เค้นคอแก๊ง‘ป่วนเมือง’
ล่าคนบงการ
แฉแผนวินาศกรรมกรุง
ประทุษร้ายบิ๊กในรัฐบาล
ทหารหิ้ว3ผู้ต้องหาส่งตร.
กรธ.ชงฟื้นม.7ผ่าทางตัน
ให้อำนาจศาลรธน.ชี้ขาด
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แถลงข่าวยอมรับถึงกรณีทหารได้ควบคุมตัวจ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตชด. อายุ 60 ปี ชาวจ.ขอนแก่น นายพิษณุ พรหมสร และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หลังพบพฤติกรรมมีการสื่อสารเตรียมก่อเหตุในงาน”ปั่นเพื่อพ่อ”ที่จ.ขอนแก่นและก่อเหตุวุ่นวายใน กทม.
แฉเป้าวินาศกรรม-ประทุษร้าย
“กรณีนี้ทางตำรวจสืบสวนติดตามมาตลอด เฝ้าฟัง และดำเนินกรรมวิธีข่าวกรองด้านความมั่นคงทุกมิติ กระทั่งพบข้อมูลว่ากลุ่มนี้มีความเคลื่อนไหวจะก่อเหตุไม่สงบ จึงได้สืบสวนจับกุมคุมตัวไว้ตามปรากฏข่าว ซึ่งบอกไม่ได้ว่ามีเป้าประสงค์ก่อเหตุลักษณะใด แต่ที่บอกได้คือกลุ่มนี้พุ่งเป้ามาที่กทม.เข้ามาก่อเหตุ มีมูลว่าพุ่งเป้ามาที่บุคคลสำคัญในรัฐบาล ในทำนองว่ามาก่อวินาศกรรม วางระเบิดประมาณนั้น”ผบ.ตร.กล่าว
มีหลักฐานทางไลน์ชัดเจน
พร้อมระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบแนวคิดของกลุ่มนี้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมืองหรือไม่ ทางตำรวจมีหลักฐานแต่อยู่ในขั้นตอนสืบสวนสอบสวนยังไม่สามารถบอกได้ อย่างที่รู้ๆ กันก็มีข้อมูลการสื่อสาร ทั้งการติดต่อในแอปพลิเคชันไลน์ ลายมือชื่อ ที่ปรากฏในโลกออนไลน์ ซึ่งการที่ศาลทหารอนุมัติหมายจับผู้ต้องหากลุ่มนี้เพราะมีข้อมูลยืนยันได้ว่าจะมาก่อเหตุใน กทม.
เชื่อมีคนใหญ่กว่าคอยบงการ
พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ตำรวจกำลังสืบสวนขยายผลว่ามีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดก่อนหน้านี้ทุกๆ เหตุ ทั้งที่ราชประสงค์ และห้างสยามพารากอนหรือไม่ ตอนนี้ให้น้ำหนักมูลเหตุจูงใจทุกประเด็นรวมถึงเรื่องการเมือง ไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง หรือให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษ ทั้งนี้จะมีการสืบสวนขยายผลเพราะเชื่อว่ามีมากกว่า 3 คน และมีผู้ที่ใหญ่กว่านี้สั่งการอยู่ข้างบน
เอาอยู่วอนปชช.อย่าตื่นตระหนก
อย่างไรก็ตามเมื่อพบความเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้แล้ว เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าไปดำเนินการจับกุม ยับยั้งเอาไว้ไม่ให้ก่อเหตุ ขอยืนยันกับประชาชนว่าอย่าตระหนกกับข่าวนี้ โดยตำรวจดูแลความปลอดภัยของประชาชน มีหน่วยข่าวกรองจับตาเฝ้าระวังคนกลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด ป้องกันไม่ให้ก่อเหตุ เรื่องนี้ต้องสืบสวนต่อไปหาที่มาที่ไปของกลุ่มนี้
“ทั้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงได้สั่งให้ติดตามเฝ้าระวังเหตุต่อไปอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้คงไม่ต้องคาดโทษ หรือลงโทษตำรวจในพื้นที่ เพราะพื้นที่มีงานมากอยู่แล้ว ตร.ก็มีชุดพิเศษที่ทำงานด้านความมั่นคงมีเครื่องมือทำงานด้านข่าวมากกว่าก็เข้าไปช่วยกันทำงาน”ผบ.ตร.กล่าว
เตรียมรับมอบ3ผู้ต้องหาเค้นต่อ
ด้านพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคง กล่าวว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้วและติดตามอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะเริ่มทำสำนวนคดีนี้ได้เร็วๆนี้ เบื้องต้นข้อมูลทหารชี้ว่ากลุ่มนี้เตรียมก่อเหตุไม่สงบใน กทม. โดย พล.อ.ประวิตรได้กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความสงบและความปลอดภัยในพื้นที่ กทม.
ขณะที่มีรายงานว่า ในวันที่ 26 พฤศจิกายน พล.ต.อ.จักรทิพย์ และพล.ต.อ.ศรีวราห์ จะรับมอบตัวผู้ต้องหาจากทหารที่ห้องกระจก ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. และจะแถลงข่าว ณ ห้องศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร.
กต.ชี้จม.เชิญปูในนามส่วนตัว
ทางด้านความคืบหน้ากรณีสมาชิกรัฐสภายุโรปส่งจดหมายเชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อไปหารือเรื่องสถานการณ์การเมืองในไทยนั้น
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ(กต.) กล่าวว่า ทางสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบรัสเซล ประเทศเบลเยียม และผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยยืนยันว่า จดหมายดังกล่าวเป็นจดหมายเชิญจากสมาชิกรัฐสภายุโรปจำนวน 2 คนจริง แต่เป็นการเชิญในนามส่วนตัวจึงไม่ได้ลงรายละเอียดตำแหน่งในจดหมายเชิญ และยืนยันว่าไม่ใช่การเชิญในนามรัฐสภายุโรป หรือในนามกลุ่มการเมืองหรือคณะกรรมาธิการในรัฐสภาแต่อย่างใด
และเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภายุโรปที่สามารถเชิญบุคคลต่าง ๆ มาหารือได้
“ปึ้ง”ท้าดอนลองล็อบบี้สภายุโรป
ด้าน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวตอบโต้นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศว่า ถ้านายดอนคิดว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ล็อบบี้เขาได้ แล้วทำไมพวกท่านไม่ไป
ล็อบบี้เองบ้างเพื่อให้รัฐสภายุโรปเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.ไปเหมือนที่เชิญน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะได้นำโพลล์ที่อ้างว่าประชาชนรักและชื่นชมรัฐบาลท่าน
เปิดช่องตั้งกก.อิสระสอบศาลรธน.
สำหรับความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)นั้น
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.แถลงความคืบหน้าการประชุมว่า ได้พิจารณาหลักที่เกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีหน้าที่วินิจฉัยกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ ส่วนองค์คณะตุลาการในการวินิจฉัยก็ยึดไปตามเดิมที่กำหนดให้ต้องใช้เสียง 5 ใน 9 และยังกำหนดให้มีกระบวนการตรวจสอบในกรณีที่ตุลาการถูกกล่าวหาด้วยการตั้งคณะกรรมการอิสระที่มาจากการคัดเลือกของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา เป็นผู้พิจารณา
ปรับสัดส่วนที่มาตุลาการใหม่
นอกจากนี้ได้กำหนดสัดส่วนองค์คณะตุลาการใหม่จำนวน 9 คน คือ มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา 3 คนจากที่ประชุมศาลปกครองสูงสุด 2 คน จากผู้ทรงคุณวุฒิระดับอธิบดี 2 คน จากศาสตราจารย์ของสถาบันการศึกษาด้านนิติศาสตร์ 1 คนจากศาสตราจารย์ของสถาบันการศึกษาด้านรัฐศาสตร์ 1 คนจากนั้นก็ต้องผ่านกระบวนการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากศาลฎีกา ศาลปกครอง คณะกรรมการองค์กรอิสระ และรัฐสภาเหมือนหลักของรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันก็จะกำหนดคุณสมบัติของผู้จะมาเป็นกรรมการองค์กรอิสระด้วยว่า หากเคยเป็นกรรมการองค์กรใดแล้ว จะไม่สามารถเป็นกรรมการองค์กรอื่นได้อีกเช่น เคยเป็นกกต.แล้ว ก็จะมาเป็น ผู้ตรวจการแผ่นดิน อีกไม่ได้
ชงฟื้นม.7ให้ศาลรธน.ชี้ขาด
นายอุดม กล่าวว่า สำหรับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญที่จะให้วินิจฉัยเมื่อเกิดวิกฤตินั้นเดิมมาตรา 7 ที่ถูกเสนอให้ใช้เมื่อเกิดวิกฤติการเมืองมักจะเป็นปัญหาเรื่องการตีความกรธ.ส่วนใหญ่เห็นว่าอำนาจนี้ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ยังไม่ได้ข้อยุติว่า จะนำความแบบมาตรา 7 มาใส่ไว้เลยหรือควรจะปรับถ้อยคำก่อนโดยฝ่ายที่เห็นด้วยมองว่าเวลาเกิดปัญหาศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถตีความเจตนารมณ์ตามเนื้อหาของมาตรา7 ได้แต่ฝ่ายที่เห็นต่างมองว่า จะเป็นการแอบอ้างสถาบันฯ
เคาะสูตรเลือกสส.แบบจัดสรร
นายอุดม กล่าว นอกจากนี้กรธ.ยังได้มอบหมายให้ อนุกรรมการยกร่างบทบัญญัติรัฐธรรมนูญไปจัดทำร่างในส่วนของบททั่วไป และหมวดรัฐสภา ตามที่ได้พิจารณาไปแล้วทั้งระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมการคิดคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อทั้ง 150 คน โดยไม่มีเศษส่วนเกินและอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. ส่วนใหญ่ก็จะยึดไปตามหลักการเดิม
สว.มาจากเลือกตั้งทางอ้อม
ส่วนที่มา ส.ว.ก็ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าจะไม่มาจากการสรรหาผสมกับการเลือกตั้งทางตรงเหมือนที่ผ่านมาแต่จะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากทั้งองค์กรที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและกลุ่มทางสังคมทั้งหมดที่ไม่ได้จดทะเบียนไม่เกิน 200 คนซึ่งที่ประชุมยังไม่มีข้อยุติว่ากลุ่มเหล่านั้นจะมีอะไรบ้างเพราะเราระหว่างการหารือมีการนำเสนอองค์กรนิติบุคคลและกลุ่มทางสังคมที่สมควรมีตัวแทนเป็นส.ว. กว่า 20 กลุ่มจึงมอบให้อนุฯโครงสร้างอำนาจนิติบัญญัติไปศึกษา
รองปธ.สนช.ค้านหั่นอำนาจวุฒิฯ
ขณะที่นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวไม่เห็นด้วยกับกรณีที่กรธ. เสนอหั่นอำนาจสว.ในการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองโดยโยนให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการเมืองควรถือหลักดำเนินการโดยฝ่ายการเมือง ไม่ใช่คดีแพ่งหรืออาญาที่จะต้องให้ศาลเข้ามาเกี่ยวข้องไม่เช่นนั้นจะเป็นการดึงศาลเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมือง
“วิษณุ”ชี้จำเป็นมีกลไกผ่าทางตัน
ในขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การสร้างกลไกผ่าทางตันทางการเมืองนั้น หลายประเทศก็ใช่กัน ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะในที่สุดพอเวลาทางตันก็ต้องมีใครมาช่วยหาทางออก ถ้าหากหาทางออกโดยกฎหมายไม่ได้ ก็ต้องไปหาทางออกโดยกำลัง
ทางด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวว่า สิ่งต่างๆ ที่ตนพูดไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง ตนวางพื้นฐานไว้เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งภายในประเทศ และสอดคล้องสภาพเศรษฐกิจโลก จะล้มไม่ได้เราต้องการให้เป็นไปตามโรดแมป เราต้องล้างให้การเมืองใสสะอาด เพื่อเป็นการปฏิรูปในเรื่องนี้
“การเมือง ก็คือการเมือง การทำงานก็คือการทำงาน ไม่มีพวก ไม่มีเพื่อน ไม่มีพี่ ไม่มีน้องพวกไม่ดีก็อย่าเอามาทำงานใหญ่” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี