21 ธ.ค. 58 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการร่างรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. ว่า จะมาจากการเลือกตั้งทางอ้อมจากภาคส่วนต่างๆ ของสังคม 20 ภาคส่วนจากหลายด้านเช่น เกษตรกรรม แรงงาน ซึ่งจะครอบคลุมทุกภาคส่วน และให้เป็นการเลือกตั้งกันเองในกลุ่มหรือการเลือกตั้งไขว้ เลือกระดับอำเภอ จังหวัด มาส่วนกลาง เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณา
“กำลังคิดว่าหาทางทำอย่างไรไม่ให้มีการฮั้วกันหรือล็อคสเป็ค ซึ่งการเลือกไขว้ไม่ได้หมายถึงจับคู่กัน แต่ให้อีก 19 กลุ่มเลือกสลับกัน เชื่อว่าฮั้วลำบากเพราะแต่ละคนไม่ได้เลือกได้ทั้งหมด กลไกที่จะดำเนินการจะไม่ให้มีการฮั้วกันเกิดขึ้น แต่เรื่องเลือกไขว้กันคือให้เจ้าตัวอยู่เฉยๆ อีก 19 กลุ่มเลือก พร้อมยืนยันมีแนวคิดป้องกันไม่ให้มีการล็อคตัวกัน ซึ่งคนที่จะรับเลือกเข้ามาต้องเป็นคนที่ได้รับการยอมรับ” นายมีชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อเสนอของนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ออกมาระบุว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติให้ประกาศใช้ไปเลย เพราะกระแสสังคมส่วนใหญ่เห็นชอบ แต่ที่ไม่ผ่านประชามติเพราะพรรคการเมืองไม่เห็นด้วย นายมีชัย กล่าวว่า ข้อเสนอนี้ไม่ได้เรียกโยนหินถามทาง แต่เป็นการโยนหินใส่หัวตน สิ่งที่กำลังทำคือเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญต้องไม่ฝืนใจประชาชน เป็นประโยชน์กับประชาชนโดยส่วนรวม ซึ่งในเรื่องสำคัญมีการทำโพลมาก่อนจึงค่อยเดินหน้า และต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ ถ้าทำได้มากก็เชื่อว่าประชาชนที่เข้าใจจะยอมรับรัฐธรรมนูญนี้ได้ แต่พรรคการเมืองที่คิดว่าเสียประโยชน์ก็คัดค้านก็เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งก็คงมีผลกับการลงคะแนนของประชาชนโดยมีอคติตามที่นักการเมืองไปใส่ไว้ อย่างไรก็ตามคิดว่า ต้องยอมรับผลจากการทำประชามติ ซึ่งหากเป็นไปในทิศทางรัฐธรรมนูญสิ่งที่ประเทศไทยจะได้คือ การเมืองเป็นธรรมชาติ การทุจริตน้อยลง การตรวจสอบมากขึ้น กลไกในทางการเมืองสอดคล้องบริบทสังคมไทย เป็นสิ่งที่เราคาดหวังไว้
“มีคนพูดว่ากลัวพรรคโน้นพรรคนี้ กรธ.ไม่กลัวอะไรเลย ไม่คิดว่าจะต้องป้องกันพรรคใดเข้ามาตราบเท่าที่เข้ามาสุจริตและบริหารบ้านเมืองโดยสุจริต ทำให้ไม่มีความกังวล จึงวางกลไกขจัดคนทุจริตมีกลไกจับตาดูให้บริหารงานอย่างสุจริต ให้มีช่องทางชี้โทษและให้รับผลกรรมนั้นไป” นายมีชัย กล่าว
นายมีชัย กล่าวถึงกลไกเปลี่ยนผ่านว่า คงไม่ออกแบบเหมือนคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ของกรรมาธิการยกร่างฯ ชุดที่แล้ว เพราะได้เห็นบทเรียบนแล้วว่าไม่ได้รับการยอมรับและจำไว้แล้ว โดยพยายามที่จะให้เป็นไปตามกระบวนการปกติที่จะพึงมีพึงเป็น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกัน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าอาจต้องมีกลไกใหม่หากจำเป็น โดยจะต้องพิจารณาว่าจะใช้ทันทีหรือมีระยะเวลาเท่าไหร่ ซึ่งจะกำหนดในบทเฉพาะกาล ว่าเมื่อรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ สนช.เป็นอย่างไรต่อไป สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เป็นอย่างไรต่อไป กฎหมายทำอย่างไรให้บังคับใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ระหว่างที่กลไกเหล่านี้ไม่สำเร็จจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร ใครควรอยู่ต่อใครต้องออกไปต้องเขียนไว้หมด และยืนยันว่า จะไม่มีการกำหนดอำนาจใหม่เช่นเดียวกับ คปป. เพราะคนไม่รับ แต่จะพยายามคิดว่าต้องดำเนินการอย่างไรให้ตรงกับความต้องการของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้รับการยอมรับจากประชาชน ซึ่งยังตอบชัดเจนไม่ได้ แต่เชื่อว่าไม่จำเป็นต้องสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา แต่อาจเป็นเรื่องการกำหนดเป็นกฎหมายลายลักษณ์อักษรให้ต้องปฏิบัติตาม
“รัฐบาลมีนโยบายได้แต่จะมีการกำหนดกรอบว่าต้องทำอะไรอย่างไรในเวลาเท่าไหร่ ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญความตั้งใจของกรรมการจะไม่ไปเจ้ากี้เจ้าการบอกว่าต้องทำด้วยวิธีนั้นวิธีนี้ บอกแต่เป้าหมาย วัตถุประสงค์ และกรอบเวลาในการทำ ส่วนทำอย่างไรให้รัฐบาลคิด แนวนโยบายรัฐจะลดน้อยลง ส่วนเรื่องที่ต้องทำกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐบาลทุกพรรค หากไม่ทำขัดรัฐธรรมนูญต้องพ้นจากตำแหน่ง” นายมีชัย กล่าว
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า ในส่วน สนช.จะอยู่ทำกฎหมายที่จำเป็นในการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จ ส่วน สปท.ขึ้นอยู่กับตอนนั้นทำปฏิรูปเสร็จหรือยัง ต้องฟังดูว่าต้องการเวลาเท่าไหร่ที่จะปฏิรูปให้เห็นหน้าเห็นหลัง เพราะรัฐธรรมนูญพิงทั้งตัวที่การปฏิรูปสองเรื่อง การศึกษาและกระบวนการยุติธรรมเบื้องต้น ถ้าไม่สำเร็จรัฐธรรมนูญจะล้ม ดังนั้นการทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ซึ่ง กรธ. พยายามทำมาตั้งแต่ต้นที่ให้สถาบันการศึกษาทำโพล จึงเชื่อว่าจะทำให้มีผลลัพธ์ตรงกับประชามติ แต่ถ้าผลออกมาตรงกันข้ามก็ไม่ใช่เรื่องของ กรธ. แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี