2 ก.พ. 59 นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวว่า สปท.การเมืองได้ประชุมเพื่อหารือถึงรัฐธรรมนูญร่างแรกของกรธ. เห็นว่าในภาพรวมถือว่ามีเนื้อหาดี แต่ยังมีจุดบกพร่องที่ควรปรับปรุงได้แก่ 1.การเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่กาบัตรใบเดียวเลือกส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ระบบที่ถูกต้องเพราะการกาบัตรเลือกส.ส.เขตใบเดียว แล้วนำไปคำนวณคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น อาจไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของผู้ไปใช้สิทธิ เนื่องจากบางคนอาจจะเลือกส.ส.เขตคนที่ชอบ แต่ไม่ได้ชอบพรรคที่ส.ส.คนดังกล่าวสังกัดอยู่ หากนำไปคำนวณเป็นคะแนนส.ส.บัญชีรายชื่อ ทั้งที่ประชาชนไม่ชอบพรรคนั้น จะถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาชนได้ 2.การเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว ไม่สามารถป้องกันการทุจริตเลือกตั้งได้ เพราะเขตเล็ก พื้นที่น้อย จะถูกอิทธิพลอำนาจรัฐ หรืออำนาจท้องถิ่นเข้ามาครอบงำได้ง่าย จะทำให้เกิดการซื้อเสียงมากยิ่งขึ้น เพราะซื้อทีเดียวได้ 2 เด้งคือทั้งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ ควรใช้วิธีวันแมนวันโหวตคือ ประชาชน 1 คน มีสิทธิ 1 เสียง ชอบใครให้กาได้เบอร์เดียวจะเหมาะสมกว่า
นายวันชัยกล่าวว่า 3.เรื่องการเลือกตั้งส.ว. 20 กลุ่มอาชีพ แบบไขว้กันระหว่างกลุ่ม ไม่ควรนำมาใช้ จะทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติทั้งเรื่องการแบ่งกลุ่ม 20 วิชาชีพ และการบล็อกโหวตเกิดขึ้น 4.พรรคการเมือง ซึ่งในรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุถึงกลไกที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างแท้จริง 5.คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่กรธ.ไม่ได้ระบุให้ผู้สมัครต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีย้อนหลังให้ประชาชนทราบ การกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครที่ไม่เคยต้องคำพิพากษาการทุจริตเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอในการกลั่นกรองให้ได้คนดีมีคุณธรรมเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองได้ 6.มีการเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป โดยเฉพาะการให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดการขาดคุณสมบัติของนักการเมือง เช่น การไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม เป็นการให้ศาลรัฐธรรมนูญเข้ามาวินิจฉัยกรณีความผิดส่วนตัว เป็นการให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเป็นองค์กรที่ 5 นอกเหนือจากฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหาร ตุลาการ และองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญควรมีอำนาจตีความเฉพาะเรื่องการขัดกันระหว่างองค์กร และความไม่ชัดเจนในรัฐธรรมนูญ ไม่ควรมายุ่งเกี่ยววินิจฉัยความผิดส่วนบุคคล อีกทั้งการให้ศาลต่างๆเข้ามามีส่วนร่วมในการสรรหาองค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการดึงองค์กรศาลมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ทิ้งน้ำหนักให้ขุนนาง และข้าราชการมากเกินไป
นายวันชัยกล่าวว่า 7.การให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 คน ให้ประชาชนทราบล่วงหน้านั้น ไม่มีความจำเป็น เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีถือเป็นดุลยพินิจของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่แล้ว 8.การปิดช่องให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากในทางปฏิบัติ อาจทำให้เกิดวิกฤตในอนาคตได้ ประเด็นเหล่านี้เป็นจุดอ่อนในรัฐธรรมนูญที่สปท.การเมืองจะรายงานต่อที่ประชุมสปท.ในวันที่ 8-9 ก.พ.เพื่อให้ทำเป็นมติสปท.เสนอต่อกรธ.นำไปทบทวนแก้ไขต่อไป เชื่อว่า หากกรธ.รับฟังความเห็นและปรับปรุงแก้ไข จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ แต่หากยังยืนยันตามร่างเดิม อาจจะถูกต่อต้านจนไม่ผ่านประชามติได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี