กรธ.หั่นเขี้ยวเล็บ‘สว.’
ริบอำนาจหมด-เน้นรุ่นใหม่
เคาะที่มาเลือกตั้งแบบไขว้
ชงพรรคส่งชื่อนายกฯ3คน
รบ.โชว์ผลงานโรดแมป20ปี
เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) แถลงความคืบหน้าหลังประชุม กรธ.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบประเด็นที่มาสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ให้มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม จากผู้มีความรู้ มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ 20 กลุ่ม โดยเลือกจากระดับอำเภอ จังหวัดและประเทศ ตามลำดับ เป็นการเลือกแบบไขว้กัน ซึ่งจะมี สว.ทั้งหมด 200คน เปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ณ ที่ว่าการอำเภอ ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะมาในนามผู้แทนกลุ่มที่มีการจดทะเบียน หรือมีองค์กรรับรอง หรือเป็นผู้แทนจากเครือข่ายต่างๆ ที่มีผู้รับรองประมาณ 3คน
สว.เลือกที่อำเภอพร้อมกันทั่วปท.
นายชาติชาย ชี้แจงว่า เหตุที่ไม่เสนอให้เลือกตั้งโดยตรง เนื่องจาก สว.แตกต่างจาก สส.จะไม่มีอำนาจถอดถอนและไม่เน้นทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่ต้องการคนที่มีความรู้ความคิดหลากหลายให้เข้ากับสังคมสมัยใหม่ ประนีประนอมถ้อยทีถ้อยอาศัยให้เดินหน้าได้ การเลือกกันเองเป็นลำดับชั้นขึ้นมาเริ่มที่ระดับอำเภอ เป็นการยื่นโอกาสให้ใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด เป็นเหมือนสถานีอำนวยความสะดวกให้ปราชญ์ชาวบ้านได้ร่วมสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งในอำเภอจะเลือกกันเองในเวลาเดียวกัน วิธีนี้เป็นของใหม่ของประเทศไทย ซึ่งถือว่าจะได้ สว.ระดับชาติ
หนุนตัดสิทธิ์โกงลต.-ทุจริตชั่วชีวิต
นายชาติชาย ยังกล่าวถึงการสรุปผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งจัดทำโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ว่า ประเด็นการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ มีประชาชนติดตามร้อยละ85.1 ส่วนใหญ่ติดตามจากโทรทัศน์ ร้อยละ94.8 การไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่ผ่านๆมา ไปทุกครั้ง ร้อยละ82.3 ส่วนประเด็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง ประชาชนสนับสนุนให้เปิดเผยทรัพย์สินและหนี้สินตนเองและคู่สมรส รวมทั้งบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ร้อยละ90.4 และการแสดงหลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ร้อยละ94.9ขณะที่ร้อยละ59.4 เห็นด้วยกับการตัดสิทธิทางการเมืองกับนักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่าทุจริตต่อหน้าที่ ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิตและร้อยละ58.7 เห็นด้วยตัดสิทธิ์ทางการเมืองแก่นักการเมืองที่ถูกศาลตัดสินว่าทุจริตเลือกตั้ง
ชงชื่อนายกฯได้พรรคละ3คน
นายชาติชาย กล่าวต่อไปว่า ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ประชาชนสนับสนุนการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ร้อยละ63.6และการใช้บัตรเลือกตั้ง สส.ใบเดียว ร้อยละ77.6 ซึ่งประชาชนพิจารณาจากทั้งผู้สมัครและพรรค ร้อยละ60.4 ส่วนผู้สมัครรับเลือกตั้งที่แพ้คะแนนโหวตโน ประชาชนเห็นว่า ผู้สมัครคนนั้นไม่ควรลงอีก ให้ส่งคนใหม่มาแทน ร้อยละ42.1 นอกจากนี้ ความคิดเห็นเกี่ยวกับการเสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรี ประชาชนเห็นด้วยว่าให้มาจากผู้สมัคร สส. หรือสมาชิกพรรค หรือบุคคลอื่นได้ ร้อยละ64.3 โดยส่วนใหญ่เห็นว่า ให้เสนอได้ไม่เกิน 3 คน ร้อยละ43.4 ซึ่งสอดคล้องกับนิด้าโพลที่ออกมาก่อนหน้านี้ กรธ.พิจารณาแล้วเห็นว่า 3คน เป็นจำนวนที่พอเหมาะ จากเดิมที่เสนอ 5คน เยอะไปอาจทำให้จำไม่ไหว
‘บิ๊กตู่’ไม่เอาด้วยรัฐบาลแห่งชาติ
วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงข้อเสนอของ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) ที่ให้จัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยให้ พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ว่า ก่อนหน้านี้เขาไม่ยอมและไม่เคยเสนอแบบนี้ จำได้หรือไม่ โดยตนขอยืนยันตรงนี้ว่า ตนจะไม่เป็นให้กับนักการเมืองที่ไหนทั้งสิ้น
กลับไปเลี้ยงหลานที่บ้านดีกว่า
“ผมเป็นแล้วสั่งได้หรือไม่ หรือผมต้องไปทำตามเขา แล้วจะไปเป็นตัวแทนเขาทำไม เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่เรื่อย เดี๋ยวจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ผมไม่เป็น เสียเวลาเปล่า ผมกลับไปเลี้ยงหลานดีกว่า หลานคนอื่น ลูกน้องชายเยอะแยะไป”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ตั้งใจแถลงผลงานรบ.ช่วง1ปี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแถลงผลการดำเนินงาน 1ปีรัฐบาล ว่า ตนให้ความสำคัญในการแถลงผลงานวันที่ 23ธันวาคมและต้องการสร้างความเข้าใจ ในลักษณะที่มีความซับซ้อนพอสมควร เพราะต้องการให้คนที่ติดตามได้เห็นว่า รัฐบาลสร้างความเชื่อมโยงมาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อนวันที่ 22พฤษภาคม2557 มาเป็น คสช.จนมาเป็นรัฐบาล มีครม. 2คณะ ปัจจุบันเหลือเวลาอีก 1ปี 6เดือน นับจากมกราคม2560 ฉะนั้นเวลาที่เหลืออยู่เราจะทำอะไรต่อจากที่เราทำมาแล้วบ้างในระยะแรก ตรงนี้คือการปฏิรูประยะที่1 ซึ่งต้องเกิดความชัดเจน ถ้าทุกคนสงสัยในเรื่องของการใช้จ่ายงบประมาณ โครงการน้ำ โครงการรถไฟว่า ทำไมตัวเลขต่างกัน ให้ถามรองนายกฯ หรือกระทรวงที่จะแถลง ซึ่งตัวเลขมันต่างตรงที่เราเขียนแผนงานไว้ระยะยาวและคิดงบไว้ล่วงหน้า
มุ่งวางอนาคตข้างหน้าอีก20ปี
‘มีหลายคนเอาตัวเลขของเราไปเปรียบเทียบกับโครงการที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องรถไฟและพยายามที่จะกู้ทั้งระบบทั้งหมดมา แล้วแน่ใจหรือไม่ว่า 4ปี จะเป็นรัฐบาลตลอดไป นี่คือสิ่งที่สืบทอดอำนาจยิ่งกว่าผม อันนี้ผมไม่ได้สืบทอดอำนาจ เพียงแต่ร่างแผนอนาคตไว้ให้ใน 20ปีข้างหน้า ในวันที่ 23ธันวาคม ถามเขาดูสิว่า แต่ละกระทรวงทำอะไรบ้าง เพื่อที่จะมองเห็นอนาคตในวันข้างหน้า เราจะมีรถไฟที่ไหนจะเชื่อมโยงกันอย่างไร’
สั่งเคลียร์คดีตกค้างให้เสร็จปี59
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการจัดระเบียบคดีความต่างๆที่ยังค้างอยู่ว่า คดีส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความไม่เป็นธรรม คิดว่าตรงนี้ต้องทบทวน ซึ่งตนให้เวลาในปี2559 แต่ไม่ได้เป็นการเร่ง หลายคดีที่ไม่มีความชัดเจน ทั้งคดีการเงิน คดีอาญา คดีที่เกี่ยวข้องกับความบกพร่องอะไรต่างๆ และคดีความรับผิดชอบ ก่อนปี2560 จะต้องเรียบร้อย ทั้งนี้ ตนไม่ได้ไปสั่งว่า จะต้องทำนู่นทำนี่ แต่เอาทุกกลุ่มเข้ามา ถ้าไม่ทำแบบนี้ เรื่องปรองดองสมาฉันท์ไม่ต้องมาพูดกัน เพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ต้องมีคนผิดคนถูกก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง จะได้หรือไม่ตนยังไม่รู้
โพลปชช.92%พอใจผลงานรบ.
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ว่า ในที่ประชุมกระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้รายงานต่อที่ประชุมถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 27พฤศจิกายน-4ธันวาคม2558 จากกลุ่มตัวอย่าง 2,700คนทั่วประเทศพบว่า ร้อยละ88.2 ติดตามข้อมูลข่าวสารรัฐบาล โดยติดตามผ่านทางรายการ’คืนความสุข’มากที่สุดร้อยละ85.2และร้อยละ90 ทราบถึงการดำเนินการโครงการต่างๆ ร้อยละ92 พอใจผลการทำงานที่ผ่านมา 3 ลำดับแรก คือ การควบคุมราคาล็อตเตอร์รี่ การจัดสวัสดิการเพื่อประชาชนและการแก้ไขปัญหายาเสพติด
ผ่านร่างกม.ตั้งศาลปราบพวกโกง
พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยด้วยว่า ครม.ยังเห็นชอบร่าง พรบ.จัดตั้งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพ.ศ...แต่ไม่ได้หมายความว่า กฎหมายออกมาแล้วจะจัดตั้งศาลได้เลย จะต้องออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน เช่น กำหนดตัวผู้พิพากษา ออกกฎหมายพิจารณาคดี เป็นต้น เป็นเพียงการกำหนดจุดเริ่มต้น ที่มีความพยายาม 20ปีมาแล้วที่จะให้ศาลพิจารณาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพราะเมื่อคดีทุจริตเข้าสู่ศาลโดยรวมแล้วทำให้คดีล่าช้า ที่เรียกว่า กรรมไม่ติดจรวด วันนี้รัฐบาลนี้จัดให้ จะใช้กับข้าราชการ ภาคเอกชนและภาคธุรกิจ ยกเว้นคดีอาญาแผนกผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
‘บิ๊กป้อม’ยันไม่เอารบ.แห่งชาติ
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงการตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ไม่รู้ว่า เป็นกระแสจากใคร หากเป็นกระแสของพรรคการเมือง คงเป็นการเสนอกันในพรรคก็คุยกันไป คุยให้เกิดความสงบสุขก็ว่ากันไป ตนไม่ว่าอะไรเพราะตนไม่ได้ยิน แต่ตนไม่ใช่นักการเมือง ส่วนข้อเสนอดังกล่าวจะมีโอกาสบรรจุอยู่ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบขอให้ถามนายมีชัย จะถามตนได้อย่างไรเพราะตนไม่ใช่ กรธ.
เดินหน้าทำตามแผน’โรดแมป’
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายครบรอบ 1ปีการทำงานของรัฐบาลว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับอะไร แต่ตนจะเล่าให้ฟังในเรื่องของความมั่นคงว่า ที่ผ่านมาทำอะไรมาบ้าง เดิมเป็นอย่างไร ปัจจุบันเป็นอย่างไรและอนาคตจะเป็นแบบไหน รวมถึงการปฏิรูปต่อไปจนถึง 20 ปี จะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าตั้งปฏิรูปมา 20ปีแล้วรัฐบาลตนต้องเป็นคนทำ ไม่ใช่อย่างนั้น แต่จะทำตามที่โรดแมปกำหนดไว้ บางคนกล่าวว่ารัฐบาลสอดไส้เตรียมอยู่ 20ปีนั้น ไม่ใช่ ตนคงตายไปแล้ว พูดได้อย่างไร แบบนี้พูดไม่ได้ เพราะไม่ใช่ความจริง พูดเพื่ออะไร ตนคนหนึ่งที่ไม่ขออยู่ ส่วนที่พรรคการเมืองมีข้อกังวลว่าอาจตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งไม่ได้นั้น ถือเป็นอีกเรื่อง
‘พรเพชร’หนุนถ้าใช้แก้วิกฤต
ขณะที่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อเป็นทางออกให้กับประเทศว่า ตนยังไม่ทราบว่าเป็นความคิดเห็นของใคร เพราะที่ผ่านมามีแนวคิดนี้ออกมาบ่อยครั้ง แม้ยามวิกฤติก็เคยมีการเสนอแต่ก็ไม่เคยสำเร็จ สำหรับข้อดี-ข้อเสียของการมีรัฐบาลแห่งชาตินั้น ถ้ามองว่าประเทศเกิดวิกฤติขึ้นแล้วมีแนวทางแก้ไขวิกฤติที่เกิดขึ้นและมีช่องทางที่จะตั้งรัฐบาลแห่งชาติอย่างนั้น ตนรับได้
อาจนิรโทษก่อนร่างรธน.เสร็จ
เมื่อถามถึงกรณีการประชุมร่วมแม่น้ำ 5สาย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นห่วงเรื่องความปรองดอง จึงอยากให้มีแผนปรองดองออกมา นายพรเพชร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ดำเนินการตั้งแต่มี คสช.แล้ว โดยเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยทำความเข้าใจเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ส่วนจะนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ก็คงดำเนินต่อไป แต่สิ่งที่นายกฯย้ำเสมอ คือ ถ้าคนทำผิดรู้สำนึกและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็มีหนทางให้อภัยได้ เมื่อถามว่า แสดงว่า ช่วงก่อนร่างรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้น จะมีกฎหมายนิรโทษกรรมออกมาใช่หรือไม่ ประธาน สนช.กล่าวว่า ตนก็หวังเช่นนั้น อยากให้ร่างฉบับ นายมีชัย ผ่านประชามติและมุ่งสู่เลือกตั้ง คงจะเป็นบรรยากาศที่ดีขึ้น
‘เสรี’เตือนระวังตกหลุมพราง
ขณะที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงข้อเสนอการให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ว่า ต้องถามว่าเป็นการตั้งใจให้มีรัฐบาลแห่งชาติจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่ข้อเสนอเพื่อโยนเหยื่อให้ฮุบ เพราะถ้ารัฐบาลปัจจุบันยอมรับให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ก็แสดงว่ารัฐบาลต้องการต่ออำนาจให้ตัวเอง จะทำให้มีกลุ่มออกมาต่อต้าน ดังนั้นวิธีดีที่สุดคือการเดินตามโรดแม็พเดิม การเสนอเช่นนี้ไม่ใช่ดิสเครดิตให้รัฐบาลดูแล้วเป็นการสร้างประเด็นทางการเมือง เพื่อให้เกิดปัญหากับรัฐบาลและคณะรักษาความแห่งชาติ(คสช.) เพื่อสร้างความไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นรัฐบาลต้องระวังอย่ารับข้อเสนอดังกล่าว เพราะจะทำให้ติดกับทางการเมือง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี