'บิ๊กตู่'ยกเหตุ3ข้อหลัก
หนุน‘คปป.’
คุมเกมโรดแมปปฏิรูป
ทั้งปรองดอง-แก้ปมขัดแย้ง
''ทินพันธุ์'ปธ.สปท.ตามโผ
เสี่ยจ้อน-วลัยรัตน์นั่งรองปธ.
คตง.ชงขอติดดาบปราบโกง
เมื่อเวลา 09.35 น. วันที่ 13 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นัดแรก เพื่อเลือกประธานและรองประธาน สปท.ช่วงแรกสมาชิกได้รับชมวิดีทัศน์กรอบการดำเนินงานของ สปท.และแนวทางในการเลือกประธานและรองประธาน โดยนำข้อบังคับการประชุมสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) มาอนุโลมใช้
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เชิญ นายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปท.ที่อาวุโสสูงสุด อายุ 87ปี ทำหน้าที่ประธานชั่วคราวและแจ้งให้สมาชิกรับทราบถึงประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ในการแต่งตั้ง สปท. 200คน โดยให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปท.อ่านรายชื่อรายคน ก่อนที่จะให้ปฏิญาณตนก่อนเข้าทำหน้าที่
จากนั้นจึงเริ่มเลือกตำแหน่งประธาน สปท.ด้วยการให้สมาชิกเสนอชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสมและต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10คน โดย พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก ได้เสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ เพียงคนเดียว ซึ่ง ร.อ.ทินพันธุ์ ได้รับตำแหน่งประธาน สปท.โดยไม่ต้องลงมติ
โวแม้อายุ81ปีแต่ยังทำงานไหว
หลังได้รับตำแหน่ง ร.อ.ทินพันธุ์ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่ไว้วางใจเลือกเป็นประธาน สปท.โดยจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปต่างๆ สานต่องาน สปช.37วาระปฏิรูป 8วาระพัฒนา เพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายที่รัฐธรรมนูญชั่วคราวบัญญัติไว้ ขณะที่การทำหน้าที่ของทุกคนเป็นความหวังของคนทั้งประเทศ ที่ต้องการให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปให้ดีขึ้น เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ ดังนั้นสมาชิกทุคนจะเป็นตัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนให้สำเร็จ
“ที่ของหลายคนเป็นห่วงเรื่องอายุของผม 81ปี ขอยืนยันว่า ยังแข็งแรงและพร้อมทำหน้าที่ เพราะทุกวันนี้ทำงานหนักกว่าสมัยหนุ่มๆ ยังสอนหนังสือได้ 12ชั่วโมง” ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าว
‘จ้อน-วลัยรัตน์’รองปธ.ที่1-2
สำหรับการเลือกรองประธาน สปท.คนที่1และคนที่2 มีการเสนอชื่อตำแหน่งละ 1คน เช่นเดียวกัน โดย นายอลงกรณ์ พลบุตร ถูกเสนอชื่อให้เป็นรองประธาน สปท.คนที่1และได้แสดงวิสัยทัศน์ว่า จะทำหน้าที่ด้วยความสุจริต ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศให้สำเร็จ ขณะที่ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองประธาน สปท.คนที่2 พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันจะเร่งปฏิรูปทั้ง 37วาระให้สำเร็จและขอความร่วมมือสมาชิกทั้ง 200คน ขั้นตอนต่อไป เลขาธิการ สปท.จะเสนอชื่อให้นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป
‘บิ๊กตู่’แจงสารถึงปชช.ไม่มีใต้ดิน
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวก่อนเป็นประธานประชุม ครม.ถึงการออกสารนายกรัฐมนตรีถึงประชาชน ว่า หากมีความจำเป็นก็ต้องออกมา ส่วนจะเป็นการสื่อสารทางเดียวหรือไม่นั้น ตนได้พูดคุยกับประชาชนอยู่แล้ว แต่หากเป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อสังคมก็ให้ออกแถลงบ้าง ยืนยันไม่มีการกดดันจากใต้ดิน อย่างไรก็ตามช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาสำคัญในการปฏิรูปประเทศและที่ผ่านมารัฐบาลก็มีการปฏิรูปอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง จนทำให้สถานการณ์ในประเทศก็ดีขึ้น
ทนเห็นปท.เป็นรัฐล้มเหลวไม่ได้
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เขียนบทความ“จากใจนายกรัฐมนตรี”ลงในจดหมายข่าวรัฐบาลเพื่อประชาชน ปีที่1 ฉบับที่12 วันที่ 15ตุลาคม ความตอนหนึ่งว่า หลังตัดสินใจเข้ามายุติสถานการณ์ความขัดแย้งของคนในชาติที่ลุ่มๆดอนๆมากกว่า 10ปี เพราะยอมไม่ได้ที่จะเห็นบ้านเกิดเมืองนอนของเราตกอยู่ใน“ภาวะประเทศล้มเหลว”Failed Stateและนับเป็นเวลากว่า 1ปี ที่ตนอาสาเข้ามาเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของประเทศและเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ตนมีโอกาสครั้งสำคัญในการเปิดประตูบ้านให้ผู้นำประเทศต่างๆ เกือบ 200ประเทศที่เข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญครั้งที่70ได้เห็นภายในบ้านเราว่า ปลอดภัยขึ้น สะอาดขึ้น น่าอยู่ขึ้น
เร่งเดินหน้าแผนปฎิรูปประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังประชุม ครม.ว่า ตนให้ความสำคัญการขับเคลื่อนประเทศในช่วงนี้มาก เพราะเป็นช่วงที่เราจะทำงานได้ไปสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม2560 ตามโรดแมป ขอให้เข้าใจว่า การปฏิรูปประเทศได้เริ่มไปแล้ว โดยจะต้องจัดทำแผนซึ่งมี คสช.และสปท.เป็นผู้ดำเนินการที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประชาชนในวันข้างหน้า แม้จะมีผลกระทบหรือคนไม่ชอบ แต่ยืนยันว่า ไม่ได้เอาความคิดของตนเป็นหลัก
คง’คปป.’แก้ขัดแย้ง-ปรองดอง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวทางการร่างรัฐธรรมนูญที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่าจะไม่ผ่านว่า กรธ.ต้องเอารัฐธรรมนูญฉบับเก่าๆ มาดูข้อดีและเสีย รวมถึงเอาร่างรัฐธรรมนูญที่ถูกคว่ำมาพิจารณาด้วย แต่ต้องมองถึงยุทธศาสตร์ชาติจะทำอย่างไร เพราะหากไม่มีกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญก็จะกลับไปเป็นแบบเดิม ส่วนเรื่องคณะกรรมการยุทธ์ศาสตร์ปฏิรูปและปรองดองแห่งชาติ(คปป.) ขออย่ากังวล เพราะคปป.เป็นเหมือนร่มหนึ่งที่คอยดูแล 3เรื่องหลัก คือ การปฏิรูป การปรองดองและลดความขัดแย้ง แต่ยืนยันว่า ไม่คิดจะครอบงำ หรือมีอำนาจเหนือรัฐบาลชุดใหม่ หรือเป็นการป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกเอาผิดจากรัฐบาลในอนาคต เพราะตนไม่ได้ทำอะไรผิด หากไม่มี คปป.แล้วจะเอาอะไรเป็นหลักประกันในการแก้ปัญหาเหล่านี้ แต่วันนี้ตอบไม่ได้ว่า คปป.จะอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ หากไม่มีก็ต้องหากลไกอื่นทำเรื่องนี้ หรืออาจไม่มีเลย ขึ้นอยู่กับ กรธ.
ฉุนสื่อถามครอบงำ’รบ.ใหม่’
เมื่อถามว่า คปป.จะมาครอบงำรัฐบาลในอนาคตหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างฉุนเฉียวว่า ‘คปป.จะไปสั่งใคร คปป.เพียงส่งข้อเสนอไปยังรัฐบาล รัฐบาลจะทำหรือไม่ทำก็ได้ คปป.เพียงส่งเป็นแผนเป็นกิจกรรมไป หากไม่ทำก็เพียงเอาเรื่องเข้าสภาไปพิจารณาร่วมกันและให้เหตุผลว่า ทำไมถึงไม่ทำตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ วันนี้จะไปบอกว่า คปป.ไปสั่ง มันสั่งไม่ได้ ผมเพียงแค่ไปบอกว่า ไปหากลไกอะไรมา จะเป็น คปป.หรือ คออะไรก็แล้วแต่ หรือจะไม่มีก็แล้วแต่’
ยอมรับไม่มีทางปฎิรูปสื่อได้
นายกฯ กล่าวต่อว่า การทำสิ่งใหม่ๆย่อมมีผลกระทบแน่นอน วันนี้อยากให้การเสนอข่าวไม่เป็นแบบเดิม อยากให้น้องๆปฏิรูปในเรื่องการเสนอข่าว ซึ่งตนคงไม่บังอาจไปปฏิรูปสื่อ ตนไม่ได้ไปปิดกั้นอะไรสื่ออยู่แล้ว แค่เรียกนักข่าวมาคุยคนเดียวกลายเป็นว่า ตนไปปิดกั้นเสรีภาพมนุษย์ มันใช่ที่ไหนพอกลับไปยังหัวเราะดีและก็เขียนใหม่อีก ก็เห็นอยู่การ์ตูนก็เขียนเหมือนเดิม เรียกไปก็เท่านั้น ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็จะทำไปเรื่อยๆ
‘อดุลย์-พะเยาว์’หนุนนิรโทษทุกสี
ขณะเดียวกัน ตัวแทนคณะกรรมการญาติวีรชนฤษภา’35 นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการฯ พร้อมด้วยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดา น.ส.กมนเกด อัคฮาด ผู้เสียชีวิตในเหตุสลายการชุมนุมปี53 เข้ายื่นหนังสือถึงนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาล กรณีสร้างความปรองดอง โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า นิรโทษกรรมคือ การลบล้างการกระทำผิดอาญา โดยมีกฏหมายออกมาภายหลังให้ผู้กระทำการนั้นไม่มีความผิดและพ้นความผิด จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เร่งสร้างความชัดเจนในการสร้างความปรองดอง ควรแสดงเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องโทษให้ออกมาใช้ชีวิตปกติเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเอื้ออาทรและขอให้ตั้งคณะกรรมการสร้างความปรองดองขึ้นมา
‘มีชัย’พร้อมฟังข้อเสนอ’คตง.’
ด้าน นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กรธ.ถึงการเชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เข้าให้ข้อมูลในการร่างรัฐธรรมนูญต่อ กรธ.ว่า จะพิจารณาข้อเสนอของ สตง.และคตง.โดยจะถามเพียงคำถามเดียวว่า มีอุปสรรคอย่างไร เพราะอยากให้ทำงานได้ผลมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จะต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใด จะได้บัญญัติในรัฐธรรมนูญ
ดักคอฟ้องคดีเองกลายเป็นปปช.
นายมีชัย กล่าวต่อว่า การเสนอขอเพิ่มอำนาจให้ สตง.ยื่นฟ้องศาลได้เอง ว่า เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณา เพราะสตง.มีหน้าที่ตรวจประสิทธิผลการใช้เงิน ไม่ใช่แค่ว่าถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ เนื่องจากไม่สามารถทำให้การใช้เงินแผ่นดินเกิดประสิทธิภาพได้ จึงอยากให้ สตง.มุ่งตรงนี้มากกว่า หากให้ สตง.ฟ้องคดีอาญาเองจะกลายเป็น ปปช.ขึ้นมาอีกองค์กรหนึ่ง แล้วจะวุ่นวายกันใหญ่ หากวันหนึ่งอำนาจล้มทับตัวเองแล้วจะลำบาก แต่ยังสรุปไม่ได้ว่า บทบาทที่มีอยู่เพียงพอหรือยัง
ไม่ยืนยันให้สกัด’ประชานิยม’
นายมีชัย ยังกล่าวถึงกรณี กรธ.มีการหารือเกี่ยวกับการยับยั้งความเสียหายเกี่ยวกับโครงการประชานิยม ว่า ไม่ได้มีการตั้งองค์กรใหม่ เพียงแต่จะมีผลไกระมัดระวังไม่ให้ทำสิ่งที่จะเกิดความเสียหาย ไม่ใช่สกัดแนวคิดนโยบายประชานิยม แต่สกัดสร้างความเสียหาย แต่ยังคิดกลไกไม่ออก และยังไม่สามารถตอบได้ว่า หากจำเป็นต้องมีกลนี้ควรให้เป็นบทบาทหน้าที่ สตง.หรือไม่
‘คตง.’ชงขอปรับเพิ่มอำนาจ
จากนั้นมีการประชุม กรธ.ที่มี นายมีชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน โดย นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธาน คตง.กล่าวว่า มีข้อเสนอคือใ ห้คงบทบาทการทำงานตามรัฐธรรมนูญปี2540และ2550 ที่กำหนดให้ สตง.และผู้ว่า สตง.มีอำนาจตรวจสอบ ส่วน คตง.ให้คงอำนาจกำหนดมอบหมายนโยบายและวินิจฉัยผลการตรวจสอบ นอกจากนี้ ให้คงหน่วยงานคณะกรรมการวินัยทางงบประมาณและการคลัง ที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้เงินว่า เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่เอาไว้ เพราะอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้คล้ายกับศาลปกครองชั้นต้น หาก คตง.วินิจฉัยชี้ขาดความผิดแล้ว ก็ให้ไปอุทธรณ์ที่ศาลปกครองสูงสุด
พร้อมกันนี้ ยังขอให้เพิ่มอำนาจการบังคับและกดดันหากหน่วยงานที่ได้รับคำเตือนเรื่องการใช้งบประมาณไม่ทำตาม ด้วยการให้ สตง.สามารถส่งเรื่องให้วุฒิสภาสั่งยับยั้งโครงการประชานิยม หรือนำไปสู่การเปิดสำนวนถอดถอนและชดใช้ค่าเสียหาย ขณะที่คดีทุจริตที่เกี่ยวข้องกับการเงินเดิมที่ต้องส่งสำนวนปปช.เป็นผู้ฟ้อง ก็ขอให้แก้ไขเป็น สตง.มีอำนาจในการฟ้องเอง
กรธ.เริ่มพิจารณาร่างรายมาตรา
เวลา 15.00น.นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ.แถลงหลังประชุม กรธ.ว่า ที่ประชุมได้สรุปหลักการสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญว่า “จะเขียนใหม่ให้สั้นกระชับ ครอบคลุมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชนอย่างเป็นสากล” จะเขียนด้วยภาษาที่สามารถอ่านและเข้าใจได้ง่าย เพื่อให้การตีความอยู่บนหลักการที่ถูกต้องและชัดเจน ที่ประชุมยังเริ่มพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา ซึ่งเป็นร่างที่คณะอนุกรรมการยกร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญนำเสนอในหมวด1 บททั่วไป มาตรา1-6 ส่วนรายละเอียดนั้น อยู่ระหว่างพิจารณา จึงไม่สามารถเปิดเผยได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี