8 ก.พ. 59 นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 ได้กล่าวถึงโครงสร้างและการจัดหมวดหมู่ ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ว่าดูแล้วคล้ายๆ วิทยานิพนธ์ตัดแปะมากกว่า เพราะไม่มีการ ไล่เรียงและจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังให้สอดคล้องต้องกัน ไม่ได้จัดความเชื่อมโยงและสัมพันธ์กัน ระหว่างพระมหากษัตริย์ ประชาชน รัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาลให้เป็นจุดเชื่อมโยงศูนย์อำนาจ แต่กลับพยายามผุดศูนย์อำนาจขึ้นหลายแห่งในร่างรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน ซึ่งทำให้ความหมายของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเลอะเลือนไปจน กลายเป็นว่าอำนาจอธิปไตยไม่ได้มีแค่สาม แต่มีสี่หรือห้าหรือหกด้วยซ้ำไป โดยยกเอาองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญซึ่งล้วนมาจากการแต่งตั้งขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งการตรวจสอบในรัฐธรรมนูญ
นายคณิน กล่าวว่า โครงสร้างทางอำนาจระหว่างฝ่ายประจำ เมื่อประสานเข้ากับองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้ง ส.ว. 200 คน ซึ่งมาจากการแต่งตั้งและนายกฯคนนอก กับฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งไร้สมดุล จนอาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้รัฐนาวาของประเทศล่มลงได้ง่ายๆ อำนาจของประชาชนที่จะแสดงออกหรือมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการประเทศเลือนราง เพราะถูกรวบไปอยู่ในมือของระบบศาล องค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งนายกฯ และ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง อำนาจของประชาชนที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ก็แค่ไปกาบัตรใบเดียวเพื่อเลือก ส.ส. เขต 350 คนส่วน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ 150 คน ประชาชนไม่ได้เลือก เพราะคะแนนถูกนำไปเฉลี่ยแบ่งให้กับพรรคที่แพ้เลือกตั้งจาก 350 เขต พอถึงเวลาที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติหรือทางตัน แทนที่จะคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสิน หรือให้รัฐสภาแก้ไขรัฐธรรมนูญ กลับรวบอำนาจนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ซึ่งก็ทำโดยวิธีล้มรัฐบาลเสียทั้งคณะแล้วให้ปลัดกระทรวงรักษาการ
“ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ นอกจากจะยกฐานะองค์กรอิสระขึ้นเป็นหมวดแล้ว ยังยกฐานะองค์กรอัยการ และการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขึ้นเป็นอีก 2 หมวดอีกด้วย ที่น่าสังเกตก็คือ ในหมวดองค์กรอัยการมีบทบัญญัติเพียงมาตราเดียว ไม่รู้ทำอย่างนี้เพื่ออะไร หรือเอาใจใคร เพราะกลายเป็นว่าเฉพาะเรื่องกระบวนการยุติธรรม มีทั้งหมวดศาลและหมวดองค์กรอัยการ ถ้างั้นเอาตำรวจ ไปไว้ที่ไหนทำไมไม่กล่าวถึงหรือยกขึ้นเป็นหมวดกับเขาด้วย มิหนำซ้ำศาลรัฐธรรมนูญก็ถูกยกขึ้น เป็นหมวด ก็เลยกลายเป็นว่าหมวดที่เกี่ยวกับศาลมี 2 หมวด ซึ่งไม่มีที่ไหนในโลกเค้าทำกัน เรียกว่าสับสนปนเปไปหมด อย่างที่บอกว่ามันคล้ายกับวิทยานิพนธ์ตัดแปะนั่นแหละ” นายคณิน กล่าว
นายคณิน กล่าวต่อว่า องค์กรวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กรธ. ต้องเอาให้แน่ว่า จะให้เป็นศาลหรือเป็นคณะตุลาการ ถ้าเป็นคณะตุลาการ ต้องเอาไปไว้ในหมวดรัฐสภา ถ้าเป็นศาลก็ต้องเอาไปไว้ในหมวดศาล ไม่ใช่ยกขึ้นมาเป็นหมวดหนึ่งต่างหากซึ่งทำให้ศาลในประเทศไทยอยู่ในรัฐธรรมนูญ 2 หมวด ซึ่งดูแล้วพิลึก ตนขอเสนอให้ยกเลิกหมวดองค์กรอิสระและหมวดการขัดกันแห่งผลประโยชน์ แล้วไปตั้งเป็นหมวดการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐเพียงหมวดเดียว ส่วนหมวดองค์กรอัยการนั้นก็ยกเลิกไป แล้วไปรวมกับกิจการตำรวจในหมวดศาลและกระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เป็นหลักประกันความยุติธรรมและความสะดวกรวดเร็วในกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกัน จะได้มีการตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกันในระหว่างกระบวนการยุติธรรมทั้ง 3 ชั้นด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี