“บิ๊กตู่”ฟิวส์ขาดว้ากสื่อ
จบแค่ปี60
ทำได้แค่ไหน-ก็แค่นั้น
ตัดพ้อทำมา2ปีกลับไร้ค่า
ทหารเรียก”ตุ๊ดตู่”เข้าค่าย
ยังปูดแผนตั้งรัฐบาลผสม
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามปกติ ปรากฏว่าก่อนการประชุมเกิดบรรยากาศตึงเครียดตั้งแต่เช้าเนื่องจากนายกรัฐมนตรีแสดงอารมย์ฉุนเฉียวในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายต่อหลายเรื่อง รวมทั้งในระหว่างที่มีคณะต่างๆมาเข้าพบ
โวยทหารถูกพวกขยะเหยียบย่ำ
โดยเริ่มตั้งแต่คณะของคุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ประธานมูลนิธิสงเคราะห์ครอบครัวทหารผ่านศึก ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เข้ามอบดอกป๊อปปี้ สัญลักษณ์แสดงความระลึกถึงและเชิดชูเกียรติทหารผ่านศึก เนื่องใน “วันทหารผ่านศึก” ซึ่งนายกฯกล่าวว่า อยากให้ดูแลทหารให้มีเกียรติและศักดิ์ศรีเพราะเป็นผู้ปกป้องรักษาแผ่นดิน
“ทหารส่วนใหญ่เป็นลูกหลานคนจน นอกจากจะต้องมาตายฟรีและบาดเจ็บฟรีแล้ว ยังโดนคนเหยียบย้ำซึ่งใครก็รับไม่ได้ ดังนั้นต้องบอกให้ทหารมีศักดิ์ศรี เพื่อให้คนยอมรับ ซึ่งคนจนยังไงก็จนจะไปโทษเขาไม่ได้ แต่ต้องสร้างคนให้รู้หน้าที่อยู่ในกรอบกฎหมายและกติกาบ้านเมืองทำตัวให้มีประโยชน์ ไม่เช่นนั้นพวกขยะมันเยอะ”นายกฯกล่าว
นายกฯว๊ากสื่อตอบไม่โดนใจ
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ไปรับฟังรายละเอียดโปรแกรมประยุกต์เคลื่อนที่ WMApp ให้ผลการพยากรณ์อากาศความละเอียดสูงผลงานจากบัณฑิตวิทยาลัยสหวิทยาการ วิทยาศาสตร์ระบบโลกและการจัดการภัยธรรมชาติอันดามัน มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมาถามกลุ่มผู้สื่อข่าวว่าปัญหาสำคัญคือแหล่งน้ำที่ไปขุดไว้ไม่ตรงกับพื้นที่การเกษตร ขุดในพื้นที่ไม่จำเป็น ชาวบ้านไม่มีน้ำใช้กัน ถามว่าใครเป็นคนทำ ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า “ทหารเป็นคนขุด”
ทำให้นายกฯแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมกล่าวว่า "เดี๋ยวก็ทุบเลย หาว่าทหารทำ ไม่รู้เรื่อง ใครเป็นคนทำ ใครเป็นคนบริหารประเทศ รัฐบาลไหนก็ไม่รู้ แต่รัฐบาลนี้ต้องมาแก้ไขทุกเรื่อง” นักข่าวชี้แจงว่าได้ยินว่านายกฯ ถามว่าใครเป็นคนขุด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบโต้อย่างดุเดือดว่า "ผมไม่ถามแบบนั้นหรอก ถามอย่างนี้อย่ามาเป็นนายกฯ ไม่ต้องเป็น ใครก็เป็นได้ พวกเธอเป็นแบบนี้ทำให้ฉันโมโห นึกถึงสมองฉันบ้างสิ พวกเธอไม่พัฒนาและให้ฉันพัฒนาอยู่คนเดียว"
ด่ากราดพวกอดื้อยา-ดื้อตาใส
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้เยี่ยมชมชุดตรวจวัณโรค และวัณโรคดื้อยา ซึ่งนายกรัฐมนตรียังคงมีอารมณ์ฉุนเฉียวต่อเนื่อง โดยกล่าวว่า "การพัฒนาต่างๆ จะต้องทำให้เป็นขั้นตอนไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเหยื่อจากเรื่องอื่นไปหมด วันนี้ผมต้องขอโทษที่อารมณ์เสีย" จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้หันมายังกลุ่มผู้สื่อข่าว พร้อมกล่าวต่อว่า "ไอ้พวกดื้อยา ไอ้พวกดื้อตาใส เจตนาดื้อ ดื้อแบบไม่บริสุทธ์ นักวิชาการก็ต้องรีบทำ รีบพัฒนา หลังจากรัฐบาลนี้ก็คงไม่มีใครทำแล้ว อยากถามใครจะทำ ไปถาม ไปบังคับเขากันบ้าง"
ผู้สื่อข่าวจึงกล่าวว่าก็ต้องเป็นรัฐบาลชุดหน้าทำ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างดุเดือดว่า ไปถามเขาเลย ไม่ต้องมาถ้า ไปบังคับให้เขาทำเหมือนอย่างที่คุณบังคับผม" ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า ก็ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญให้ชัดเจน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "แล้วเขียนไว้มันได้หรือไม่ล่ะ รัฐธรรมนูญไม่เป็นสากล แล้วช่วยอะไรกันบ้าง อธิบายกันบ้างมั้ย"
รีบเลือกตั้งก็ได้แต่พวกเฮงซวย
ผู้สื่อข่าวจึงชี้แจงว่า ทุกวันนี้สื่อก็ทำความเข้าใจกับสาธารณะอยู่แล้วตามหน้าที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "อ๋อเหรอ เห็นถามฉันอยู่ทุกวันจะเลือกตั้งหรือเปล่า จะทำได้ทันในปี 60 หรือเปล่า ถามอยู่แค่นี้ จะเลือกอะไรก็เลือกไป จะเลือกพรุ่งนี้ก็เลือกไป ไปเลือกมา แล้วก็ได้ไอ้คนเฮงซวยเข้ามาอีก จะทำอย่างไรไปจัดการซะ ถ้าไม่เฮงซวยก็ไม่ต้องไปเดือดร้อน"
เมื่อพูดจบพล.อ.ประยุทธ์ ได้โยนกล่องชุดตรวจวัณโรค และวัณโรคดื้อยา ใส่กลุ่มผู้สื่อข่าว ก่อนที่จะหันไปชิมน้ำจิ้มสุกี้จากน้ำส้มสับปะรด ซึ่งเป็นผลงานวิจัยด้านอาหาร และบรรจุภัณฑ์ ก่อนจะหันมาใส่อารมณ์กับผู้สื่อข่าวอีกชุดใหญ่ พร้อมกับเรียกหาโทรศัพย์มือถือเพื่อเปิดให้ผู้สื่อข่าวถูกเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯโมโหเรื่องอะไร
เดือดสารพัดด่าสื่อ”โง่”ซะงั้น
ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ หันมาตอบโต้ว่า" โง่ ก็ไปหาเอาเอง คำตอบน่ะ พวกเธอฉลาดกันอยู่แล้วไม่ใช่หรือ ฉันจะส่งให้คนที่มันไม่ฉลาดอ่าน เธอฉลาดแล้วไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องเสนอรูป เสนอภาพฉันก็ได้ มันไม่เกิดประโยชน์ การทำเพื่อชาติบ้านเมือง มันลำบากนักก็ไม่ต้องทำหรอกวะ ล้วง แคะ แกะ เกา มันทุกเรื่อง ไม่ต้องมาตั้งกันอีกแล้วเรื่องของทหาร เป็นผบ.กับเขาหรือยังไง เป็นแก๊งนี้ แก๊งนั้น มันบ้าหรือเปล่า”
เจอแบบนี้”บี้ เดอะสตาร์”ตกใจ
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวระหว่างดูผลงานเลนส์เสริมสมาร์ทโฟนให้กลายเป็นกล้องจุลทรรศน์แบบพกพาว่า "ผมไม่รู้เป็นอะไร คิดอะไรมามันผิดไปหมด" ก่อนที่จะเดินไปกลุ่มของนายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุขที่นำคณะพร้อมศิลปินดารา อาทิ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว หรือ บี้ เดอะสตาร์ เข้าพบเพื่อเชิญชวนสวมสายรัดข้อมือและ ลงนามในโปสเตอร์ " We Can. I Can." รณรงค์ป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องใน “วันมะเร็งโลก” ซึ่งตรงกับวันที่ 4 ก.พ.ของทุกปี
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม "บี้-เดอะสตาร์"ดาราที่มาร่วมงานในเช้าวันนี้ว่ารู้สึกเช่นไรที่เห็นนายกรัฐมนตรีมีอารมณ์ฉุนเฉียว"บี้-เดอะสตาร์"กล่าวว่า "ก็รู้สึกตกใจครับ"
โมโหถูกวิจารณ์ร่างรธน.-โผทหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าของวันที่ 2 ก.พ.พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์เสียตั้งแต่ช่วงเช้าหลังจากได้อ่านหนังสือพิมพ์โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นเรื่องรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้ง รวมทั้งเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการประจำ โดยเฉพาะในส่วนของทหาร ถึงขนาดมอบหมายให้ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีส่งข้อความข่าวมายังสื่อมวลชนในทำนองต่อว่าการทำหน้าที่ของสื่อและขอให้ยกระดับการทำหน้าที่
ทั้งนี้เมื่อสอบถามไปยังกลุ่มคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีถึงสาเหตุที่ทำให้นายกรัฐมนตรีอารมณ์เสียเพราะอะไร ก็ได้รับการยืนยันว่ามาจากเรื่องรัฐธรรมนูญและการแต่งตั้งทหาร
รบ.แนะสื่อยกระดับการทำงาน
ขณะที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯห่วงเป็นห่วงสื่อที่ยังขาดจรรยาบรรณ ปล่อยให้นักการเมือง นักปลุกระดมบางกลุ่มบางคนที่มีวาระซ่อนเร้น มาใช้นำเสนอข้อมูลบิดเบือน สร้างความสับสน ขยายความขัดแย้ง สื่อควรยกระดับการทำงานและปฏิรูปตนเอง มองประโยชน์และภาพรวมที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ เลิกขายข่าวสีสัน ความขัดแย้งและความเห็นที่ไม่เป็นกลาง สรุปคือ สื่อต้องรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้นและระวังการเสนอข่าวเชิงชี้นำ เช่น การวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่ปราศจากความพยายามเข้าใจเจตนาการร่างว่า ทำเพื่อป้องกันเหตุรุนแรง ความขัดแย้งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ไม่ให้กลับมาเกิดซ้ำอีก ป้องกันคนโกงคนเลวไม่ให้เข้ามามีอำนาจ แสวงหาประโยชน์
สั่งครม.ศึกษาร่าง-เลือกตั้งปี60ชัวร์
ภายหลังประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์ แถลงว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รายงานเกี่ยวร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ได้เผยแพร่ต่อสาธารณะแล้ว ให้ที่ประชุม ครม.รับทราบและได้หารือหลายประเด็น พร้อมให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกลับไปพิจารณาแนวทางและส่งกลับมาให้ ครม.พิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า ก่อนส่งให้ กรธ.พิจารณาต่อไป แต่จะปรับแก้หรือไม่ เป็นความเห็นของ กรธ.และร่างนี้เป็นเพียงร่างแรก ยังมีเวลาถึงวันที่ 29มีนาคม
“สิ่งที่ผมให้แนวทางไปคือทุกอย่างยังเป็นไปตามโรดแมป จะมีเลือกตั้งในปี60 โดยเริ่มกระบวนการเลือกตั้งในเดือนกรกฏาคมแต่จะมีรัฐบาลใหม่เมื่อไรนั้น ไม่ทราบ หากทำได้เร็วกว่าที่กำหนดไว้ก็จะเป็นเรื่องดี”นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผ่านร่างแรกมีความสุข-อย่าต้าน
นอกจากนี้นายกฯยังกล่าวด้วยว่า รู้สึกมีความสุขที่ร่างแรกเสร็จและต้องการให้ประชามติผ่าน ในแบบที่ประชาชนมีความเข้าใจในบทเฉพาะกาลว่า มีเจตนาที่ดี เป็นหลักประกันว่า สิ่งที่ตนทำมาไม่สูญเปล่า ไม่ใช่มาโจมตีเฉพาะที่มาของนายกฯต้องการให้ดูแนวคิดเรื่องป้องกันการทุจริต การได้คนดีเข้าสู่การเมือง ซึ่งเรื่องเหล่านี้นักการเมืองต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์ ทั้งที่เป็นประโยชน์กับประชาชนและควรมีมานานแล้ว
ซัด'จตุพร'เหยียบย่ำ-ด่าทุกวัน
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีทหารเชิญ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปพูดคุยที่กองทัพภาคที่1 ว่า “เขาทำผิดหรือไม่ แสดงความคิดเห็นดูถูกเหยียบย่ำผม ความเห็นแบบนี้มีหรือ ทำได้หรือไม่ ด่ารัฐบาลทุกวันผิดหรือเปล่า ผมไม่ต้องสั่ง เพราะคสช.และฝ่ายกฎหมายดูอยู่ ผิดก็ดำเนินการทางกฎหมาย กฎหมายประกาศไว้ก่อนแล้ว ถ้าเป็นคุณแบบนี้โกรธหรือไม่ ผมไม่มีสิทธิปกป้องตัวผมเองหรืออย่างไร”
ทุบโพเดียมจนแว่นตาหล่นพื้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการตอบคำถามพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมีอารมณ์ฉุนเฉียว โดยใช้มือตีไปที่โพเดียมอย่างแรงสองครั้งจนทำให้แว่นสายตาที่ถอดวางไว้กระเด็นลงพื้น ระหว่างนั้นพล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้ามาส่งสัญญาณว่ามีแขกต่างประเทศรอเข้าพอนายกฯ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า บอกเขาให้รอก่อนประเทศชาติสำคัญกว่า
จบแค่ปี60-รับผิดชอบกันเอง
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าบางประเทศที่เขาไม่ใช้รัฐธรรมนูญ เพราะเขามีจิตใจดี อย่างอังกฤษ เราเป็นอย่างเขาหรือยัง แล้วเมื่อไหร่จะเป็น วันนี้พื้นฐานคนของเขากับเราแตกต่างกัน อะไรก็กฎหมายอะไรก็เลือกตั้งมีอยู่แค่นี้จะเป็นจะตาย มันจะอดตายรู้กันบ้างไหม ทั้งการลงทุนการค้าจะเอาอะไรจากตน ไปถามรัฐบาลหน้าแล้วกัน ตนทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น ปี 2560 จบแค่นั้น ไปรับผิดชอบกันเอาเอง
ตัดพ้อทำงานมา2ปีกลับไร้ค่า
เมื่อถามว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการทำประชามติน่าจะมีทางเลือกที่ชัดเจนว่าจะหยิบกฎหมายตัวไหนมาใช้ นายกฯ กล่าวว่า ตนให้โอกาสท่านคุยกันแล้ว ก็ว่าไปถ้าไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของตน ไม่เชื่อมั่นกันเหรอว่าที่ตนทำนั้นเพื่ออะไร
“ไม่ไว้ใจกันเลยหรือผมอยู่มาสองปีแล้ว ไม่เห็นผมทำอะไรบ้างหรือไง ไว้ใจคนอื่นหมดทุกคนแต่ไม่ไว้ใจผม” พล.อ.ประยุทธ์ ได้หยิบกระดาษข้อมูลร่อนทิ้งบนเดี้ยม ก่อนกล่าวว่า “ไร้ค่า” พร้อมหยุดแถลงข่าว และเดินออกจากโพเดี้ยม และหันกลับมาบอกว่า “ผมนะ ที่ไร้ค่า”
'บิ๊กป้อม'ขู่เรียกปรับทัศนคติทุกวัน
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่ารัฐธรรมนูญสามารถวิจารณ์ได้ แต่ช่วยวิจารณ์ให้ไพเราะ ใช้วาจาที่ดี อย่าเสียดสี อย่าปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง เมื่อถามว่าจะมีมาตรการอีกหรือไม่ เพราะบางคนโดนเรียกปรับทัศนคติหลายครั้งแต่ยังเหมือนเดิม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถ้าพูดมากก็จะเรียกทุกวัน เพราะขอร้องแล้วว่า ให้ใช้วาจาดีๆ อย่าเสียดสี ทั้งนี้ไม่ได้ปรามใคร เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แล้วแต่คำพูดของคน ไม่เคยพูดว่า วิพากษณ์วิจารณ์ไม่ได้
คสช.ฮึมอย่าปลุกปั่นจนขัดแย้ง
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ที่ผ่านมา คสช.ไม่เคยห้ามวิจารณ์ หรือห้ามแสดงความเห็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ เพียงแต่การให้ความเห็นของบางกลุ่ม หรือบางบุคคลมีลักษณะใช้กริยาวาจารุนแรงผิดธรรมชาติและไม่สร้างสรรค์ บางครั้งมีลักษณะเหมือนปลุกปั่นให้เกิดความเกลียดชัง หรือเกิดขัดแย้ง ซึ่งอาจจะเป็นการทำลายบรรยากาศได้ คสช.อยากให้การแสดงความคิดเห็นใด ๆ อยู่ในกรอบช่องทางที่เหมาะสมและควรใช้คำพูดให้เกียรติรักษาน้ำใจซึ่งกันและกัน
‘มีชัย’พร้อมแจง’สปท.-สนช.’
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศประเทศ (สปท.)และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะประชุมเพื่อซักถามเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญว่า ตนจะชี้แจงสาระสำคัญของร่างเอง ส่วนการตอบคำถามเป็นหน้าที่ของ กรธ.ที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ ขณะนี้เรารับฟังทุกฝ่าย แม้แต่ในโซเชียลมีเดียเราก็ดู ถ้ามีอะไรขาดตกบกพร่องเราจะนำมาเพิ่มเติม ทั้งนี้ ในการประชุมร่วม สปท.และสนช.ได้ตกลงว่า ให้พูดฝ่ายละ 4คน เพราะอยากให้ส่งเป็นเอกสาร
ไม่เสียกำลังใจแม้ถูกถล่มหนัก
ผู้สื่อข่าวถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมาในขณะนี้ทำให้ กรธ.เสียกำลังใจหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ตนไม่เสียกำลังใจ เพราะบางคนพูดตามภาษาโดยไม่ดูเนื้อหา คนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ส่วนกรณี สปท.บางส่วนติงว่า กรธ.จัดเวทีรับฟังความเห็นไม่เข้มข้นเท่าที่ควรนั้น นายมีชัย กล่าวว่า ก็ทำได้เท่านี้ ตอนนี้ก็วิ่งกันจ้าละหวั่นแล้ว กรธ.ได้คุยกับทีมโฆษกรัฐบาลแล้วโดยหารือว่า จะใช้เครื่องมือที่ทีมโฆษกรัฐบาลมีอยู่เพื่อประชาสัมพันธ์เรื่องรัฐธรรมนูญได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจมากขึ้น
สปท.ดันออกมติจี้แก้จุดอ่อน
ขณะที่นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวว่า ในภาพรวมถือว่ามีเนื้อหาดี แต่ยังมีจุดบกพร่องที่ควรปรับปรุง อาทิ การเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสม เรื่องการเลือกตั้งส.ว. เรื่องพรรคการเมือง การเสนอชื่อผู้ที่ดำรงตำแหน่งนายกฯ 3 ชื่อ คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้ง การเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระมากเกินไป กรปิดช่องให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยากในทางปฏิบัติ ซึ่งจุดอ่อนเหล่านี้ทางสปท.จะประชุมในวันที่ 8-9 ก.พ.เพื่อให้ทำเป็นมติสปท.เสนอต่อกรธ.นำไปทบทวนแก้ไขต่อไป
“เชื่อว่า หากกรธ.รับฟังความเห็นและปรับปรุงแก้ไข จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ แต่หากยังยืนยันตามร่างเดิม อาจจะถูกต่อต้านจนไม่ผ่านประชามติได้”นายวันชัย กล่าว
‘มาร์ค’โวยอย่าบีบบังคับให้ผ่าน
ด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวว่า พรรคไม่ได้แทงกั๊กร่างรัฐธรรมนูญฉบับเบื้องต้น แต่อยากให้สังคมทบทวนให้ดีว่า บ้านเมืองเราอยู่จุดไหนและกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญอยู่ขั้นตอนไหน การพยายามบีบให้คนออกมาพูดว่า รับไม่รับ แล้วเกิดการเผชิญหน้ากันนั้น ไม่เป็นผลดีต่อประเทศและสังคมไทย หวังว่าที่สุดการเมืองจะเข้ารูปเข้ารอย คสช.ก็ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาให้สงบเรียบร้อย วางกติการากฐานให้เดินหน้าได้ ดังนั้นทุกคนควรช่วยกันคิดว่า ทำอย่างไรให้ได้รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นที่ยอมรับ เพราะหากรัฐธรรมนูญผ่าน แต่เป็นการผ่านโดยคนมีความรู้สึกว่า มันไม่มีทางเลือก ถูกฝืนใจ หรือไม่รู้เลยว่า ถ้าไม่รับแล้วจะเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายเราจะเสียเวลาอีก
ปชป.ปัดจับมือ’พท.’คว่ำร่าง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า ท่าทีของพรรคชัดเจนมาตลอดว่า จะติดตามและพิจารณาเนื้อหา ขณะนี้ยังเป็นเพียงร่างแรก จึงควรให้ประชาชนได้รับรู้ข้อดีข้อด้อยมีอะไรบ้าง เพื่อร่วมศึกษาและเสนอแนะข้อด้อยเพื่อให้ กรธ.ปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์ จึงไม่ใช่เวลาเห็นด้วยหรือไม่ เพราะยังร่างไม่เสร็จ เมื่อถามว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการ พท.ระบุว่า จะชวน ปชป.จับมือคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายองอาจ กล่าวว่า พรรคยังไม่มีแนวคิดจับมือกับใคร เพราะเป็นแค่ร่างแรก ยังปรับเปลี่ยนให้สมบูรณ์ให้ดีที่สุดได้
พท.จี้เลิกปาหี่-ซ่อนเผด็จการ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การใช้กลยุทธ์ ข่มขู่และหลอกให้ประชาชนยอมรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายมีชัย กำลังเล่นละครว่า จะรับฟังความคิดเห็นประชาชนจากทั่วทุกภาคเพื่อนำมาปรับปรุงแก้ไข ประชาชนที่เคยดูละครน้ำเน่าน่าจะคาดเดาได้ ขออย่าตกเป็นเหยื่อขบวนการพยายามช่วยกันสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ซุกเอาไว้ในรัฐธรรมนูญ อยากฝาก นายมีชัยและกรธ.หยุดเล่นปาหี่ได้แล้ว เดี๋ยวนี้ประชาชนเข้าใจหลักประชาธิปไตยดีมากและพร้อมเลือกผู้จะมาบริหารแทนพวกเขา
ไม่กลัวปราบโกง-อย่า2มาตรฐาน
เช่นเดียวกับ นายนพดล ปัทมะ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคไม่กลัวยาแรง แต่กลัวยาสั่ง ไม่ได้กลัวปราบโกง แต่กลัวการโกงการปราบ คือการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน คนไทยไม่มีสิทธิปฏิเสธการปราบโกง แต่มีสิทธิปฏิเสธการเลือกปฏิบัติไม่เท่าเทียมกัน ที่พรรคเพื่อไทยวิจารณ์รัฐธรรมนูญ เพราะเป็นฉบับที่ลิดรอนสิทธิประชาชน ไม่เป็นประชาธิปไตย ขัดหลักสากลและทำให้ได้รัฐบาลผสมที่อ่อนแอ เขียนแบบปิดตายถาวรแก้ไขไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ
เรียก'ตู่'เข้าค่ายด่าทหารอันธพาล
ก่อนหน้านี้เมื่อ เวลา 12.30น.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้โทรศัพท์มาหาตนโดยระบุว่า ขอเชิญตนมาพูดคุยร่วมกับ พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่1 แต่ไม่ได้บอกว่า เป็นเรื่องใด
แหล่งข่าวจากกองทัพภาคที่ 1 เปิดเผยว่า การเชิญ นายจตุพร มาพูดคุยครั้งนี้ ไม่ได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่1 แต่เป็นการพูดคุยในระดับเจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของกองทัพภาคที่1 เท่านั้น กรณีที่ นายจตุพร ไปกล่าวในรายการทางช่องPEACE TV โดยใช้ข้อความกล่าวหาว่า ทหารเป็นอันธพาลกวนเมือง เจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจ
แดง-พท.ล่องเจ้าพระยาเย้ยคสช.
เย็นวันเดียวกัน ที่ท่าเรือริเวอร์ ซิตี้ สี่พระยา กลุ่ม นปช.ได้จัดกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยา "พีซทัวร์หัวใจผูกพันครั้งที่2"โดยมีแกนนำ นปช.และอดีต สส.พรรคไทยรักไทย มาร่วมงานจำนวนมาก โดย นายจตุพร ให้สัมภาษณ์กรณีแม่ทัพภาค1 เชิญไปพูดคุยว่า ทหารเชิญไปทำความเข้าใจเรื่องถ้อยคำที่ตนพูดในรายการมองไกล โดยเข้าใจผิดว่า ที่ตนพูดนั้นหมายถึงผู้นำ คสช.ตนจึงอธิบายว่า คำพูดดังกล่าวเป็นการพูดของ สปท.คนหนึ่งที่เป็นทนายความ ซึ่งพูดถึงพ.ศ.2559 ไม่ใช่ พ.ศ.2499 ที่อันธพาลครองเมือง เนื้อความมีอยู่เท่านี้ นอกจากนี้ มีการพูดคุยเรื่องรัฐธรรมนูญว่า ช่วงนี้อย่าวิพากษ์วิจารณ์ใดๆกันได้หรือไม่ ตนก็บอกชัดเจนไปว่า ถ้าจะหยุดต้องหยุดทั้งประเทศ ไม่ใช่ปล่อยให้ใครคณะใดมาเหยียบย่ำพวกตน
ปูดแผนตั้งรบ.'กองผ้าป่าอดีตสส.'
ทั้งนี้ นายจตุพร กล่าวในรายการ’มองไกล’ว่า ผู้มีอำนาจรัฐใช้ทฤษฎีตั้งกองผ้าป่าอดีต สส.โดยตระเวนดึงตัวแยกมาตั้งเป็นกองละ10คน เพื่อเตรียมรับเลือกตั้งครั้งใหม่ เมื่อร่างรัฐธรรมผ่านประชามติ พรรคการเมืองใหญ่ๆ จะถูกดึงไปอยู่ในกองผ้าป่าอดีต สส.และแนวคิดนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เตรียมการมานานแล้ว เป้าหมายตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค การรวมกลุ่ม 10คนทำมาเป็นปีแล้ว คิดจะเอาเปรียบและคิดว่าเป็นแนวทางฉลาด แต่ประชาชนรู้ทันว่า การคิดแบบนี้จะถูกคว่ำและพรรคบางพรรคถูกซื้อไปมากแล้ว
ม.เที่ยงคืนออกแถลงการณ์คว่ำร่าง
วันเดียวกันมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการคว่ำร่างร่างรัฐธรรมนูญโดยอ้างว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับอภิชนเป็นใหญ่มีเนื้อหาที่สร้างปัญหาในเชิงหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตย มากกว่าการเป็นส่วนหนึ่งของทางออกแห่งปัญหาที่ผ่านมา อาทิญลดสิทธิและเสรีภาพของประชาชนเมื่อเทียบกับฉบับที่ผ่านมา เสรีภาพทางวิชาการถูกจำกัด ถ้าให้มีผลบังคับใช้ก็จะนำพาสังคมไทยจมดิ่งลึกลงไปในความขัดแย้งที่สลับซับซ้อนและรุนแรงมากขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี