23 ธ.ค. 58 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคม กล่าวแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลครบรอบ 1 ปี ว่า นับตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศ งานด้านสังคมมีความคืบหน้าไปมาก แต่รัฐบาลที่ผ่านๆ ก็ให้ความสำคัญกับด้านนี้พอสมควร สิ่งแวดล้อมต่างๆ กำลังเปลี่ยนไป สิ่งที่จะทำให้สังคมของเราอยู่ในสภาวะที่ดีจึงเป็นเรื่องจำเป็น ในเรื่องแรกคือ ปัญหาการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งในส่วนของด้านสังคม ก็จะเข้าไปเยี่ยวยากับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อและได้รับผลกระทบ ทั้งการออก พ.ร.บ. ระเบียบของรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าราชการเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด
พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า งานด้านสังคมยังมี การพัฒนาชุมนมแออัดและผู้มีรายได้น้อย ซึ่งกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหาเรื่องของอยู่อาศัยของประชาชน จากผลสำรวจเรามีจำนวนประชากร 20.47 ล้านครัวเรือน 4 กว่าล้านครัวเรือน ไม่มีสิทธิในครัวเรือน และ 2.66 ล้านครัวเรือน อยู่ในสภาพไม่เหมาะสมกับการอยู่อาศัย พม.จึงต้องเข้าไปดูแลโดยมีโครงการต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือ เช่น โครงการบ้านยั่งยืน โครงการบ้านมั่นคง นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายโครงการที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เช่น ชุมนุมที่เข้าไปบุกรุกพื้นที่สาธารณะ ก็จะจัดสรรให้เข้าไปอยู่ให้พื้นที่ที่รัฐจัดหาไว้ให้ หรืออย่างกรณี ชุมชนดินแดง เราก็พยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น เพราะว่าตัวอาคารเองก็เก่า มีชำรุดมีเสียหาย และพยายามทำให้พื้นที่บริเวณนั้นใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ขณะนี้อยู่ในช่วงเสนอไปยังสภาพัฒน์
นอกจากนั้น พม.ยังต้องดูแลประชาชนตั้งแต่อยู่ในครรภ์สำหรับครอบครัวที่ยากไร้ ซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุนเด็กแรกเกิด มีเงินอุดหนุนให้เดือนละ 400 บาทต่อคน ซึ่งรัฐจะอุดหนุนให้เฉพาะมารดาที่มีรายได้น้อยหรือยากจน คือรายได้ไม่เกิน 3,000 บาทต่อครัวเรือน โดยสามารถมาลงทะเบียนและรับเงินส่วนนี้ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าการที่จะมารับเงิน 400 ทุกเดือน แม่เด็กจะต้องไปฝากครรภ์กับแพทย์ และต้องบอกรายละเอียดกับหน่วยงานแพทย์ เพราะเป็นกลยุทธ์ที่จะทำให้ทีมแพทย์เข้าไปติดตามดูแลช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้จนกระทั่งคลอด ซึ่งโครงการนี้ได้รับการชื่นชมจากองค์กรยูนิเซฟ เพราะเราเป็นประเทศแรกที่ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา
สำหรับด้าน การส่งเสริมคุณภาพชีวิตผู้สูงอายุ และผู้พิการ เนื่องจากประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยตั้งแต่ปี 48 และในอีก 20 ปีข้างจะเข้าสู่สังคมสูงวัยสูงสุด ฉะนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยจะสร้างศูนย์พัฒนาดูแลผู้สูงอายุ มีการฝึกอบรมอาชีพ และมีกองทุนเพื่อให้ผู้สูงอายุกู้ยืมไปประกอบอาชีพ นอกจากนี้ยังมีทีมหมอครอบครัวก 6 หมื่นกว่าทีม ในการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแลผู้ป่วยที่อยู่ในวัยชรา ผู้พิการ หรือแม้กระทั่งเด็กๆ ในพื้นที่ต่างๆ
ขณะที่การป้องกันและยับย้ำโรคอุบัติใหม่หรืออุบัติซ้ำ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีการจัดระบบป้องกันและแก้ไขเป็นอย่างดี โดยดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สมัยไข้หวัดนกระบาด โดยรัฐบาลได้อนุมัติเม็ดเงิน 180 กว่าล้านบาท เพื่อจัดหาเครื่องมือทางการแพทย์ ปรับปรุงห้องชีวนิรภัย และปัจจุบันกำลังเสนอยกเป็นแพ็คเกตฟื้นฟูและป้องกันการแพร่ระบาดโรคอุบัติใหม่ ซึ่งเราได้รับการชื่นชมจากองค์การอนามัยโลก ที่ประเทศเรามีความพร้อมในการรับมือกับโรคระบาด
สุดท้าย เรื่องของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ปัจจุบันมีการร้องเรียนเรื่องต่างๆ เข้ามาเป็นจำนวนมาก สคบ.จึงมีแผนการพัฒนาในเชิงรุก แทนที่จะรอคนมาร้องเรียน ตอนนี้เรามีการทำงานเชิงรุกโดยการเข้าไปดูแลก่อน เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังมีการตั้งศูนย์ข้อมูลเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ซึ่งจะมีทีมให้การปรึกษา ส่วนที่เป็นปัญหามากคือเรื่องเกี่ยวกับคดีการฟ้องร้องเกี่ยวกับการซื้อสินค้าซึ่งมีคดีเยอะมาก สคบ.จึงใช้วิธีไกล่เกลี่ยเพื่อให้ปัญหาการฟ้องร้องลดลง ซึ่งได้ผลเป็นอย่างดี และได้รับความพึ่งพอใจทั้งสองฝ่าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี