1 ธ.ค.58 ที่กระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเรียก นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เข้าพบเกี่ยวกับการตรวจสอบทุจริตก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยระบุว่ากรณีที่มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร รมว.กลาโหม ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเป็นการยุติปัญหากระแสพบทุจริตก่อสร้างอุทยานฯ ว่า ผู้สื่อข่าวก็รู้ว่าตนตอบไม่ได้ แต่มีคนจะตอบเรื่องนี้ได้ คือ นายกรัฐมนตรี และตัว พล.อ.อุดมเดช เอง และวานนี้ (30 พ.ย.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของท่านเอง ก็ได้ตอบไปแล้วว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ พล.อ.อุดมเดช
"ผมเข้าใจและได้รับข้อมูลข่าวสารเหมือนที่พวกเราเข้าใจ แต่ท่านกำลังจะถามผมเหมือนต้องการให้ผมเป็นคนเคาะระฆังให้มันเกิดปัญหาว่าได้ ไม่ได้ ซึ่งมันไม่ใช่ ผมก็เข้าใจ รมว.กลาโหม แต่ผมก็พูดในหลักการว่า นายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา นายกฯ เป็นคนเสนอรายชื่อ กับตัวบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ แค่นั้นเอง พูดอะไรมากไม่ได้ เป็นดุลพินิจแค่นั้นเอง แต่หน้าที่ผมก็ยืนยันตามที่พูดเมื่อ 3 วัน ที่แล้วว่า ไม่มีข้อละเว้นใดทั้งสิ้น เพราะยิ่งไม่ทำอะไรอะไรประเด็นจะยิ่งไปกันใหญ่ ขนาดนี้ความรู้สึกชาวบ้านยังว่าทำงานช้าเลย" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
ต่อข้อถามว่า มีข้อกังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลเสียหายไปด้วยหรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า มีผลอยู่แล้ว คนที่เสพข่าวคือประชาชน แต่ว่าสิ่งที่แกนนำ นปช.ทำ หรือพูดออกไปต้องใช้ดุลพินิจ ว่าสิ่งที่ท่านทำหรือพูดออกไปมันเกิดผลดีผลเสียอะไรกับบ้านเมือง การเอากลุ่มหรือทัศนคติของกลุ่มมากเกินไป เป็นสิ่งไม่ควรที่ระดับผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองควรจะทำ ดังนั้น เมื่อผมดูแลการแก้ปัญหาทุจริต ขอเรียกร้องท่านให้ยื่นหลักฐานให้ผมหน่อยได้มั้ย ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครยื่นหลักฐาน เป็นแต่เพียงอาศัยคำพูดของผู้ที่เกี่ยวข้องมากล่าว จากนั้นก็เป็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์มาผสม แล้วบอกว่าเป็นสิ่งที่มีจริยธรรม ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ตนได้บอกเลขาธิการ ปปท.ซึ่งทำหน้าที่เลขา ศอตช.ว่า ให้ติดตามรายงานว่าการตรวจสอบทุจริตอุทยานราชภักดิ์ติดขัดปัญหาอะไร ซึ่งตนได้บอกไปว่าหากมีอะไรที่ไม่เรียบร้อยและต้องการให้สนับสนุนก็บอกมา ต่อข้อถามว่า เลขา ศอตช.ได้ส่งหนังสือถามข้อมูลเกี่ยวกับการก่อสร้างอุทยานฯ ไปยังกองทัพบกแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ป.ป.ท.ซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่อยู่ในคณะทำงาน ศอตช.ทราบว่าส่งหนังสือไปแล้ว แต่หน่วยงานอื่น สตง.และ ป.ป.ช.นั้น ตนไม่ได้กำกับดูแล จึงไม่ทราบ
"วันนี้เลขาธิการ ปปท.ยังไม่ได้รายงานว่าได้รับหนังสือตอบกลับมา แต่คิดว่าเป็นไปตามระยะเวลาที่ ปปท.คอยได้ เหมือนหน่วยงานอื่นที่ ปปท.ถามไป คือ ประมาณ 1 - 2 อาทิตย์ ซึ่งก็น่าจะต้องตอบในระยะเวลาใกล้เคียงกัน และผมก็บอกไปว่าให้เทียบเคียงการตรวจสอบในลักษณะเดียวกันเหมือนกับหน่วยงานอื่น ไม่มีข้อแตกต่างกัน จึงจะตอบสังคมได้ ยืนยันว่าผมทำตามหน้าที่ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีปัญหา แต่นั่นหมายความว่าหลักฐานมาแค่ไหน ผมบอกแล้วว่าเป็นเรื่องของงบประมาณส่วนหนึ่ง เงินบริจาคส่วนหนึ่ง แล้วใครทำให้เกิดเรื่องส่วนหนึ่ง ซึ่งสื่อรู้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ ซึ่งถามว่าใครที่ได้ประโยชน์ในการหักหัวคิว" พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าสิ่งที่เราเร่งรัดไปเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมด้วย ซึ่งตนพูดเรื่องนี้ประจำ แต่ขณะเดียวกันตนได้กำชับหน่วยปฏิบัติก็ได้พูดเน้นย้ำไปว่าอะไรที่เร่งได้ก็ต้องเร่งรัด เพราะตนเข้าใจว่าเป็นประเด็นที่เราและประชาชนต่างต้องการให้เรื่องนี้จบ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี