เผยเหตุ‘บิ๊กตู่’ฟิวส์ขาด
กดดันหนัก
ฝากขอโทษสื่อ-ปชช.
ชี้นายกฯรู้สึกเดินโดดเดี่ยว
วอนสื่ออย่าให้พื้นที่อธรรม
‘มีชัย’นำทีมชี้แจงร่างรธน.
สนช.-สปช.ยังคาใจปมร้อน
เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฝากขอโทษต่อสื่อมวลชนและประชาชนจากกรณีให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ตนเชื่อว่านายกฯรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน นายกฯคงมีแรงกดดันมากพอสมควรกับความคาดหวังของประชาชนว่าจะเป็นหัวหอกนำพาประเทศไปในทิศทางส่วนใหญ่ที่สังคมต้องการ
เผยนายกฯเหมือนเดินโดดเดี่ยว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า แต่ตนคิดเอาเองว่านายกฯอาจรู้สึกว่าเมื่อท่านเหลียวไปข้างหลัง ท่านเดินอยู่คนเดียวหรือเปล่า เพราะสังคมไทยส่วนใหญ่จะนิ่ง รอรับฟัง ทำให้คนตั้งใจแก้ไขปัญหารู้สึกอ้างว้างและเดียวดาย จึงอยากเรียกร้องสื่อมวลชน ขอความร่วมมือให้ทำหน้าที่มากกว่าเดิมมากขึ้นอีกหนึ่งขั้น อยากให้ช่วยกรุณาแยกแยะอะไรที่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่ไม่เป็นคุณต่อประเทศ อะไรที่เป็นสิ่งดีงาม อะไรที่อยู่ตรงกันข้ามกับความดีงาม
วอนสื่ออย่าให้พื้นที่ฝ่ายอธรรม
“ถ้าไม่เปิดโอกาสให้สิ่งที่อยู่ตรงข้ามกับความดีงามได้ใช้พื้นที่ของท่านนำเสนอเรื่องราวต่างๆออกไปในสังคม จะทำให้สังคมไม่สับสน ทำให้คนตั้งใจปฏิรูปบ้านเมือง สามารถเดินไปได้ โดยปราศจากความรู้สึกว่าตนเองไปเพียงลำพัง อ้างว้าง เดียวดาย คนเก่งและมีความสามารถในเมืองไทยมีเยอะ แต่คนที่กล้าหาญมีไม่เยอะนัก ผมเชื่อมั่นว่านายกฯเป็นคนที่มีทั้งความสามารถและกล้าหาญ อยากวิงวอนว่าอย่าปล่อยให้คนที่กล้าหาญและคนมีความสามารถต้องเผชิญสิ่งต่างๆโดยลำพัง ประเทศเราจะไม่สามารถก้าวข้ามผ่านวิกฤตินี้ไปได้”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
ขอให้เข้าใจแบกรับภาระเยอะ
เมื่อถามว่า ทำไมนายกฯไม่มาขอโทษเอง พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯมีภารกิจในการต้อนรับ และต้องเข้าใจว่าเรื่องบางเรื่องมนุษย์ปุถุชนต้องมีเวลาในคิด ทบทวน รักษาความบอบช้ำของใจตัวเองบ้าง มั่นใจว่านายกฯไม่สบายใจหรอก ตนจึงขอใช้โอกาสนี้ชี้แจงกับสื่อ ในโอกาสต่อไปเข้าใจว่าบุคลิกนายกฯที่เป็นแบบนี้ อีกไม่นานคงต้องให้ข่าวกับสื่อ
เมื่อถามว่า ท่าทีของนายกฯก็มีลักษณะแบบนี้ตลอดจะมีการปรับเปลี่ยนท่าทีหรือไม่พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ตนตอบแทนท่านไม่ได้ แต่ถ้าคิดถึงใจเขาใจเรา ตนว่าท่านแบกภาระเยอะ ภาระของท่านคือปัญหามากมายในประเทศ ทั้งภัยแล้ง เศรษฐกิจ เป็นต้น ทั้งหมดอยู่บนบ่าของพล.อ.ประยุทธ์ ถ้าวันหนึ่งเรามีภาระแบบนี้เราคงเข้าใจความรู้สึก
รัฐผุดรายการแกะกล่องรธน.ใหม่
ด้าน พ.อ.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้จัดทำรายการ “แกะกล่องรัฐธรรมนูญใหม่” มีกำหนดออกอากาศตั้งแต่วันที่ 3-15 กุมภาพันธ์ จำนวน 12 วัน โดยแบ่งการออกอากาศเป็น 2 ช่วง ในช่วงเวลา 08.00 น. ของทุกวัน และออกอากาศอีกครั้งในเวลา 18.00 น. ต่อจากรายการเดินหน้าประเทศไทย ยกเว้นวันศุกร์ออกอากาศ เฉพาะเวลา 08.00 น. ตอนเดียวเท่านั้น เนื่องจากมีรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ทั้งนี้เป็นการให้ทางกรธ.ชี้แจงรายละเอียดเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ ไล่ไปตามหมวดต่างๆ เน้นเฉพาะประเด็นที่สำคัญๆเท่านั้น
คสช.ซัดตู่สับรธน.บนเรือสำราญ
พ.อ.ปิยะพงษ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการ คสช. กล่าวถึงการเชิญตัวนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ไปปรับทัศนคติว่าเนื่องจากนายจตุพรวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญในลักษณะชักชวนโน้มน้าวให้กลุ่มมวลชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญนั้น จึงมองว่าจะเกิดความไม่เรียบร้อย จึงเชิญมาทำความเข้าใจ ซึ่งนายจตุพรก็ให้ความร่วมือ
“ช่วงที่นายจตุพรลงไปลงเรือกินดื่มกันสำราญในตอนเย็นกว่าจะกลับขึ้นฝั่ง 2-3 ทุ่ม แต่ช่วงเวลานั้นนายมีชัย ฤขุพันธ์ ประธานกรธ.และคณะกรธ.ยังประชุมปรับแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่เลย ดังนั้นอยากชี้ให้เห็นว่าการทำงานของแต่ละฝ่ายแตกต่างกัน เราควรฟังคนที่ทำคุณประโยชน์ในกับประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ใช่ฟังฝ่ายที่โจมตีบนเรือสำราญว่าเนื้อหาร่างไม่ดีไม่งาม อยากให้สื่อ
สื่อช่วยประชาสัมพันธ์มากกว่าจะเขียนโจมตีในแง่ไม่ใช่สาระ”พ.อ.ปิยะพงษ์ กล่าว
“มีชัย”แจงร่างรธน.ต่อสนช.-สปท.
ขณะเดียวกัน เวลา 13.00น.นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้เปิดการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)\เพื่อรับฟังเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกจำนวน 270 มรตราของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ชี้แจงสรุปภาพรวมของร่างรัฐธรรมนูญต่อที่ประชุม
แจงร่างรธน.ยึดกรอบฉบับปี57
ทั้งนี้นายมีชัย แจงในประเด็นหลักคือเรื่องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งยืนยันว่าไม่ได้หายไปเหมือนที่ถูกวิจารณ์แต่เขียนใหม่ให้เป็นตามหลักสากลมากขึ้นว่าคนไทยมีสิทธิเสรีภาพทั้งปวงในทุกเรื่อง ยกเว้นเฉพาะที่จะจำกัดไว้ในกฎหมายเท่านั้น และต้องไม่ไปละเมิดสิทธิเสรีภาพคนอื่น พร้อมกับกำหนดไว้ในหมวดหน้าที่ของรัฐว่า รัฐต้องทำอะไรให้ประชาชนบ้างโดยถ้ารัฐไม่ดำเนินการจะถือว่าเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและมีโทษร้ายแรงถึงขั้นให้ออกจากตำแหน่ง
ยกข้อดีใช้เลือกตั้งใบเดียวกันโกง
ในประเด็นการเลือกตั้งคือกำหนดให้มีสส. 500 คนแบ่งเป็น สส.เขต 350 คน และสส.บัญชีรายชื่อ 150 คน โดยใช้ระบบเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสมนั้น เพราะต้องการให้ทุกเสียงของประชาชนเกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่งเป็นไปตามผลสำรวจของประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางของคณะกรธ. ส่วนการลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว จะทำให้ประชาชนมีกำลังใจออกมาลงคะแนนมากขึ้น เพราะทุกคะแนนไม่ว่าจะเลือกใครก็จะมีผลในทางการเมือง
โยนนายกฯคนนอกขึ้นกับพรรค
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนที่มาของนายกรัฐมนตรี เราคิดว่าการเมืองได้พัฒนามาถึงจุดที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งควรรู้อนาคตของประเทศและการบริหารบ้านเมือง ร่างรัฐธรรมนูญจึงกำหนดให้พรรคการเมืองต้องเสนอรายชื่อบุคคลที่คิดว่าสมควรเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เกิน 3 คนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนปิดรับสมัครเลือกตั้งสส.
“มีคนพูดกันมากว่าแนวทางนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเบื้องต้นพรรคการเมืองจะต้องประชุมพรรคเพื่อสรรหาคนตามวิธีของพรรคการเมือง ซึ่งพรรคการเมืองสามารถกำหนดลงไปในข้อบังคับพรรคได้ว่าคนที่ถูกเสนอชื่อต้องเป็นสส.ได้ ถามว่าทำไมคณะกรธ.ไม่เขียนให้นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสส. คำตอบ คือ ณ วันที่เราให้เขาประกาศชื่อ การเลือกตั้งยังไม่เกิด จะไปบังคับให้ประกาศชื่อคนที่เป็นสส.ได้อย่างไร ดังนั้น เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะตัดสินใจกันเอาเอง”นายมีชัย กล่าว
พรรคเล็กหมดสิทธิ์ชิงเก้าอี้ผู้นำ
และว่าที่สำคัญสภาผู้แทนราษฎรยังคงเป็นฝ่ายทำหน้าที่เลือกนายกรัฐมนตรี โดยจะต้องเลือกจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอให้กับกกต. และเพื่อป้องกันข้อครหาที่ว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองเล็กเพื่อเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี คณะกรธ.จึงได้กำหนดว่าสภาฯจะต้องเลือกบุคคลที่เป็นนายกฯจากพรรคการเมืองที่มีสส.ในสภาฯไม่น้อยกว่า 5% หรือ 25 คน ซึ่งถือว่าเป็นพรรคการเมืองระดับกลาง ไม่ใช่พรรคเล็ก
แจงที่มาสว.ปลดแอกการเมือง
ส่วนที่มาของวุฒิสภาและองค์กรอิสระ นายมีชัย สรุปว่า ในอดีตเคยมีการให้สว.มาจากการเลือกตั้ง และพบว่าผู้สมัครจะต้องไปให้พรรคการเมืองช่วยในการหาเสียงจนมีความผูกพันกัน แม้ว่าในรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้สว.ต้องไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองก็ตาม คณะกรธ.จึงคิดว่าถ้าให้ประชาชนแบ่งกลุ่มกันสมัครและเลือกสว.กันเองภายใต้กลไกป้องกันการทุจริตที่กกต.จะไปกำหนดขึ้นน่าจะมีความเหมาะสม
ยันไม่ได้เพิ่มอำนาจองค์กรอิสระ
นายมีชัย กล่าวอีกว่า ส่วนที่พูดกันว่ากรธ.เพิ่มอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมากขึ้นเหมือนกับยกรัฐธรรมนูญให้กับศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการพูดโดยไม่ได้อ่านและไม่ได้เทียบเคียงในรัฐธรรมนูญพ.ศ2540 อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมี16 เรื่องในรัฐธรรมนูญพ.ศ.2550 มี18 เรื่องในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 17 เรื่อง มีเรื่องเดียวที่ไม่มีในรัฐธรรมนูญก่อนๆ คือการวินิจฉัยการประพฤติที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมขององค์กรอิสระ อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่เคยมีก็มีอยู่เหมือนเดิม เปิดช่องหายใจให้กว้างขึ้นสำหรับในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้นในบ้านเมือง ให้สามารถหาข้อยุติได้
อ้อนพร้อมฟังกัลยาณมิตรปรับแก้
“กรธ.ทั้ง 21 คน เราได้ระดมสติปัญญาทำในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดเป็นประโยชน์กับประเทศ และเป็นประโยชน์กับประชาชนในระยะยาว ใครเสนออะไรมา ถ้าสะกิดใจ เราก็มาดูแล้วก็แก้ไข ซึ่งเราดูแม้แต่ในเฟซบุ๊กแต่ละคน การมารับฟังความเห็นในครั้งนี้หวังว่าจะได้ฟังความคิดเห็นจากทั้งสองสภา สิ่งใดที่ขาดตกบกพร่อง กรธ.ก็พร้อมที่จะนำไปแก้ไขเราก็หวังว่าจะได้รับฟังจากกัลยาณมิตร”นายมีชัย กล่าวทิ้งท้าย
ตัวแทนสนช.รุมซักฟอกปมร้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นตัวแทนสมาชิกสนช.จำนวน 7 คน อาทิ น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายสมชาย แสวงการ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม และนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่วนใหญ่ถามในประเด็นร้อนๆที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งการให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว การแยกศาลรัฐธรรมนูญออกจากหมวดศาล รวมถึงอายุของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่กำหนดเพิ่มขึ้นเป็น 75 ปีบริบูรณ์ ที่มานายกฯ และที่มาส.ว.ที่ให้เลือกกันเองที่อาจทำให้มีการฮั้วกันได้
สปท.คาใจที่มานายกฯคนนอก
ทางด้านตัวแทนสมาชิกสปท. จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ นางนินนาท ชลิตานนท์ และนายเสรี สุวรรณภานนท์ โดยตั้งคำถามเรื่อง
บัตรเลือกตั้งใบเดียวจะเปิดโอกาสให้เกิดการซื้อเสียงหนักขึ้นหรือไม่ การแบ่งเขตและประเภทส.ส.จะแก้ปัญหาทุจริตการเลือกตั้งได้อย่างไร นายกฯให้คนนอก และประเด็นสิทธิ เสรีภาพ ของปวงชนชาวไทย ที่เนื้อหาบางส่วนไปอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐ
กมธ.ชี้แจงยืนกรานข้อดีของร่าง
ต่อมานายสุพจน์ ไข่มุกด์ รองประธานกรธ. ได้ชี้แจงเรื่องการแยกศาลรัฐธรรมนูญออกจากหมวดศาลเพื่อให้มีอำนาจหน้าที่เด่นชัดและกระชับขึ้น ส่วนส่วนการเพิ่มอายุตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจากเดิม 70 ปี เป็น 75 ปี เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ตุลาการศาลปกครองสูงสุด และศาลฎีกา เข้ามารับการสรรหาด้วย ขณะที่นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ. ยืนยันข้อดีของการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเพื่อง่ายต่อการลงคะแนน ป้องกันบัตรเสีย และเชื่อมั่นการเลือกสว.ทางอ้อมจะฮั้วยากเพราะระบบการคัดเลือกมี3 ระดับ คืออำเภอ จังหวัด และส่วนกลาง
ทั้งนี้หลังจากที่ กรธ. ได้ตอบคำถามต่อสมาชิกแล้ว จึงได้เลิกประชุมเมื่อเวลา 15.12น. หลังจากนี้สนช.นัดประชุมเพื่อพิจารณาเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญในวันศุกร์ที่ 5กุมภาพันธ์ ขณะที่
พท.ถล่มรายวันไม่ปล่อยให้ผ่าน
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพท. กล่าวว่า ใครจะพูดเอาหล่อหรือใครจะบอกว่าเร็วเกินไปที่จะค้านก็บอกไป แต่พรรคพท.เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ปล่อยให้ผ่านไม่ได้จริงๆ ไม่จำเป็นต้องแทงกั๊ก เล่นการเมืองหลายหน้า เพราะพรรคพท.ทำงานการเมืองตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะก่อให้เกิดปัญหาให้กับประเทศ จึงไม่มีเหตุอะไรที่จะรีรอ หรือไม่รีบบอกประชาชน
ส่วนนายนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคพท. กล่าวว่าจะเสนอทีมติดตามร่างรัฐธรรมนูญของพรรคส่งข้อเสนอแนะในการปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามกำหนดของ กรธ.ภายในวันที่ 15 ก.พ. ส่วน กรธ.จะปรับแก้หรือไม่ ถือว่าพรรคได้ทำหน้าที่สมบูรณ์แล้ว เพื่อรักษาประโยชน์ของประชาชนที่ต้องการเห็นรัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนอย่างแท้จริง
ญาติวีรชนฯจี้มีชัยทบทวนร่าง
ส่วนที่รัฐสภา คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานญาติวีรชน เข้ายื่นหนังสือถึง นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ผ่านนายฐิติพันธุ์ เชื้อบุญชัย กรธ.และประธานอนุกรรมการรับฟังและสรุปความคิดเห็น เพื่อขอให้ทบทวนร่างรัฐธรรมนูญฉบับเบื้องต้นเนื่องจากมีภาพรวมของการสืบทอดอำนาจ เปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีจากคนนอก ถือเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ซึ่งมีตัวอย่างจากเหตุการณ์เมื่อปี 2535
คุก3ปีกกต.แก้ข้อมูลลงสมัครสส.
วันเดียวกัน ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อายุ 76 ปี อดีต รมว.กลาโหมและกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย,นายอมรวิทย์ สุวรรณผล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาระบบบริหารฐานข้อมูลพรรคการเมือง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) , นายชวการ หรือ กรกฤต โตสวัสดิ์ อดีตสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย,นายสุขสันต์ หรือ จตุชัย ชัยเทศ อดีต ผอ.การเลือกตั้งพรรคพัฒนาชาติไทย และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ อดีตหัวหน้าพรรคพัฒนาชาติไทย เป็นจำเลยที่1-5 ในความผิดฐานกระทำผิดตาม พรบ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา6และ11 โดยศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาศาลอุทรณ์ ให้ จำเลยที่2 เป็นเวลา 3ปี 4เดือน ส่วนจำเลยที่3-5 เห็นควรแก้โทษจำคุก คนละ 2ปี โดยไม่รอลงอาญา และพิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่1 อย่างไรก็ตาม นายชวการ จำเลยที่3และนายสุขสันต์ จำเลยที่ 4 ได้หนีคดีไปก่อนหน้านี้ จึงให้ออกหมายจับมารับโทษตามกฎหมาย
สำหรับพฤติการแห่งคดี เมื่อปี2549 มีการว่าจ้างเจ้าหน้า ที่ กกต.ให้แก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย ที่ไม่มีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง เพราะเป็นสมาชิกไม่ครบ 90วัน โดยแก้ให้ลงเลือกตั้งได้ คำฟ้องของโจทก์มีหลักฐานชัด โดยเฉพาะจำเลยที่2-5 จึงทำไปสู่การฟ้องคดีดังกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี