคุณธรรม จริยธรรม มีธรรมภิบาล ปลูกฝังอุดมการณ์ทางการเมืองที่ถูกต้อง บังคับใช้กฎหมายได้อย่างเป็นธรรม ทั้งนี้ แม้ คสช.และรัฐบาล จะมีความตั้งใจจริงเพียงใดก็ตาม แต่หากขาดซึ่งความรัก ความสามัคคีจากคนไทยทุกคน ขาดความตระหนักคิด และความรักของพี่น้องประชาชนทุกคนที่มีต่อแผ่นดินเกิด การปฏิรูปประเทศไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ก็คงไม่สามารถที่จะสำเร็จได้อย่างแน่นอน ดังนั้นประชาชนทุกคนต้องช่วยกันให้กำลังใจ เอาใจช่วยคนที่ตั้งใจ มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ อย่าปล่อยให้ถูกต่อว่า กดดัน เสียกำลังใจจากผู้ที่ไม่รักประเทศชาติอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี