25 พ.ย. 58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ถนนพิษณุโลก พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เป็นประธานในพิธีเปิด พิพิธภัณฑ์และหอจดหมายเหตุ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (พิพิธภัณฑ์ต้านโกง) โดย พล.อ.เปรม กล่าวตอนหนึ่งว่า ทุกครั้งที่มาร่วมงานกับสำนักงาน ป.ป.ช. ก็ดีใจและชื่นใจ ที่ได้เห็นคณะกรรมการ ป.ป.ช.เสียสละทำงานต่างๆเพื่อรับใช้ชาติบ้านเมือง และไล่คนโกงไปในทะเลและก้นภูเขา ทั้งนี้เราจะต้องทำเพื่อให้ชาติบ้านเมืองของเรามีคนโกงน้อยลงให้มาก และคิดว่าการที่เปิดพิพิธภัณฑ์นี้คนโกงคงไม่ชอบ ดังนั้นคนที่ทำงานต้องระวังอันตราย ทั้งนี้ตนรู้สึกดีใจมากที่พิพิธภัณฑ์นี้ใช้วิธีที่เริ่มที่เด็ก คิดว่าเป็นวิธีที่ถูกที่สุด ที่จะให้เด็กรู้ว่าการโกงคืออะไร ทำให้เด็กได้รู้ว่าการโกงทำให้ประเทศเราอ่อนแอ ทำให้ประเทศเราไม่สามารถพัฒนาไปตามความต้องการได้ ทั้งนี้หากเราเริ่มต้นทำที่เด็กได้เราก็มีหวังที่จะป้องกันการทุจริตได้
“ผมไม่อยากเรียกว่าโกง แต่อยากเรียกว่าการปล้นชาติมากกว่า เพราะประชาชนทั่วไปที่ไม่โกงนั้นถูกปล้นเงินไปทุกวัน แทนที่จะเอาเงินไปทำประโยชน์แต่กลับถูกโกง และคนที่โกงก็เท่ากับโกงเงินตัวเองด้วย ชาติของเรากำลังถูกปล้นจากพวกขี้โกงทั้งหลาย ทำอย่างไรเราจะปราบปรามคนปล้นชาติได้ ตอนนี้เรามีอันดับดัชนีความโปร่งใสอยู่ที่อันดับ 85 และหากเรามุ่งมั่นกันจริงๆ เห็นโทษการโกงจริงๆ เราจะทำสำเร็จไม่วันใดก็วันหนึ่ง ถ้าเราสามารถเปลี่ยนทัศนคติของคนโกงได้วันละ 1 คน 1 ปี ก็จะได้คนที่ไม่โกง 365 คน และคิดว่าอาจจะมีการให้รางวัลคนที่เคยโกงแล้วกลับตัวกลับใจไม่โกงดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะยอมรับว่าตัวเองเคยโกง อย่างไรก็ตามบ้านเมืองเรามีความศักดิ์สิทธิ์ใครจะมาโกงใครจะมาปล้น พระสยามเทวาธิราชก็มองเห็น พระเจ้าอยู่หัวองค์ที่ผ่านมาทุกพระองค์ก็มองเห็น อย่าคิดว่าไม่มีใครมองเห็นแล้วโกงได้โกงเอา”พล.อ.เปรมกล่าว
ด้านนายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ และเป็นการปลูก-ปลุกจิตสำนึกถึงความสำคัญของการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายที่สำคัญ คือ เป็นพิพิธภัณฑ์ศูนย์กลางที่สมบูรณ์แบบที่มีรูปแบบและพื้นที่ ใช้งานที่ครบครัน ทันสมัยด้วยที่เข้าถึงง่าย และเป็นต้นแบบของการใช้กระบวนการมีส่วนร่วมจาก ทุกภาคส่วนจนเชื่อมโยงเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ องค์การภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน มาเรียนรู้ร่วมกันเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและร่วมสร้างสังคมโปร่งใสแก่สังคมไทย หรือการเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการศึกษาแนวใหม่ โดยจะเน้นที่เด็กและเยาวชน นิสิต นักศึกษา รองลงมาคือเจ้าหน้าที่องค์กรภาครัฐและเอกชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป เพื่อให้ความรู้และความคิดที่ถูกต้องต่อประชาชน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าการปราบปรามการทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในงานเดียวกันมีการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช. และพิพิธภัณฑ์เครือข่าย อาทิ กรมศิลปากร, สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ, สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ เพื่อร่วมมือในการป้องกันการทุจริต ทั้งนี้พิพิธภัณฑ์ต้านโกง แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 10 ส่วน 1. ลานสนุกคิด โดยผู้เข้าชมสามารถคิดวิเคราะห์พฤติกรรมที่เคยทำในชีวิตประจำวันว่าเสี่ยงต่อการทุจริต หรือโกงหรือไม่,2.เลือกทางเดิน เป็นส่วนของวีดีทัศน์แสดงภาพรวมปัญหาการทุจริตของประเทศไทย, 3.เมืองแห่งมนต์ดำ ที่สร้างความตระหนักรู้ให้ผู้เข้าชมทราบถึงมูลค่าความสูญเสียเงินภาษีของประชาชนจำนวนมหาศาลอันเกิดจากการทุจริต, 4.ตีแผ่กลโกง ที่ผู้เข้าชมได้เรียนรู้รูปแบบกลโกงในการทุจริตประเภทต่างๆ ,5.กำจัดกลโกง ซึ่งผู้เข้าชมรับรู้ถึงภารกิจ บทบาท และพัฒนาการของสำนักงาน ป.ป.ช. , 6.วันพิพากษา เป็นส่วนที่แสดงให้เห็นถึงบทสรุปของคนโกง ,7.พลังแห่งคุณธรรม ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เข้าชมให้เห็นแบบอย่างของการทำดี ,8.เมืองแห่งแสงสว่าง ซึ่งกิจกรรมการเรียนรู้การดำเนินชีวิตที่ยึดหลักคุณธรรม ความซื่อสัตย์, 9.พลเมืองข่าว ป.ป.ช. แสดงถึงกิจกรรมการแจ้งเบาะแสทุจริต และการมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริต และ10.รวมพลังสร้างสังคมใสสะอาด แสดงให้เห็นภารกิจและเครือข่ายต้านโกงทั่วประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี