ไม่ฟังนักโทษหนีคดี
คสช.ฉะแม้ว
ตบปากวิจารณ์รธน.
สปท.รุมสับปมที่มาสส.-สว.
ให้ศาลรธน.มีอำนาจล้นฟ้า
มีชัยปรี๊ดแตกพวกบิดเบือน
เตรียมถกกรธ.หาช่องเอาผิด
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ มีการประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ซึ่งเปิดให้สมาชิก สปท.อภิปรายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นเป็นวันแรกโดย ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสปท.แจ้งต่อที่ประชุมว่า ได้แบ่งเวลาอภิปรายให้กรรมาธิการด้านการเมือง 2 ชั่วโมง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน 1 ชั่วโมง 30 นาที ขณะที่กรรมาธิการที่เหลือทั้งหมดมีเวลาอภิปรายคณะละ 1 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิก สปท.ส่วนใหญ่ท้วงติงเรื่องใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือระบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่อาจทุจริตมากขึ้นและคะแนนที่ออกมาไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของผู้มาใช้สิทธิ เรื่องการเลือกตั้ง สว.ทางอ้อม จาก 20กลุ่มอาชีพ จะเกิดปัญหาบล็อกโหวจึงควรใช้วิธีสรรหาทั้งหมด เรื่องการให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป และเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำได้ยาก จนอาจเกิดวิกฤตในอนาคต
‘เสรี’หวั่นสว.ถูกบล็อกโหวต
จากนั้น นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง อภิปรายว่า มีหลายเรื่องในร่างที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า สิ่งที่กรธ.เสนอมาจะแก้ปัญหาประเทศได้จริงหรือไม่ ทั้งที่มาของสส.กำหนดให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ทำให้พรรคที่ส่งสส.เขตไม่ครบทุกพื้นที่จะได้คะแนนสส.บัญชีรายชื่อยาก ส่วนการเลือกตั้งสว.ทางอ้อมจาก 20กลุ่มอาชีพ จะเกิดการบล็อกโหวตได้ง่าย ถ้าอยากได้ส.ว.ที่มีประโยชน์ต่อประเทศ ควรมาจากการสรรหาทั้งหมด นอกจากนี้ ส่วนตัวอยากเสนอว่า การเลือกตั้งสส.วาระแรก ควรมีวาระแค่ 2ปี พอครบ 2ปี ก็มาเลือกกันใหม่เพื่อดูว่า วิธีแก้ทุจริตที่วางไว้ใช้ได้ผลหรือไม่
‘คำนูณ’สงสัยตั้งนายกฯในกี่วัน
ขณะที่ นายคำนูณ สิทธิสมาน สปท.กล่าวว่า ระบบบัตรเลือกตั้งใบเดียวจะตัดเส้นทางพรรคเล็กและพรรคทางเลือกใหม่ อีกทั้งการให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกฯล่วงหน้า 3 คน เป็นจุดอ่อน หากเกิดกรณีที่บริหารประเทศไป 1ปี แล้วต้องเปลี่ยนตัวนายกฯเช่น ตาย ลาออก กระบวนการเลือกนายกฯใหม่ตามร่างรัฐธรรมนูญระบุว่า ให้นำกระบวนการเดิมมาใช้คือ ต้องเอารายชื่อที่พรรคการเมืองเสนอไว้ตอนแรกมาเป็นอีก ทั้งที่สถานการณ์ช่วงนั้นอาจเปลี่ยนไปแล้ว ทำไมต้องผูกพันรายชื่อเดิมที่ถูกเสนอไว้มาเป็นอีก มองไม่เห็นว่า การเลือกนายกฯระบบนี้ มีความเหมาะสมแค่ไหนและร่างฉบับนี้ไม่ได้กำหนดว่า หลังเปิดประชุมสภานัดแรกแล้ว จะต้องเลือกนายกฯภายในกี่วันต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับเดิมที่ให้เปิดประชุมสภาฯเพื่อเลือกนายกฯภายใน 30วัน นับจากวันเปิดประชุมสภาฯนัดแรก เหตุใดไม่กำหนดเวลาเลือกนายกฯให้ชัดเจน
‘วิทยา’แนะเลือกตามสัดส่วนปชช.
ขณะที่ นายวิทยา แก้วภราดัย อภิปรายเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง โดยเสนอว่า ควรกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญปี40 ที่ประชาชนสามารถเลือกผู้แทนในเขตได้ตามสัดส่วนประชากร ไม่ต้องเสียดายคะแนนตกน้ำและไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง สว.ทางอ้อมจาก 20กลุ่มอาชีพ แต่ สว.ควรมีที่มาที่รองรับกับภารกิจและมาจากทุกกลุ่มอาชีพ
‘วันชัย’หนุนปราบหมาขี้เรื้อน
นายวันชัย สอนศิริ อภิปรายว่า เท่าที่ตนได้อ่านรัฐธรรมนูญ 270 มาตรา บอกได้ตรงๆ เลยว่า โดนใจ ถ้าจะให้คะแนน ตนให้ 85คะแนน มีเพียงบางเรื่องที่จะต้องแลกเปลี่ยนหรือทำความเข้าใจเพื่อทบทวนอีกครั้ง ตนขอหยิบคำพูดคนที่กล่าวหา ซึ่งบางคนหาว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับหมาขี้เรื้อน หรือฉบับห่วยแตก แต่ตนคิดว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ปราบคนห่วยแตกและปราบหมาขี้เรื้อน
“ส่วนมาตรา93 (ลักษณะต้องห้ามไม่ให้สมัคร สส.) บอกตรงๆว่า ถึงใจพระเดชพระคุณจริงๆ การลงโทษที่เป็นยาแรงเพื่อป้องกันคนประวัติไม่ดีหลุดออกไปในระดับหนึ่ง แต่มีข้อสังเกตว่า คนที่เคยถูกถอดถอนหรือถูกศาลพิพากษาให้พ้นตำแหน่ง ทำไมไม่เขียนไว้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับอื่นเขียนไว้ แต่ร่างฉบับนี้ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระมีอำนาจที่ไม่ธรรมดา กรรมการสรรหาชุดนี้เป็นชุดถาวร ตนไม่เห็นด้วยและควรปรับเปลี่ยน” นายวันชัย กล่าว
‘วิทยา’ชงเลือกสส.เขตใหญ่3คน
นายวิทยา แก้วภราดัย อภิปรายว่า การที่ กรธ.ออกแบบระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่มีวิธีการใช้บัตรใบเดียว โดยให้คะแนนทุกคะแนนมีความหมายมองว่า จะนำคะแนนคนแพ้ในเขตไปให้ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ซึ่งไม่ยุติธรรมต่อผู้สมัครในเขต ดังนั้นขอให้มี สส.ระบบเดียวคือ ระบบเขต แต่ให้มีเขตใหญ่ขึ้น โดยให้มี สส.ในเขต 3คน เพราะแม้ว่า จะได้ สส.จากการซื้อเสียง 2คน แต่จะได้คนดีมาเขต 1คน อีกทั้งคำว่าคะแนนตกน้ำนั้น เป็นเพียงวาทกรรมที่เอื้อประโยชน์ให้คนบางกลุ่มเท่านั้น ส่วนหน้าที่ สว.นั้น ตนขอให้มีเพียงแค่หน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ที่มา สว.มีความปลอดโปร่ง
‘สมพงษ์’งงศาลรธน.ปลดครม.
นายสมพงษ์ สระกวี อภิปรายว่า ตนเห็นว่า บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญนั้นมอบอำนาจให้กับศาลรัฐธรรมนูญเป็นอย่างมาก โดยสามารถถอดถอนตัวแทนปวงชนชาวไทยได้ง่ายและหากคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทำผิดขั้นตอนของกฎหมายงบประมาณที่มีเนื้อหาจำนวนมากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถให้พ้นตำแหน่งได้ โดยให้มีผลทันทีหลังจากวินิจฉัย ซึ่งถือเป็นการใช้อำนาจขัดกับหลักอำนาจของปวงชนชาวไทย
‘นิกร’เปรียบค่ายกล7ดาวแก้ยาก
ด้าน นายนิกร จำนง อภิปรายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาแก้ยากและกลายเป็นปัญหาในอดีต แต่ร่างรัฐธรรมนูญปัจจุบันตามกลไกแล้วแก้ไม่ได้ เหมือนเป็นค่ายกล 7ดาว เป็นดาบสองคมในมาตรา 253 ที่การแก้จะต้องใช้เสียง สว.2ใน3 ซึ่งจะแก้ไม่ได้ เพราะ สว.เพียง1ใน3ไม่เห็นด้วย หรือหากใช้เสียง สส.ต้องใช้เสียงของทุกพรรคที่มีเสียงเกิน10% ที่เห็นด้วย หากมีพรรคเดียวไม่เห็นด้วยก็แก้ไม่ได้
เตรียมสรุปประเด็นส่งกรธ.แก้ไข
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.กล่าวหลังหารือกับ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคาตะ ประธาน สปท.ว่า หลังอภิปรายเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเสร็จช่วงเย็นวันที่ 9กุมภาพันธ์ จะนำประเด็นต่างๆที่รวบรวมความเห็นมาเสนอให้ที่ประชุมลงมติเพื่อให้เป็นข้อสรุปก่อนส่งให้ กรธ.พิจารณาปรับแก้ต่อไป
‘มีชัย’ขู่เล่นงานโซเชียลบิดเบือน
วันเดียวกัน นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.กล่าวถึงกรณีเพจ’หยุดดัดจริตประเทศไทย’ในโซเชียลมีเดียสร้างข้อมูลบิดเบือนเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญว่า เป็นการกระทำของพรรคการเมืองบางพรรค ตนจะนำเอาเรื่องนี้เข้าหารือกับที่ประชุม กรธ.ว่า ต้องให้ ครม.ดำเนินการอย่างไรกับกลุ่มที่พยายามบิดเบือนให้สังคมเข้าใจผิด แต่คงไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นและไม่ถึงขั้นต้องใช้กฎหมายมาควบคุม ส่วนการเพิ่มหมวดปฏิรูปในร่างรัฐธรรมนูญนั้น หากมีความจำเป็นต้องเพิ่มก็ไม่มีปัญหาอะไร
‘วิษณุ’ไม่สนใจแม้วด่ารธน.ห่วย
ด้าน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญด้วยถ้อยคำรุนแรงว่า เป็นรัฐธรรมนูญห่วยแตก ล้าหลังกว่าประเทศเพื่อนบ้านว่า “ผมรับทราบเรื่องดังกล่าวและไม่ได้ว่าอะไร เห็นเขาบอกว่า จะเลือกตั้งในเร็วๆนี้ด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ยังยืนยันว่าการเลือกตั้งยังเกิดขึ้นตามโรดแมปที่รัฐบาลวางไว้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ยังเป็นไปตามโรดแมป ส่วนกรณีมีข่าวว่า นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า อาจเลื่อนโรดแมปออกไปอีก 3เดือนนั้น รองนายกฯ กล่าวว่า ยืนยันว่าอย่างไรก็เลือกตั้งในปี60 แน่นอน
คสช.เย้ยใครจะฟังเสียงนักโทษ
พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการให้นักศึกษาวิชาทหารทำความเข้าใจประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ว่า นโยบาย รด.จิตอาสาเป็นโครงการที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนตุลาคม2558 มีการจัดตั้ง ฝึกอบรมให้ความรู้ มีการดำเนินการ ให้ติดตามผล โดยภารกิจหลักมี 5กลุ่มงาน คือ 1.เชิดชูสภาบันพระมหากษัตริย์ 2.การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ตามขีดความสามารถ 3.ช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัย 4.การสร้างการรับรู้ให้ประชาชน ซึ่งมีเรื่องย่อยคือโรดแมปคสช.ว่ามีห้วงเวลาอย่างไร พร้อมทั้งช่วยประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาล และคสช. และช่วยประชาสัมพันธ์ร่างรัฐธรรมนูญ และ5.การเสริมสร้างการปรองดองสมานฉันท์
พ.อ.ปิยพงศ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายทักษิณ วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญเป็นฉบับถอยหลังเข้าคลองว่า อยากถามว่า นายทักษิณ อยู่ในสถานะอะไร ถ้าเรามองตามความเป็นจริงนายทักษิณ อยู่ในสถานะผู้ต้องโทษ แต่ไม่มารับโทษ ฉะนั้นการออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรต่างๆ ตนคิดว่า พี่น้องประชาชนมีความรู้และมีวิจารณญาณว่า ควรจะรับฟังหรือไม่ ซึ่งสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้เราต้องการความปรองดองสมานฉันท์ ไม่อยากให้มีการยุแยงให้เกิดแตกความสามัคคี
‘บิ๊กป้อม’ขอให้ส่งเป็นข้อมูลมา
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่า เป็นความคิดของ นายทักษิณ เขาคิดยังไงก็พูด ทุกคนก็คิดได้ พูดได้หมด แต่ว่า นายทักษิณ เคยเป็นผู้นำประเทศ จะพูดไปทำไม ตนยังไม่รู้เลย ถ้ามีอะไรก็ส่งมา เพราะมีช่องทางส่งให้ กรธ.ไม่มีปัญหา
ยัน’บิ๊กตู่’ไม่เครียด-ไม่โมโหสื่อ
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงกรณีช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ดูจะเครียดๆ ว่า ไม่เครียดหรอก นายกฯตั้งใจทำงาน ทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าให้ได้ นายกฯ คิดจนหัวจะแตกอยู่แล้ว อ่านหนังสือทุกวัน พอนักข่าวไปถาม นายกฯ ก็อธิบายไปแล้ว ไม่เข้าใจหรือไง เลยเครียดว่า ทำไมผู้สื่อข่าวไม่เข้าใจ หรืออาจเข้าใจ แต่ทำเป็นไม่เข้าใจหรือไม่ แล้วก็ไม่ได้โกรธนักข่าว คล้ายๆว่า พูดให้ฟังไปเยอะแล้ว แต่ก็ย้อนกลับมาถามอยู่ มันก็ไม่ใช่
ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวเสริมว่า นายกฯ ไม่ได้เครียด ตนยืนยันจากที่ทำงานร่วมกันมา แต่เวลาอธิบาย ผู้สื่อข่าวมักจะอนุมาน แล้วถามกลับมา อย่างที่ทำอยู่นี้ ทำให้นายกฯอาจคิดว่า ทำไมอธิบายไปแล้วไม่เข้าใจ ท่าน ไม่ได้โกรธ หรือโมโห
พท.แนะฟังให้มาก-ตอบโต้น้อย
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป ทำให้ประเทศชาติถอยหลังลงคลองว่า รัฐบาลหรือ กรธ.ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจ นายทักษิณ ชอบไม่ชอบ เห็นด้วยไม่เห็นด้วย ก็เป็นสิทธิ์ที่ผู้คนแสดงความเห็นต่างได้ สิ่งที่พวกท่านต้องทำคือ ฟังให้มาก ตอบโต้คนเห็นต่างให้น้อย เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข ให้เกิดการมีส่วนร่วมและยอมรับจากประชาชนในวงกว้าง
‘แม้ว’ซัด’บิ๊กตู่’ผู้นำบ้าอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงค่ำวันที่ 6กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย นัดอดีต สส.กินข้าวสังสรรค์ในโอกาสปีใหม่และตรุษจีน ที่บ้านย่านลาดปลาเค้า ก่อนจะมีวีดิโอคอลจาก นายทักษิณ สายตรงมายัง คุณหญิงสุดารัตน์ โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า ‘เห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้วต้องบอกว่าห่วยแตก ให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป เขียนแบบนี้ประเทศชาติถอยหลังลงคลอง ตอนนี้ผู้นำก็บ้าอำนาจจนขาดสติ ขาดวุฒิภาวะ แสดงกิริยาไม่สมควร ขอให้พวกเราเตรียมตัวไว้เลย จะมีการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ มั่นใจว่า พรรคเพื่อไทยมีโอกาสสูงมากที่จะกลับมาบริหารประเทศ’
‘บิ๊กหมู’ติ’นปช.’ทำลายจิตใจรด.
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ แกนนำ นปช.โจมตีการให้นักศึกษาวิชาทหารรณรงค์ทำความเข้าใจกับประชาชนให้ใช้สิทธิ์ลงมติร่างรัฐธรรมนูญเป็นการชี้นำว่า พูดอย่างนี้ทำให้เด็กๆและเยาวชนเสียกำลังใจ อย่าทำลายกำลังใจของเด็ก เด็กมีความตั้งใจมากที่จะชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญให้กับประชาชนได้รับทราบว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร ซึ่งส่วนใหญ่เน้นปราบทุจริต อย่าใส่ร้าย รด.เลยเพราะเขาเป็นจิตอาสาจริงๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี