‘ปู’ส่ออดลงสส.
ถูกถอดถอนหมดสิทธิ์
กรธ.นัดถกแจงปมร้อน
ปลดล็อกกลุ่ม‘111-109’
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายอภิชาต สุขัคคานนท์ รองประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงแนวคิดของกรธ. ที่จะมีการเพิ่มจำนวนคณะกรรมการเลือกตั้ง จาก 5 คน เป็น 9คน ว่า แนวคิดดังกล่าว เพื่อเปลี่ยนวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพและครอบคลุมการทำงานมากขึ้นลักษณะคล้ายบอร์ดบริหารที่จะช่วยกันทำงาน ขณะที่คุณสมบัติคงเป็นไปตามเดิม โดยคณะกรรมการสรรหาคัดเลือก ซึ่งมีสัดส่วนจากผู้พิพากษาที่จะเป็นตัวหลักด้วย
ยันไม่กดดันข้อเสนอของคสช.
นายอภิชาติ กล่าวว่า ตนไม่รู้สึกกดดันถึงข้อเสนอแก้ปัญหาทุจริตการเลือกตั้ง ที่ประชาชนให้ความสำคัญและมีอยู่ในข้อเสนอของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะเป็นปัญหาที่ทาง กรธ. จะต้องแก้ไขอยู่แล้ว ซึ่ง กกต. ชุดปัจจุบันก็พยายามดำเนินการอยู่ แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนด้วย แม้จะมีกฎหมายการเลือกตั้งบังคับไว้อยู่แล้ว ซึ่งการร่างรัฐธรรมนูญยังไม่ลงรายละเอียดเรื่องนี้จะเน้นหนักการวางหลักการและโครงสร้างส่วนรายละเอียดจะบัญญัติไว้ในกฎหมายลูก
รมต.ไม่ต้องลาออกจากสส.
นอกจากนี้นายอภิชาต ในฐานะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายบริหาร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานที่พิจารณาไปถึงส่วนท้องถิ่นแล้ว แต่ยังไม่ลงรายละเอียด ขณะที่คุณสมบัติของรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากการเป็นส.ส. เพื่อแยกอำนาจฝ่ายบริหารกับนิติบัญญัติหรือไม่นั้น ทางกรธ.ยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เบื้องต้นมองว่าหากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ไม่จำเป็นต้องลาออกจากการเป็น ส.ส.
กรธ.เคาะคุณสมบัติสส.แล้ว
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ที่ประชุมกรธ.ได้พิจารณาบทบัญญัติของร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.เสร็จสิ้นตั้งแต่ช่วงค่ำของวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ หลักการสำคัญส่วนใหญ่ยังคงไว้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 เช่น ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคการเมือง และ ต้องไม่เคยพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก ยกเว้นกรณีความผิดในคดีลหุโทษ เป็นต้น
คดีโกงเลือกตั้งหมดสิทธิลงสส.
อย่างไรก็ตามคณะกรธ.ได้เพิ่มเติมลักษณะต้องห้ามแบบใหม่บางประการเข้าไป เพื่อให้สอดคล้องกับกรอบการร่างรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 มาตรา 35 กำหนด เช่น การไม่ให้ผู้เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ มีสิทธิสมัครสส. แม้ว่าจะได้รับการล้างมลทินตามพ.ร.บ.ล้างมลทินก็ตามเพราะ กรธ. เห็นว่าคุณสมบัติของนักการเมืองระดับชาติควรต้องถูกยกระดับมากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งประเภทอื่น
นอกจากนี้ ยังกำหนดอีกว่า ผู้ที่เคยต้องคําพิพากษาหรือคําสั่ง ที่ชอบด้วยกฎหมายว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือเคยกระทําการอันทําให้การเลือกตั้ง ไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม จะไม่มีสิทธิสมัคร ส.ส.เช่นกัน
ปลดล็อคบ้านเลขที่”111-109”
แหล่งข่าวจาก กรธ. ระบุว่า มี กรธ. หลายคนได้สอบถามในที่ประชุมว่าหากกำหนดลักษณะต้องห้ามในลักษณะดังกล่าว จะทำให้อดีตกรรมการบริหารพรรคการเมืองอย่างนักการเมืองกลุ่มสมาชิกบ้านเลขที่ 111 และ 109 ที่เคยถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งและได้รับโทษจนครบตามที่กฎหมายกำหนดแล้วจะสามารถลงสมัครสส.ได้หรือไม่ ซึ่งฝ่ายเลขานุการชี้แจงว่ามีสิทธิสมัครได้เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นตัวการในการกระทำผิดทุจริตเลือกตั้งหรือได้ใบแดง แต่ถ้าเป็นผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้มีความผิดฐานทุจริตจะไม่มีสิทธิลงสมัคร ส.ส. อย่างเด็ดขาด
“ปู”ลุ้นหมดสิทธิเคยถูกถอดถอน
แหล่งข่าวจาก กรธ. กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการไม่ให้ผู้ที่เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมืองได้รับสิทธิสมัคร ส.ส. นั้นทาง กรธ. ยังคงหลักการในเรื่องดังกล่าวเอาไว้ แต่ที่ประชุม กรธ. ไม่ได้มีการอภิปรายหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมว่ากรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนนั้นจะสามารถลงสมัคร ส.ส. ได้หรือไม่แต่อย่างใด เนื่องจากเคยมีข้อถกเถียงว่ากรณีการถูกถอดถอน โดยสนช. จะถือว่าเป็นหลักการเดียวกันกับการถูกถอดถอนโดยวุฒิสภาหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การประชุม กรธ. ในวันที่ 30 พ.ย. จะดำเนินการดูถ้อยคำทั้งหมดอีกครั้งและอาจเตรียมแถลงต่อสื่อมวลชนในประเด็นดังกล่าวต่อไป
เคยเป็นปมร้อนในกมธ.มาก่อน
ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายให้ความเห็นว่า ในประเด็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์หากตีความตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวถือว่า มติถอดถอนของสนช.นั้นเป็นการทำหน้าที่แทนวุฒิสภาอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องหลักการ แต่ประเด็นดังกล่าวเคยมีการถกเถียงกันในคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กมธ.) ชุดที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานในภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและสถาบันการเมือง
โดยในครั้งนั้นที่ประชุมได้พูดคุยภาพรวมเรื่องเจตนารมณ์ มาตรา 111 กรณีบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีการระบุใน (15) ว่า เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง หรือถูกตัดสิทธิในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือการดำรงตำแหน่งอื่น โดยมีการหยิบยกตัวอย่างกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ถูกสนช.ถอดถอนในฐานความผิดว่ามีพฤติการณ์ส่อจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญปี 2550 ตามมาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ตามมาตรา 11 (1) กรณีไม่ยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล จะเข้าข่ายถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีพหรือไม่
หวั่นถูกครหาสกัดกั้นทางการเมือง
ในการหารือ กมธ.ยกร่างฯ บางส่วนเห็นว่าความผิดที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูก สนช.ถอดถอนนั้น ไม่ใช่กรณีการทุจริต จึงไม่สามารถตัดสิทธิการลงสมัคร ส.ส.ตลอดชีวิตได้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกตัดสิทธิการเมืองครบ 5 ปีแล้ว ก็กลับมาลงสมัคร ส.ส.ใหม่ได้ ขณะที่ กมธ.ยกร่างฯบางส่วนเห็นว่าความผิดของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในโครงการรับจำนำข้าวที่ถูก สนช.ถอดถอน เข้าข่ายการทุจริตชัดเจน ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่สามารถลงเล่นการเมืองได้ตลอดชีวิตตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งยังเป็นประเด็นที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเพราะหากมีการนำมาถกอย่างจริงจังก็จะอาจจะถูกมองว่าร่างบทบัญญัติเพื่อปิดกั้นเส้นทางการเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์
เวทีใต้หนุนเลือกนายกฯโดยตรง
ขณะเดียวกันที่โรงแรมลีการ์เดนส์ พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คณะอนุกรรมการรับฟังและสรุปความคิดเห็นที่มีผู้เสนอแนะและสถาบันพระปกเกล้า จัดเวทีสัมมนาเรื่อง ‘การรับฟังความเห็นของประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ’ โดยมีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมการสัมมนาจำนวน 177 คน มีการเสนอประเด็นที่น่าสนใจ อาทิ ให้ตัดสิทธิทางการเมืองของผู้ซื้อเสียงตลอดชีวิต ลงโทษคนขายเสียงด้วย เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ให้แต่ละพรรคการเมืองนอกจากเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้วต้องเสนอชื่อบุคคลที่จะมาเป็นคณะรัฐมนตรีให้ประชาชนทราบด้วย
ให้มีผู้สมัครอิสระ-เลือกตั้งผู้ว่าฯ
ในส่วนของการเลือกตั้งนั้น มีการเสนอให้ผู้สมัครมีการยื่นบัญชีทรัพย์สินย้อนหลัง 5ปีและเสนอให้มีการขึ้นบัญชีหัวคะแนนหรือผู้ช่วย สส.เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบด้วย เปิดโอกาสให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง การกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดการตนเอง โดยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนการปฏิรูปก่อนจัดการเลือกตั้ง
สนช.เล็งลงใต้รับฟังความเห็น
นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 เผยว่า ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ตนและนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช.คนที่ 1 ฐานะประธานคณะกรรมาธิการสามัญพิจารณาศึกษาเสนอแนะและรวบรวมความเห็นเพื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ สนช. พร้อมคณะสนช.และตัวแทนกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) จะลงพื้นทื่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ในการร่างรัฐธรรมนูญ ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งภาคใต้จะเป็นภาคแรกในจำนวน 4 ภูมิภาคที่สนช.จะลงพื้นที่เพื่อรับฟังความเห็นร่างรัฐธรรมนูญ
เน้นปมที่มาสส.-สว.-นายกฯ
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การรับฟังครั้งนี้จะมีผู้เช้าร่วมแสดงความคิดเห็นประมาณ 2,000 คน มาจากประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งประเด็นหลักที่จะเน้นคงเป็นประเด็นที่เป็นปมปัญหา เช่น ที่มา ส.ส. และส.ว. ที่มานายกรัฐมนตรี เป็นต้น โดยครั้งนี้จะเน้นให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ โดยสนช.จะนำข้อมูลหมดมารวบรวมเสนอแนะ เพราะความเห็นของประชาชนนั้นเป็นส่วนหนึ่งนำเป็นข้อเสนอแนะต่อการร่างรัฐธรรมนูญ
ติงข้อเสนอที่มาสว.ทางอ้อม
เมื่อถามอีกว่า กรธ.ได้สรุปให้ที่มาส.ว.มาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากกลุ่มสังคม ซึ่งหลายฝ่ายไม่เห็นด้วย นายพีรศักดิ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า ตนเคยแสดงความเห็นไปแล้วว่า ที่มาส.ว.น่าจะมา 2 ทาง เพราะส.ว.จะต้องมีการยึดโยงกับชาวบ้านและประชาชน แต่การเลือกตั้งส.ว.ทางอ้อมนี้กลุ่มวิชาชีพคืออะไร ถามว่า ปราชญ์ชาวบ้านเป็นกลุ่มวิชาชีพหรือไม่จะสามารถลงสมัครส.ว.ได้หรือไม่ หรือแม้แต่ตนที่มีอาชีพอิสระจะจัดอยู่ในกลุ่มวิชาชีพใดหากต้องการจะลงสมัครส.ว.
“สมบัติ”ชี้สว.ทางอ้อมซับซ้อน
นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงข้อเสนอของ
กรธ.ที่ระบุให้ ส.ว มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม ว่า แม้ขณะนี้กรธ.ยังไม่ได้ข้อสรุปในประเด็นนี้อย่างแน่ชัด แต่ถ้ากล่าวถึงวิธีการเลือกตั้งทางอ้อมนั้น ประเทศฝรั่งเศสใช้วิธีนี้ โดยให้สภาท้องถิ่นเป็นผู้เลือก ส.ว. ซึ่งไม่ได้มีความซับซ้อน เพราะมีความชัดเจนอยู่แล้วว่ามีใครบ้างเป็นสมาชิกในสภาฯตามที่กฎหมายกำหนด แต่การที่ กรธ.ระบุว่าจะให้เลือกตั้งทางอ้อมตามกลุ่มวิชาชีพนั้น ตนยังไม่เคยเห็นว่ามีประเทศไหนใช้วิธีนี้
กรธ.คิดไม่สุด-ทำการบ้านน้อย
นายสมบัติ กล่าวว่า อีกทั้งหากระบุว่าเป็นการเลือกจากกลุ่มวิชาชีพจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายระบุ ก็จะกลายเป็นจุดอ่อนคือไม่ครอบคลุมทุกวิชาชีพ แต่คงจะต้องรอดูต่อไปว่ากรธ.จะเขียนมาตรการอย่างไรให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวิชาชีพ และถ้ากรธ.ไม่สามารถวางมาตรการให้ครอบคลุมทุกกลุ่มวิชาชีพ ก็อาจเกิดข้อร้องเรียนตามมา
“โดยรวมแล้ว การเลือกตั้งแบบนี้มีกระบวนการที่ซับซ้อนและอาจใช้เงินทุนมาก เพื่อให้ได้สภาที่มีอำนาจอันน้อยนิด ก็จะทำให้เกิดคำถามขึ้นอีกว่าการทำเช่นนี้จะคุ้มค่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะผลที่ออกมาจะดีตามที่คาดหมายหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ และที่ผ่านมา พฤติกรรมของกรธ.มีลักษณะคิดไม่สุด กล่าวคือไม่คิดให้เสร็จเรียบร้อยก่อนนำมาเสนอต่อประชาชน อย่างเรื่องที่มา ส.ว. ที่ระบุว่าใช้วิธีเลือกตั้งทางอ้อม เหมือนทำการบ้านน้อยไป นำมาซึ่งการสร้างปัญหาต่อมา จึงควรคิดให้สุดก่อนที่จะนำมาแถลง เพื่อป้องกันไม่ให้สังคมเกิดความสับสนวุ่นวาย”นายสมบัติ กล่าว
แนะเลือกตรง-คุมเข้มสเปก
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า ตนขอเสนอว่าให้มีการเลือกตั้งโดยตรง แต่เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องเครือญาติที่มีฐานเสียงเดียวกันกับส.ส. จึงต้องกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครให้มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เช่น กำหนดให้ผู้สมัครมีอายุ 45 ปีขึ้นไป หรือกำหนดให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหนึ่งด้านใดติดต่อกันไม่น้อยกว่า 15 ปี หรือถ้าอยากให้เข้มมากกว่านี้ ก็กำหนดว่าไม่ต่ำกว่า 20 ปี เป็นโดยการกำหนดเช่นนี้ จะช่วยลดปัญหาเรื่องของเครือญาติในสภาได้ และจะทำให้เราได้ ส.ว ที่มีความสามารถจริงๆ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยากซับซ้อน อีกทั้งยังใช้งบประมาณไม่มาก และที่ดีที่สุดคือการให้ประชาชนมีส่วนร่วมผ่านการเลือก ซึ่งสามารถพูดอย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่าคนเหล่านี้เป็นตัวแทนของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี