เตือนหลายรอบไม่ยอมเข็ด
จับ‘ต่-เต้น’
ปูด‘ราชภักดิ์’ป่วนการเมือง
ส่งทีมบุกอุ้มเข้าค่ายพล.ร.9
สั่งทำข้อตกลงก่อนปล่อย
จักรทิพย์แจงสั่งเด้งผบก.ป.
ปล่อยลูกน้องอ้าง‘สถาบัน’
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ถูกทหารบุกควบคุมตัวกลางทางระหว่างพยายามนำมวลชนไปเยี่ยมชมอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ท่ามกลางข้อสงสัยถึงการเคลื่อนไหวของ 2 แกนนำเสื้อแดงครั้งนี้มีนัยยะแอบแผงเพื่อหวังผลทางการเมืองหรือไม่
โดยบรรยากาศก่อนการถูกจับกุมเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พร้อมด้วย นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” และพวก 6 คน ได้พากันเดินทางมาที่จุดนัดพบตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อนำมวลชนเดินทางต่อไปยังอุทยานราชภักดิ์
“ตุ๊ดตู่”โวอย่าขวางตรวจสอบ
ก่อนหน้าที่จะถูกรวบตัว นายจตุพร ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ในฐานะประชาชนคนไทย สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น ข่าวเรื่องอุทยานราชภักดิ์ พวกเราไม่เคยเห็นสถานที่จริง จึงเตรียมเครื่องบูชาไปสักการะ เรื่องราวทุกคนทราบดีอยู่แล้ว ทราบว่าจะมีด่านเป็นระยะๆ อยากบอกผู้มีอำนาจว่า ควรร่วมมือกับประชาชนทำเรื่องทุจริตอุทยานราชภักดิ์ให้เป็นที่สบายใจของประชาชน ยิ่งขัดขวาง ยิ่งทำให้คลางแคลงใจ และไม่เป็นผลดี
“เต้น”อ้างอยากไปดูต้นปาล์ม
ขณะที่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อยากไปกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามทั้ง 7 พระองค์ และชมความงามของต้นปาล์ม ตลอดจนสิ่งก่อสร้างภายในอุทยานเท่านั้น ไม่ได้มีการรวมตัวเพื่อกิจกรรมทางการเมืองแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าต้องการไปสำรวจอะไรหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การไปตรวจสอบรายละเอียดของการก่อสร้างนั้น คงไม่มีความสามารถเพียงพอ เพราะไม่รู้เรื่องของวิธีการสร้างรูปหล่อ แต่ก็อยากจะไปดูเพื่อเป็นข้อมูล รวมถึงต้นปาล์มที่นำมาปลูกด้วย เพราะเท่าที่ทราบมาเป็นต้นปาล์มที่มีภาคเอกชนให้การสนับสนุน แต่กลับมีการตั้งงบประมาณเบิกจ่าย ซึ่งตรงจุดนี้ก็เป็นเพียงเพื่อกระตุ้นให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส และคลี่คลายความเคลือบแคลงให้ได้โดยเร็วที่สุด
ทหารบุกล็อกตัวสายฟ้าแลบ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก นายณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเสร็จ ปราฏกว่ามีเจ้าหน้าที่สารวัตรทหาร (สห.) จากมณฑลทหารบกที่ 16 จ.ราชบุรี ได้นำกำลังบุกเข้ามานำตัว นายณัฐวุฒิ ไปขึ้นรถตู้ ขณะที่ นายจตุพร ซึ่งยืนอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ก็ถูกควบคุมตัวแล้วแยกนำตัวขึ้นรถกระบะติดแครี่บอย โดยรถทั้ง 2 คัน มีทหารนั่งควบคุมไปด้วยเต็มคันรถ ก่อนจะมุ่งหน้าออกจากตลาดมหาชัยเมืองใหม่ไปโดยไม่ทราบเป็นที่แน่ชัดว่าเอาตัวไปที่ใด ส่วนแกนนำที่เหลืออีก 4 คน ได้ขึ้นรถขับตามไปอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามสำหรับบรรยากาศที่บริเวณตลาดมหาชัยเมืองใหม่ตั้งแต่เช้า ก็มีกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร มาเฝ้าสถานการณ์กว่า 50 นาย ขณะที่ทหารมาตรึงกำลังประมาณ 40 นาย แต่ไร้วี่แววมวลชนที่จะร่วมเดินทางไปกับ 2 แกนนำนปช.ผู้นี้
มึน!ไม่รู้ว่าทหารพาไปไหน
นายสุพจน์ (ขอสงวนนามสกุล) และอ้างตัวเป็นเลขานุการส่วนตัวของ นายณัฐวุฒิ ได้เล่าถึงเหตุการณ์ทหารควบคุมตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ว่า เมื่อมาถึงที่ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ ผู้สื่อข่าวรุมล้อมขอสัมภาษณ์ ทหารก็มาพาตัวทั้งคู่ขึ้นรถตู้ไป โดยระหว่างการถูกคุมตัว ทั้ง 2 คนพยายามชี้แจง แต่ทหารไม่ฟัง นำตัวไปเลย โดยตนได้ขับรถตามไปยังเส้นทางที่ถูกควบคุมตัวไป ซึ่งไม่ได้ถูกนำตัวไป กทม. เพราะเป็นเส้นทางไปยังภาคใต้มากกว่า
“รถที่คุมไปมีรถทหาร ตามประกบด้วย เป็นรถส่วนบุคคล มีทหารนั่งข้างใน โดยรถตู้ควบคุมนายจตุพรและนายณัฐวุฒิไป ทั้งนี้ผมพยายามชี้แจงกับทหาร จะขอติดตามนายณัฐวุฒิไป แต่ทหารไม่ยินยอม ตอนนี้แกนนำนปช.ขอไปตั้งหลัก ว่าจะทำอย่างไรต่อไป” นายสุพจน์ ระบุ
นักข่าวเฝ้าหน้ามทบ.16ราชบุรี
เวลา 11.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่หน้ากองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 16 (มทบ.16) จ.ราชบุรี ช่วงสายนี้มีการตรวจเข้มการเข้าออกอย่างละเอียด นอกจากนี้ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งให้ตั้งขบวนแถวทหาร คล้ายเหมือยให้รอรับขบวนบุคคลสำคัญที่จะเข้ามายังพื้นที่ภายใน ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลจึงทราบว่า จะมีขบวนรถนายทหารนำตัว นายณัฐวุฒิ และ นายจตุพร มาคุมตัวไว้ ขณะที่ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารว่ามีการแบ่งขบวนรถยนต์ออกเป็น 2 เส้นทาง ขบวนแรกใช้รถโฟกล์สีดำป้ายแดง ขบวนที่ 2 ใช้รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์สีดำ โดยมีรถทหารอยู่ประจำทั้ง 2 ขบวน
ล็อกส่งเข้าค่ายพล.ร.9กาญจนบุรี
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณเวลา 12.00 น. มีขบวนรถทหาร รถตู้ รถฟอร์จูนเนอร์รวม 4 คัน เปิดไฟขอทางด้านหน้าวิ่งตรงมาเตรียมจะเข้าประตูทางเข้า มทบ. 16 แต่ขบวนทั้งหมดกลับเปลี่ยนแผน วิ่งเลยผ่านประตูไป โดยไม่ยอมเข้ามาภายใน มทบ.16 ซึ่งจากรายงานเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้นำตัวบุคคลทั้ง 2 ไปควบคุมไว้ที่ กองพลทหารราบที่ 9 (พล.ร.9) จ.กาญจนบุรี แทน
“ธิดา”อ้าง“ตู่-เต้น”พลเมืองดี
บ่ายวันเดียวกันเพจเฟซบุ๊คของ นางธิดา ถาวรเศรษฐ อดีตประธาน นปช. โพสต์ข้อความระบุ ยังไม่ทราบว่า “คุณจตุพรและคุณณัฐวุฒิ” ถูกควบคุมตัวไปที่ไหน? และชะตากรรมจะเป็นอย่างไร? ดิฉันขอให้ทางรัฐบาลและคสช.ตระหนักในปัญหาที่จะตามมา จะมีความผิดในสายตาชาวโลกและคนไทยได้อย่างไร?
พวกเขาไม่ได้นัดหมายขับเคลื่อนทางการเมืองในการต่อต้านคสช. พวกเขาทำหน้าที่พลเมืองดีด้วยซ้ำ เพื่อช่วยตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลนี้
ขณะที่ นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ทหารจับกุมนายณัฐวุฒิและนายจตุพร ถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาล มีแต่จะสร้างผลเสียโดยเฉพาะทางด้านการเมืองอย่างใหญ่หลวง เท่ากับรัฐบาลต้องการปิดกั้นไม่ให้ตรวจสอบพวกเดียวกันเอง สวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลทหารประกาศมาโดยตลอดว่า ต้องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
นายวรชัย กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลปล่อยตัวนายจตุพรและนายณัฐวุฒิโดยเร็วที่สุด และอย่าใช้อำนาจตามมาตรา 44 เพื่อปกปิดความผิดของตัวเอง
ก่อแก้ววอนทหารปล่อยตัว
ด้าน นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการใช้อำนาจเผด็จการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชนอย่างชัดเจนโดยไม่สนใจสายตาและความรู้สึกของคนไทยและนานาชาติ ในฐานะที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของนายจตุพรและนายณัฐวุฒิ ขอเรียกร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. ให้สั่งเจ้าหน้าที่ทหารปล่อยตัวทั้ง 2 คนในทันที โดยไม่มีเงื่อนไข และขอให้คสช.และรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลของการดำเนินโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์นี้ในทุกประเด็น รวมทั้งแต่งตั้งบุคคลภายนอกเข้าร่วมเป็นกรรมการตรวจสอบโครงการนี้ มิใช่จำกัดวงเฉพาะผู้ตรวจสอบจากกระทรวงกลาโหม และเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถร่วมตรวจสอบด้วย
กองทัพชี้จ้องป่วนการเมือง
เย็นวันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. ชี้แจงกรณี เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร ว่า เนื่องจากเจ้าหน้าที่มองเป็นการพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างชัดเจน พฤติกรรมเริ่มจากการป่าวประกาศ เชิงชี้นำ ในทำนองปลุกปั่นให้เกิดความไม่เรียบร้อยได้ เจ้าหน้าที่คงใช้ดุลพินิจจากพฤติกรรมจากหลายวาระ รวมทั้งการกล่าวต่อสาธารณะ โดยใช้ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนมาตลอด โดยเฉพาะการอ้างใช้คำว่า “ทุจริต”ซึ่งหน่วยงานหรือผู้มีหน้าที่โดยตรงยังไม่มีใครกล่าวถึง เป็นการใช้เพียงความรู้สึกทั้งสิ้น
ปัจจุบันจะเห็นว่าภาครัฐไม่นิ่งนอนใจเมื่อสังคมต้องการทราบ หลายๆหน่วยงานก็กำลังร่วมกันดำเนินการภายใต้ขอบเขตความรับผิดชอบเพื่อคลี่คลายไขความกระจ่างให้ ซึ่งหลังจากนี้จะอาจจะมีการตั้งข้อสังเกตดูในเรื่องการให้ข้อมูลใดๆไปกับสังคมถ้ายังไม่มีข้อพิสูจน์ใดๆ ที่สมบูรณ์ชัดเจน แล้วมีบุคคลใดนำมาใช้กล่าวอ้างจนส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงองค์กร จะมีการใช้มุมทางกฎหมายเข้ามาพิจารณาดำเนินการอย่างจริงจัง การเคลื่อนไหวในลักษณะเช่นนี้ ไม่เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการไขความกระจ่างเพราะไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ ทำให้หลายฝ่ายเคลือบแคลงในท่าทีที่อาจดูไม่ต่างจากรูปแบบเดิมๆ ซึ่งมิได้เกิดประโยชน์ใดๆต่อสังคม และในความเป็นจริงทุกคนที่สนใจในเรื่องนี้ สามารถติดตามได้ตลอดจากช่องทางที่เหมาะสมต่างๆ
ปูดถูกจับทำข้อตกลงเพิ่ม
มีรายงานข่าวจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.)กองบัญชาการกองทัพบก หลังทหารควบคุมตัวนายณัฐวุฒิ และนายจตุพร และได้นำตัวไปที่ กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี เพื่อไปทำข้อตกลงและหารือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารได้แจงถึงข้อตกลงตามคำสั่งคสช.ที่เคยทำข้อตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะการห้ามเคลื่อนไหวใดๆที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะจะมีความผิดตามมาตรา 44 ดังนั้นจึงต้องทำข้อตกลงเพิ่มเติมและให้บันทึกทำความเข้าใจด้วยเพื่อเตือนความจำ
ฉะเตือนหลายรอบไม่ยอมฟัง
“เรื่องนี้พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะผบ.กกล.รส.มีความเห็นว่าจะต้องทำบันทึกความเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาอาจจะไม่มีการทำบันทึกเอาไว้ แค่เรียกมาปรับทัศคติหลายครั้งแล้วก็ปล่อยตัวกลับไป หลังจากรับปากว่าจะไม่เคลื่อนไหวอีก แต่ครั้งนี้ต้องทำบันทึกเพื่อจะได้เป็นการเตือนสติ ไม่ให้สร้างความวุ่นวายหรือเคลื่อนไหวใดๆ อีกรวมถึงให้ตรวจสุขภาพ ทั้งสองคนก่อนจะปล่อยตัวในค่ำวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ไม่เช่นนั้นเดี๋ยวจะไปอ้างว่าถูกทหารทำร้ายร่างกาย ดังนั้นจึงต้องทำให้รอบคอบป้องกีนการฟ้องร้อง”แหล่งข่าวจาก กกล.รส.ระบุ
บิ๊กป้อมชี้“อุดมเดช”คิดเองได้
ก่อนหน้านี้พล.อ.ประวัตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ในเวลาไล่เลี่ยกับนายที่จตุพร และนายณัฐวุฒิ ถูกจับกุม โดยส่งสัญญาณไปยังทั้ง2คนว่าไม่ควรจะไปเยือนอุทยานราชภักดิ์ เพราะจะกลายเป็นประเด็นทางการเมืองขอให้คิดให้รอบคอบ
ส่วนกระแสกดดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ลาออกนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าตนคิดว่าเขาก็ต้องคิดเอง ส่วนลาออกแล้วจะมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไร ที่ผ่านมาตนก็ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.อุดมเดช ในเรื่องดังกล่าว เพราะคุยเรื่องงานกันมากกว่า และยืนยันว่าเรื่องอุทยานราชภักดิ์ไม่ใช่จุดอ่อนของรัฐบาล เพราะเรามีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรืองทุจริตแล้ว
รมว.ยุติธรรมให้รอผลสอบสวน
วันเดียวกัน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรมตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงข้อเรียกร้องให้ ต่อข้อถามว่าพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ลาออกจากรมช.กลาโหม เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าตนตอบแทนไม่ได้
“แต่ถ้าตอบด้วยเหตุของกฎหมายและเหตุของเหตุการณ์ วันนี้ต้องบอกว่า เรากำลังดำเนินการสอบสวนอยู่ และยังไม่มีข้อยุติ แล้วจะให้พล.อ.อุดมเดช ลาออกด้วยเหตุผลใด”รมว.ยุติธรรมระบุ ทั้งยังอธิบายเพิ่มเติมว่า จะเทียบเคียงเรื่องนี้กับกรณีคสช.มีคำสั่งใช้มาตรา44 เพื่อดำเนินการกับข้าราชการพัวพันทุจริตนั้น ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้ตรวจสอบแล้วชี้ว่ามีมูลของการกระทำความผิดและมีหลักฐานเพียงพอและตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ถึงได้มีการประกาศรายชื่อข้าราชการพัวพันทุจริตออกมาแล้วถึงได้สั่งพักงานข้าราชการดังกล่าว เพื่อจะได้ตรวจสอบขยายผลเพิ่มเติมต่อไป แต่กรณีตรวจสอบกรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์ เบื้องต้นศอตช.ยังตรวจสอบไม่แล้วเสร็จ ถ้าจะให้พล.อ.อุดมเดช ลาออกเพื่อให้การตรวจสอบมีความโปร่งใสและลดกระแส เหมือนกับกรณีใช้มาตรา44กับข้าราชการทุจริตนั้นมันคงไม่ใช่ เพราะมันยังไม่มีผลสรุป”พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
จักรทิพย์แจงเด้งผบก.ป.
อีกประเด็นหนึ่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีคำสั่งโยกย้ายให้พล.ต.ต.อัครเดช พิมลศรี ผู้บังคับการตำรวจปราบปราม(ผบก.ป.) ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ว่า สาเหตุการย้ายนั้น มาจากการไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ปล่อยให้มีการไปแอบอ้าง ส่วนที่ถามว่ามีส่วนไปเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกรณีการกระทำความผิดทางคดีด้วยหรือไม่นั้น คงจะต้องเรียกเข้ามาคุยเหมือนกัน
ต่อข้อซักถามที่ว่า พบข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับ พ.ต.ต.ปรากรม วารุณประภา หรือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ (หมอหยอง) ผู้ต้องหากระทำผิดข้อหา112 หรือไม่นั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ขอบอกว่า ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่เป็นไปตามระเบียบแบบแผน ปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปแอบอ้างก็เท่านั้น ขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้กระทำผิดเพิ่มเติม รวมถึงอดีตพล.ต.ต.ที่ตกเป็นข่าวด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี