27 พ.ย. 58 นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านเว็บไซต์ยูทูป ถึงกรณีการจับกุม จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน และนายณัฐพล ณวรรณ์เล เป็นผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในชื่อกลุ่ม "ขอนแก่นโมเดล" โดยระบุว่าเกี่ยวข้องกับ นปช. ว่า จ.ส.ต.ประทิน และนายณัฐพล ถูกอุ้มจากบ้านพักไปเก็บตัวไว้ที่ค่ายทหารก่อนงานซ้อมปั่นเพื่อพ่อที่ จ.ขอนแก่น จะมีขึ้นถึง 2 วัน เมื่อถึงงานซ้อมปั่นเพื่อพ่อวันที่ 22 พ.ย. ที่ผ่านมา กลับไม่มีเหตุการณ์ป่วนเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 คนว่า เตรียมก่อเหตุป่วนในงานลอยกระทง งานปีใหม่ และยังวางแผนก่อการประทุษร้ายผู้นำของประเทศ ซึ่งเวลาซ้อมปั่นเพื่อพ่อ และลอยกระทงผ่านไปแล้ว ไม่เกิดปัญหาแต่อย่างใด
นายจตุพร กล่าวว่า จ.ส.ต.ประทิน ได้ถูกจับกุมมาแล้วเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2557 หลังการยึดอำนาจหนึ่งวัน แต่ได้รับการประกันตัวออกมา โดยคดีนี้เวลาผ่านมาถึงปีเศษมีความคืบหน้าเพียงขั้นตอนการตรวจพยานในชั้นศาล เท่านั้น ดังนั้นในทางคดีจึงถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ในคดีขอนแก่นโมเดลผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 2 คน ถูกตำรวจตั้งข้อหาว่า มีแนวคิดก่อการร้าย ซ่องสุมกำลังพล อาวุธ พร้อมจะยึดค่ายทหาร ตำรวจ และหน่วยราชการ ตรวจค้นพบครอบครองอาวุธปืน อาวุธสงคราม กระสุนปืน วัตถุระเบิด แต่ภรรยาของ จ.ส.ต.ประทิน บอกว่า สามีมีสภาพคนแก่ สิ้นหวัง ตกงานคนหนึ่ง อยู่บ้าน และไม่มีศักยภาพใดในการซ่องสุมกำลัง ส่วนนายณัฐพล ไม่ได้เล่นเฟซบุ๊กมานานแล้ว ดังนั้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคนจึงไม่มีพฤติกรรมป่วนหรือประทุษร้ายได้แต่อย่างใดเลย และเหตุใดจึงมีการตั้งข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึงการที่ตำรวจออกมาแถลงข่าวยังเป็นคนละเรื่องกับหมายจับ และการฝากขังด้วย
นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า เหตุการณ์ขอนแก่นโมเดลตนไม่รู้เรื่อง เพราะช่วงที่เกิดการจับกุมนั้น พวกตนถูกควบคุมตัวอยู่ในค่ายทหาร แต่เมื่อมาโยงการป่วนปั่นเพื่อพ่อไปสู่ขอนแก่นโมเดล แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บอกว่า นปช.เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่ นปช.ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย อยากเรียน พล.อ.ประยุทธ์ ว่า การชุมนุมของ นปช. มีคนมาร่วมหลายแสนคน ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ถ้าใช้หลักการใครมาชุมนุมแล้วต้องรับผิดชอบ ดังนั้น หมอหยองที่ถูกคดีแอบอ้างเบื้องสูงและคดีอื่นๆ มากมาย เคยไปชุมนุมกับ กปปส. จึงแปลความว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำคนอื่น รวมทั้งนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม พร้อมจะรับผิดชอบในกรณีหมอหยองหรือไม่ รวมทั้งศาลทหารออกหมายจับ หนึ่งพลตรี กับหนึ่งพันเอก ซึ่งนายทหารทั้งสองคนนี้เป็นมือซ้ายขวาของอดีต ผบ.ทบ. และยังเป็นรมช.กลาโหม พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องรับผิดกรณี 2 นายทหารด้วย
"ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้รับผิดชอบ เพราะมาชุมนุมกับ นปช. ดังนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องรับผิดชอบกรณีแอบอ้างเบื้องสูงของหมอหยอง และนายทหารที่เจอหมายจับแล้ว ท่านจะรับผิดชอบหรือไม่ หมอหยองก็ถ่ายรูปด้วยทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร ท่านต้องรับผิดชอบหรือไม่ เอาหรือไม่ ดังนั้น ให้เลิกคิดว่า พวกผมต้องการโค่นล้มท่าน อยู่ไปเลยเป็นชาติ ถ้าชาติหน้าอยากอยู่ต่อ ก็ทำเอ็มโอยูไว้ด้วย" นายจตุพร กล่าว
ประธาน นปช. กล่าวอีกว่า การเอาผู้ถูกกล่าวหาป่วนมาเชื่อมโยงกับขอนแก่นโมเดลแล้วสร้างภาพใหญ่โตทั่วประเทศ แต่พอทุจริตอุทยานราชภักดิ์กลับอ้ำอึ้ง สื่อเสนอหลักฐานแต่ละฉบับก็ลุกลามไปไกลจนถึงขั้นสำนักงานผู้ตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจพบการใช้งบประมาณของรัฐ และพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ยังยอมรับอย่างลูกผู้ชายว่า รัฐให้งบประมาณไปส่วนหนึ่งในการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ แล้วต่อมาจึงเป็นงบประมาณจากการบริจาค การขอสนับสนุนเงินบริจาคนั้น พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ในสมัยเป็น ผบ.ทบ. ยังทำหนังสือไปทุกหน่วยงาน ทุกรัฐวิสาหกิจ กระทรวง ทบวง กรม และเอกชน เช่น ทำหนังสือถึงองค์การส่วนยาง เพื่อขอการสนับสนุน แล้วคิดว่า องค์กรนี้มีศักยภาพหรือ นอกจากนี้ในเว็บไซต์ของเอกชนใหญ่ๆ ต่างโชว์รูปการบริจาคทั้งนั้น มูลนิธิศิริวัฒนาบริจาค 86 ล้านบาท กลุ่มเบียร์สิงห์บริจาค 30 ล้านบาท กลุ่ม ช.การช่างบริจาค 100 ล้านบาท เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี