13 ต.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมกรรการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน ได้มีการเชิญองค์กรอิสระเข้าให้ความเห็นเพื่อประกอบการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรกคือ ตัวแทนคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งได้มีการเสนอแนวทางการทำงานต่อที่ประชุม กรธ. ใน 5 ประเด็นคือ
1. ปรับเพิ่มอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับคดีอาญาให้สามารถส่งเรื่องให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาลเองได้ เนื่องจากขณะนี้ สตง.มีอำนาจเพียงตรวจสอบและชี้มูลความผิด จึงเป็นอุปสรรคในการนำตัวผู้ทำผิดมาลงโทษ ไม่สามารถป้องกันและปราบปรามการทุจริตได้อย่างแท้จริง ทั้งที่กระบวนการตรวจสอบของ สตง.สามารถพิสูจน์ความผิดได้อย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ได้เป็นพนักงานสอบสวนจึงมิอาจกล่าวโทษได้เอง นอกจากนี้ยังต้องส่งเรื่องต่อไปให้ ป.ป.ช. ซึ่ง จะต้องเริ่มกระบวนการใหม่ตั้งแต่ต้น โดยตั้งแต่ปี 2542 ถึง 31 ธันวาคม 2557 มีการส่งเรื่องไปป.ป.ช. 1,523 เรื่อง แต่ ป.ป.ช. ดำเนินการได้ไม่เกินร้อยละ 20 หรือประมาณ 300 เรื่อง ส่วนใหญ่ส่งต่อเรื่องไปให้ ป.ป.ท. สำหรับที่เหลืออีก 1,200 กว่าเรื่องก็ยังไม่มีการดำเนินการ หากเฉลี่ยเวลาแล้วกว่าจะได้ตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปี ส่วนผลให้กระบวนการตรวจสอบของ สตง.ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถเอาผิดได้ทันเหตุการณ์ หากเปิดโอกาสให้ สตง.สามารถยื่นฟ้องเองได้ก็จะนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ทันเหตุการณ์ และตัดตอนคนทุจริตออกมาจากวงการได้ทันที ไม่ให้ไปยุ่งกับพยานหลักฐาน จนเกิดผลเสียแก่รูปคดี ทั้งนี้ยังเห็นว่าการให้มี ป.ป.ช.เป็นองค์กรเดียวในการดำเนินการไต่สวนทำให้เกิดความล่าช้าจนส่ง ซึ่งผลกระทบต่อการส่งคดีฟ้องศาล และหาก ป.ป.ช.เกิดทุจริตเสียเองก็จะไม่มีหน่วยงานอื่นมาดุล หรือคาดอำนาจ อีกทั้งยังไม่สามารถระงับความเสียหายได้อย่างทันเหตุการณ์ พยานบุคคลอาจกลับคำให้การ หรือพยานวัตถุถูกทำลาย และยังเป็นการสิ้นเปลืองงบเพราะต้องทำงานซ้ำซ้อน
2. ปรับเพิ่มให้มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบไต่สวนและติดตามเงินหรือทรัพย์สินของแผ่นดิน ในกรณีทุจริตเพื่อส่งอัยการยื่นฟ้องต่อศาลแพ่ง ติดตามเงินคืนแผ่นดิน ซึ่งจะทำให้การติดตามทรัพย์สินของแผ่นดินมีประสิทธิภาพ ผู้กระทำผิดเกิดความเกรงกลัว และยังสามารถติดตามเงินหรือทรัพย์สินแผ่นดินกลับคืนมาได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก่อนมีการโยกย้ายถ่ายเทไปยังบุคคลอื่น
3. ปรับเพิ่มให้มีอำนาจระงับงับยั้งโครงการที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เงินงบประมาณของแผ่นดินไว้ก่อน จนกว่าหน่วยรับตรวจจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะหรือมีเหตุผลชี้แจงอันสมควรในระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด เนื่องจากขณะนี้แม้สตง.จะมีอำนาจตรวจสอบการใช้เงิน หรือทรัพย์สินของแผ่นดินว่าต้องเป็นไปโดยประหยัด มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล แต่กฎหมายไม่มีสภาพบังคับแท้จริง จึงไม่สามารถยับยั้งโครงการที่อาจก่อความเสียหายแก่เงินแผ่นดินได้อย่างทันที
4. ปรับเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการ สามารถแจ้งผลการสอบได้มากกว่าเดิม คือกรณีรัฐอนุมัติ อนุญาตให้สิทธิ์ หรือให้ประโยชน์ หรือออกเอกสารสิทธิ์ หรือสัญญา หรือสัมปทาน หรือหนังสือสำคัญอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันแก่บุคคลใดโดยทุจริต หรือมิชอบด้วยกฎหมาย ให้ส่งรายงานไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่ง หรือคำพิพากษายกเลิก เพิกถอนสิทธิ์ หรือสัญญาเหล่านั้นที่จะสร้างความเสียหายแก่ราชการได้ นอกจากนี้ในกรณีที่มีผู้ไม่ชำระภาษีหรืออากร หรือค่าธรรมเนียม รวมประโยชน์อื่นใด หรือชำระไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย ให้กรรมกรส่งเรื่องไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการชำระภาษีตามกฎหมายได้ หากหน่วยงานดังกล่าไม่ดำเนินการ คตง.สามารถอนุมัติให้สตง.มีอำนาจติดตามเอาคืนเป็นรายได้ของแผ่นดินและ
5. ปรับแก้อำนาจในการดำเนินคดีวินัยการเงิน การคลัง และการงบประมาณ โดยให้สตง.มีอำนาจตรวจสอบไต่สวนความผิดวินัยทางงบประมาณ และการคลัง เพื่อเสนอให้คตง.พิจารณาโทษปรับทางปกครอง กรณีความผิดในอัตราโทษต่ำ หรือกรณีผู้ถูกกล่าวหารับสารภาพโดยสามารถโต้แย้งหรืออุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด
อย่างไรก็ตามจากแนวทางในการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมามีการบัญญัติให้นำคดีความผิดวินัยทางการคลังและการงบประมาณไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองในขณะที่เดิม การวินิจฉัยชี้ขาดอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการวินัยทางงบประมาณและการคลัง (ควง.) .ทั้งหมด จึงจะทำให้กระบวนการล่าช้า ดังนั้นควรแบ่งอำนาจการพิจารณาให้ชัดเจน คือความผิดอัตราโทษต่ำให้คตง.ออกคำสั่งลงโทษได้เอง หากอัตราโทษปรับสูงหรือผู้ทำผิดเป็นนักการเมือง ให้ คตง.อนุมัติสตง.ยื่นฟ้องศาลปกครอง และเห็นว่าการบัญญัติอำนาจองค์กรตรวจเงินแผ่นดินควรกำหนดให้มีเพียงองค์กรเดียว ไม่ใช่กำหนดองค์กรอื่นที่มีอำนาจหน้าที่ในลักษณะซ้ำซ้อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี