11 ก.พ.59 ที่ห้องรับรอง อาคารรัฐสภา 2 คณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดงานสัมมนาหัวข้อ "บทบาทของผู้หญิงกับร่างรัฐธรรมนูญใหม่" โดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า บางคนอ่านร่างรัฐธรรมนูญเพียงบางช่วงแล้วรู้สึกว่าครอบคลุมไม่ถึงที่ตัวเองต้องการ แต่ถ้าอ่านครบจะรู้ว่าครอบคลุมตามสมควร ที่ตนพูดไม่ได้จะบอกว่าสิ่งที่ กรธ.ทำแล้วจะยุติแค่นั้น การเหลือเวลาทิ้งไว้เดือนเศษ เพราะสติปัญญาคนเขียนร่างรัฐธรรมนูญ 21 คน คงได้เท่านี้ จึงต้องฟังคนอื่นด้วย เพื่อจะได้นำกลับไปคิด
ทั้งนี้ ขอให้ช่วยกันอ่านให้ละเอียดว่าขาดตกบกพร่องตรงไหน ในส่วนที่เกี่ยวกับความก้าวหน้าของร่างรัฐธรรมนูญ เช่น สิทธิและเสรีภาพของสังคมไทยจะกว้างขวางขึ้น อะไรที่เป็นเรื่องสำคัญจะกำหนดเป็นหน้าที่ของรัฐ ใครมาเป็นรัฐบาลต้องทำ ที่ห่วงกันว่าถ้ารัฐบาลไม่ทำจะเป็นอย่างไร คำตอบคือเอารัฐบาลนั้นออกหรือฟ้องร้องได้ อีกทั้งในร่างรัฐธรรมนูญมีบทบัญญัติว่า ใครดำรงตำแหน่งทางการเมือง รวมถึงองค์กรอิสระ หากจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหน้าที่สอบได้ หากพบว่ามีมูลต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือออกจากตำแหน่ง ผลที่ได้แรงกว่าการที่บอกว่าประชาชนมีสิทธิเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ ร่างรัฐธรรมนูญนี้ยังใส่ความก้าวหน้าให้ประชาชนได้ประโยชน์ และไม่ไห้ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมด้วย รวมถึงการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
นายมีชัย กล่าวต่อว่า การใช้สิทธิเสรีภาพที่ต้องคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น เป็นของจำเป็นของคนที่อยู่ในสังคมร่วมกัน การสร้างความเป็นธรรมทางการเมือง โดยเฉพาะการใช้สิทธิเลือกตั้ง เราบ่นตลอดว่าในระบอบประชาธิปไตยเราได้ใช้สิทธิเพียง 2 วินาที ในการหย่อนบัตร ด้วยระบบเลือกตั้งแบบเดิมคะแนนเสียง 40 เปอร์เซ็นต์ ของคนทั้งประเทศจะหายไป การใช้บัตรใบเดียวแล้วเอาคะแนนทั้งประเทศมาวัดว่าแต่ละพรรคพรรคจะได้ ส.ส.กี่คน เป็นการยอมรับนับถือทุกคะแนนเสียง
ส่วนข้อกล่าวหา การบัญญัติให้พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี 3 คน เป็นการเตรียมคนนอกเป็นนายกฯ คงไม่ใช่แบบนั้น เพราะคนเสนอชื่อนายกฯ คือพรรคการเมืองเอง ไม่มีใครเอาปืนมาจี้ให้เสนอ หรือหากกลัวใจอ่อนเพราะมีคนเอาปืนมาจี้ ก็ไปเขียนในข้อบังคับพรรคกันเองได้ ส่วนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ขจัดคนไม่ดีทุจริตให้ออกจากวงการเมืองตลอดชีวิต กรธ.ได้สร้างกลไกสกัดตั้งแต่ไม่ให้คนที่มีประวัติในทางทุจริตประพฤติมิชอบเข้ามาสมัคร และเป็นกลไกตรวจสอบว่าหากดำรงตำแหน่งอยู่แล้วกระผิดต้องพ้นจากตำแหน่ง ส่วนการถอดถอนที่ให้โหวตคะแนนว่าให้ออกหรือไม่คงไม่ถูกต้อง ถ้าทำผิดต้องรับผลกรรมไม่ใช่ลงคะแนนว่าจะอยู่หรือไป เพราะคนไทยเวลาโหวตเต็มไปด้วยพรหมวิหาร 4 เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา คือวางเฉยไม่ลงคะแนน จึงไม่เคยถอดถอนได้ ถ้าเป็นที่ยุติแล้วว่ามีการทำผิดก็ไม่ต้องโหวต แต่ไม่ควรอยู่ในตำแหน่งทันที นอกจากนี้ยังกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรม ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ
นายมีชัย กล่าวอีกว่า ข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่า กรธ.บัญญัติให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญกว้างขวางเกินไปนั้น ร่างรัฐธรรมนูญนี้ให้อำนาจไว้ 16 อย่าง เหมือนปี 40 และ 50 เว้นแต่กรณีที่ให้อำนาจวินิจฉัยว่าองค์กรอิสระได้ประพฤติผิดมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรงก็ให้พ้นจากตำแหน่งไป โดยบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฉบับเดิมๆ ไม่มี ส่วนข้อกังขาว่า ร่างนี้ไม่ให้ ส.ส.ช่วยประชาชน ถือเป็นการบิดเบือน เพราะรัฐธรรมนูญ 40 - 50 เขียนว่าการพิจารณางบประมาณแผ่นดินประจำปี ห้ามไม่ให้ ส.ส.และ ส.ว.กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดในการนำเงินไปใช้ ซึ่งในอดีตจะใช้วิธีการแปรญัตติ เป็นการร่วมมือกันทำผิดรัฐธรรมนูญทุกองคาพยพ กรธ.จึงเติมว่าถ้าทำแล้วจับได้ ต้องพ้นจากตำแหน่งหมดทุกคน เพราะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ส.ส.ช่วยราษฎรได้ แต่ห้ามไม่ให้แปรญัตติเข้ากระเป๋าตัวเอง รวมถึงเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชน ถ้ายังไม่อุ่นใจเราจะไปทำให้อุ่นใจ ตรงไหนใส่เพิ่มในร่างรัฐธรรมนูญได้เราจะไปใส่ไม่ใช่ปัญหา
ประธาน กรธ.กล่าวว่า มีพรรคการเมืองบิดเบือนว่า กรธ.วางกรอบการทำงานของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทำให้บริหารงานได้ไม่เต็มที่นั้น ไม่เป็นความจริง ยืนยันว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นสากล เพราะรัฐธรรมนูญที่เป็นสากล คือ รัฐธรรมนูญที่ต้องแก้ปัญหาของแต่ละประเทศตามวิถีทางของตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าจะแตกต่างไปจากประเทศอื่นไม่ได้ ด้วยกลไกที่ กรธ.วางไว้จะช่วยให้การบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล มีกรอบ มีวินัย พอสมควร ไม่ได้สกัดไม่ให้เขาทำอะไรตามนโยบายของเขาได้ เรื่องที่แปลกไปจากรัฐธรรมนูญอื่น
นายมีชัย กล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมาเวลา ครม.พ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ให้อยู่ไปก่อนจนกว่าจะมีชุดใหม่ทำหน้าที่ แต่เรายังไม่เคยคิดว่าถ้าพ้นทั้งคณะเพราะทุจริต เราจะให้เขารักษาการอย่างนั้นหรือ ตนคิดว่าไม่ควร ถ้าพ้นเพราะทุจริตจากหน้าที่เขาควรไปเลย กรธ.จึงไปนำฉบับของ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ มาว่า ในช่วงช่องว่าง 5 - 10 วัน ต้องให้ปลัดกระทรวงดูแลไป ก่อนได้ ครม.ใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี