‘กอบกาญจน์’เต้นสั่งสอบ
ถลุง2ล.รับบิ๊กตู่
ก.ท่องเที่ยวฯจัดหนักแต่งสถานที่
ประชุมแค่4ชม.-ปลัดโบ้ยไม่รู้เรื่อง
ภาคปชช.ร้องอ้างบิ๊กป้อมรีดหัวคิว
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางไปเป็นประธานในการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 2/2559 ที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งมีขึ้นท่ามกลางกระแสข่าวมีการใช้งบประมาณตกแต่งและจัดการสถานที่ เพื่อต้อนรับการเดินทางมาประชุมของนายกรัฐมนตรีสูงมากถึง 2 ล้านบาท ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า เป็นการใช้งบประมาณโดยสิ้นเปลือง เนื่องจากเป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยราชการตามปกติ และใช้เวลาประชุมเพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น
“ท่องเที่ยว”จ่าย2ล.รับนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบสถานที่จัดการประชุมภายในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปรากฏว่า มีการจัดดอกไม้และฉากหลังเป็นภาพสะท้อนประเพณีไทยอย่างสวยงาม ขณะที่ มีข้าราชการในกระทรวงท่องเที่ยวฯ ได้ชี้แจงกับผู้สื่อข่าวว่าการประชุมครั้งนี้ ใช้งบประมาณ 1.8 ล้านบาท อย่างไรก็ตามมีข้าราชการบางรายอ้างว่า เห็นเอกสารในการประชุมเพื่อจัดเตรียมการระบุว่า มีการใช้งบประมาณถึง 2.1 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ได้เตรียมที่จะสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวจากนายกรัฐมนตรี แต่ปรากฏว่า หลังเสร็จสิ้นการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีท่าทีมึนตึงกับผู้สื่อข่าวและงดการให้สัมภาษณ์มาเป็นเวลาหลายวัน ได้เดินทางกลับทำเนียบรัฐบาลทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ใดๆ พร้อมทั้งมอบหมายให้ นายวิสูตร ประสิทธิ์ศริวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เป็นผู้แถลงสรุปผลการประชุมแทน
“กอบกาญจน์”เต้นสั่งสอบถลุงงบฯ
ขณะที่ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงฯ เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวง ที่นายกฯ เป็นประธาน ที่มีการใช้งบประมาณในการจัดจ้างออแกไนซ์ ทั้งงานประมาณ 2 ล้านบาทนั้น เรื่องนี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลว่างบประมาณที่จัดงานต้อนรับหัวหน้าส่วนราชการวงเงินเท่าไหร่ เรื่องนี้ต้องตรวจสอบก่อน เพราะส่วนตัวยังไม่เห็นเอกสารการเซ็นงบประมาณ จัดซื้อจัดจ้าง เป็นงานที่ผู้บริหารในส่วนราชการเป็นคนจัดการ แต่ยืนยันจะตรวจสอบในเรื่องนี้แน่นอน
ปลัดท่องเที่ยวฯโบ้ยไม่รู้เรื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อนำกรณีดังกล่าวไปสอบถามจาก นายพงษ์ภาณุ เศวตรุณทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ว่า รู้เรื่องงบประมาณที่ใช้จัดสถานที่หรือไม่ ซึ่ง นายพงษ์ภาณุ เมื่อได้ยินคำถามก็มีสีหน้าเครียด และตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า ยังไม่ได้รับรายงาน แต่งบประมาณในการจัดงานต้อนรับไม่น่าจะสูงอย่างที่พูดกัน จากนั้นได้เดินหนีออกไปทันที
เผยบิ๊กตู่สั่งขรก.ช่วยแจงรธน.
ส่วนผลการประชุมหัวหน้าส่วนราชการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานนั้น นายวิสูตร ประสิทธิ์ศริวงค์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ในฐานะเลขานุการการประชุม ได้แถลงว่า พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในที่ประชุมถึงการประเมินข้าราชการ 60 ตำแหน่งว่า เป็นเรื่องที่ทำเพื่อปกป้องข้าราชการ คือต้องมีระบบประเมินที่ชัดเจน ต้องดูที่ผลงานเพื่อจะนำมาใช้ในการแต่งตั้ง พร้อมทั้งสั่งการให้ข้าราชการทุกกระทรวงไปชี้แจงในเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญ ที่รายละเอียดยังคงไม่นิ่ง แต่จะยังคงเดินไปตามแผนปฏิรูป และยืนยันว่าจะมีการเลือกตั้งในปี 2560
ขยับแก้ปัญหาแท็กซี่ไม่รับคน
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามถึงการทำงานของแต่ละกระทรวงว่ามีข้อขัดข้อง และแนวทางแก้ไขปัญหา โดยนายกฯ สนใจในเรื่องปัญหาแท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร ซึ่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รายงานว่าขณะนี้มีแท็กซี่ทั้งหมด 130,000 คัน ซึ่งได้กำหนดแนวทางแก้ปัญหาไว้แล้วว่าจะให้ผู้บัญชาการแต่ละหน่วยหรือแต่ละจังหวัดที่มีผู้ประกอบการแท็กซี่มาพูดคุย โดยจะประเมินผลภายใน 15 วัน จากนั้นจะเริ่มบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
แก้ปมแฟลตดินแดง-คลองลาดพร้าว
ขณะเดียวกันที่ประชุมได้หารือถึงกรณีแฟลตดินแดง ซึ่งเป็นปัญหามานานทำให้ผู้ที่คิดว่าจะเสียผลประโยชน์ออกมาคัดค้าน โดยในประเด็นที่เห็นต่างกัน คือเรื่องขนาดพื้นที่ที่เรียกร้องให้จัดสรรห้องละ 42 ตรม. แต่เจ้าหน้าที่สามารถจัดสรรได้ตามเกณฑ์มาตราฐาน 33 ตรม. นายกฯจึงให้มีการหารือร่วมกับวิศวกรรมสถาน หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ให้ตอบรับกับการอยู่อาศัยได้ และขอให้เจ้าหน้าที่ทำความเข้าใจ รวมถึงจัดลำดับให้กับผู้ที่ยอมรับหลักเกณฑ์ได้ก่อน โดยแบ่งให้เฟสแรกกับกลุ่มคนที่ไม่มีปัญหา เพื่อให้มีการเริ่มดำเนินการได้ ส่วนปัญหาคลองลาดพร้าว ในช่วงกลางเดือนนี้ จะเริ่มดำเนินการได้ในระยะ 6-8 กม. และย้ายคนออกจากพื้นที่ประมาณ 1,000 ครอบครัว จากทั้งหมด 1,400 ครอบครัว
สรุปแนวทางปฏิรูปตร.ในเดือนนี้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อไป สำหรับการปฏิรูปตำรวจ นายกฯ เห็นว่าจะนำแนวทางที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. เคยกำหนดร่วมกับแนวคิดของสภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเตรียมการแล้วบางส่วน แล้วจะประชุมสรุปผล และรายงานต่อนายกฯ ให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ นี้
เน้นวิจัยนวัตกรรมช่วยเกษตรกร
สำหรับในเรื่องของการวิจัยต่างๆ นายกฯให้แนวทางว่าควรจะเน้นการวิจัยพัฒนานวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเกษตร และผลผลิตทางการเกษตร เพื่อตอบรับ และสอดคล้องกับภารกิจของรัฐบาลก่อน เช่นเรื่องยางพารา
สั่งเฝ้าระวังไวรัส“เมอร์ส-ซิก้า”
สำหรับเรื่องของโรคระบาด ซึ่งขณะนี้มี 2 ชนิด คือโรคเมอร์ส และเชื้อไวรัสซิก้า ซึ่งในส่วนของโรคเมอร์สนั้น มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด รวมถึงมีการตรวจกลุ่มเสี่ยงจำนวน 42 คน ซึ่งต้องใช้เวลา หากไม่พบเชื้อก็จะปล่อยกลับ ขณะที่ไวรัสซิก้า ที่มียุงลายเป็นพาหะก็สั่งการให้รณรงค์ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายให้ได้ และสร้างความเข้าใจให้กับประชาชน
กำหนดกรอบใช้ทุนนศ.แพทย์
นอกจากนี้ นายกฯ ยังกล่าวถึงปัญหาการใช้ทุนการศึกษาของแพทย์ว่า จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดให้ชัดเจนว่าจะให้กลับมาใช้ทุนในพื้นที่ใด เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน และป้องกันนักศึกษาออกจากระบบ เพราะแม้จะมีการกำหนดระยะเวลาการทำงานใช้ทุน หรือให้ชดใช้เป็นจำนวนเงิน ซึ่งถือว่าไม่คุ้มค่าเพราะไม่สามารถผลิตบุคลากรทางการแพทย์ได้ทัน
เร่งทยอยจ่ายงบตำบลละ5ล.
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังมีการติดตามโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท ทางปลัดกระทรวงมหาดไทยรายงานว่ามีการอนุมัติงบประมาณไปแล้ว 2.3 พันล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6-7 แต่คาดว่าในเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถอนุมัติงบประมาณได้ 1.5 หมื่นล้านบาท และให้มีการอนุมัติได้ทั้งหมดภายในเดือนมีนาคม ซึ่งความล่าช้าเกิดจากระบบคอมพิวเตอร์และจำนวนบุคลากร ส่วนปัญหาภัยแล้ง ให้ทุกหน่วยงานลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนมากขึ้น เพราะไม่อยากบังคับใช้กฎหมายกับเกษตรกร
วอนคนไทยศึกษาร่างรธน.
ทั้งนี้ พล.ต.สรรเสริญ เปิดเผยด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวในที่ประชุมถึงเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ว่า อยากให้คนไทยศึกษาร่างรัฐธรรมนูญให้ละเอียด อยากให้อ่านและทำความเข้าใจร่างรัฐธรรมนูญให้มากขึ้น เพราะคนไทยมีนิสัยชอบฟังและดูมากกว่าชอบอ่าน ซึ่งการฟังมักจะได้ยินแต่คำวิพากษ์วิจารณ์จากแวดวงการเมือง ไม่ฟังจากต้นทาง ดังนั้นทุกคนควรรู้ว่าอะไรในร่างรัฐธรรมนูญที่เหมือนเดิมหรือแตกต่าง และส่วนที่แตกต่างจากเดิมนั้น แก้ไขปัญหาที่ผ่านมาได้อย่างไร การปฏิรูปต้องมีการเปลี่ยนแปลง หากจะเอาแบบเดิมมาใช้แล้วจะนำไปสู่การปฏิรูปได้อย่างไร รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่วิพากษ์วิจารณ์กัน หากใครเปิดประเด็นก็ต้องตอบคำถามให้สังคมได้รับรู้ด้วยว่าดีหรือไม่ดี มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร รวมถึงภาคส่วนต่างๆ ต้องร่วมกันเอาข้อมูลเรื่องร่างรัฐธรรมนูญให้เข้าถึงประชาชนให้มากขึ้น
โวยอ้างบิ๊กป้อมเรียกผลประโยชน์
วันเดียวกัน ที่ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น นำโดย นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มฯ ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อขอให้ตรวจสอบ กรณีมีบุคคลแอบอ้าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ในการเรียกรับผลประโยชน์ และเก็บค่าหัวคิวโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก
เรียกเก็บหัวคิวผู้รับเหมา40-50%
โดยนายวิวัฒน์ กล่าวว่า องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นผู้รับจ้าง เกี่ยวกับการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำ งานขุดลอกคูคลอง โดยไม่ต้องมีการประกวดราคา และได้มีกลุ่มบุคคลที่แอบอ้างว่ามีความใกล้ชิดกับ พล.อ.ประวิตร ใช้ชื่อว่า “กลุ่มคุณนาย อ.” และ “สจ.ผู้กว้างขวางในสุพรรณบุรี” ไปเรียกเก็บค่าหัวคิวกับกลุ่มผู้ประกอบการและผู้รับเหมาโครงการที่รับงานต่อจากองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกทั่วประเทศ ร้อยละ 40-50 จากทุกโครงการ โดยเก็บค่าจองโครงการล่วงหน้าร้อยละ 10-15 ส่วนที่เหลือต้องจ่ายให้ครบในวันที่เซ็นสัญญารับงาน คาดว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวน่าจะเรียกรับเงินไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท โดยพิจารณาจากการเรียกเก็บล่วงหน้าร้อยละ 15 ของโครงการ เทียบกับงบประมาณประจำปี 2558 จำนวน 8 พันล้านบาท
เตรียมยื่นสตง.สอบ2ประเด็น
นายวิวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากนี้ ตนจะยื่นเรื่องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) เพื่อตรวจสอบกรณีที่ คสช. ให้สิทธิพิเศษกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ในการเป็นคู่สัญญาโดยไม่มีการประกวดราคา รวมถึงกรณีที่มีบุคคลแอบอ้างชื่อรองนายกฯในการเรียกรับผลประโยชน์ภายในเดือน ก.พ.นี้อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี