14 ก.พ.59 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย เรื่อง "ขอให้ตรวจสอบการเรียกรับผลประโยชน์และเก็บค่าหัวคิว โครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กระทรวงกลาโหม"
โดยระบุว่า ตามที่กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณี มีบุคคลแอบอ้างผู้ใหญ่ในรัฐบาลเรียกรับผลประโยชน์และเก็บค่าหัวคิวสูงถึง 40 - 50 % ในโครงการขุดลอกแหล่งน้ำ ขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของรัฐบาลนั้น ขณะที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศว่า นโยบายการปราบโกงหรือการปราบทุจริตคอรัปชั่น เป็นนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และถึงกับบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ โดยมีการเรียกขานร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่า "ร่างรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง"
แต่นับจากมีการร้องเรียนกล่าวหาว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นดังกล่าว รัฐบาลกลับไม่มีการชี้แจงหรือมีคำสั่งให้ตรวจสอบแต่ประการใด ว่าการใช้จ่ายงบประมาณขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เป็นไปตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งมีการทุจริตหรือไม่ อันอาจถูกกล่าวหาได้ว่ารัฐบาลเลือกปฏิบัติในการตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น ปกป้องแต่พวกพ้องหมู่คณะดังที่เกิดขึ้นในกรณีอุทยานราชภักดิ์มาแล้ว
คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.52 เป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตคอรัปชั่น คู่ขนานกับรัฐบาล และองค์กรตรวจสอบทั้งหลาย ซึ่งมีผลงานการตรวจสอบทุจริตหลายโครงการ เช่น ทุจริตงบไทยเข้มแข็ง ทุจริตการสร้างโรงพัก เป็นต้น
คณะทำงานปราบโกงสนับสนุนนโยบายการปราบทุจริตของรัฐบาล จึงให้ความสำคัญในการติดตามตรวจสอบ ข้อมูลที่กลุ่มธรรมาภิบาล เครื่อข่ายประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ได้ออกมาเผยถึงเรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นในองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังการรัฐประหารโดย คสช.เพียงไม่ถึง 2 เดือน ก็มีการอนุมัติให้ อผศ.ได้สิทธิพิเศษในการรับจ้างพัฒนาแหล่งน้ำ และจากการตรวจสอบของคณะทำงานปราบโกง ได้พบเรื่องที่สมควรต้องได้รับการตรวจสอบหลายประการ
คณะทำงานปราบโกงจึงขอเสนอข้อมูลเบื้องต้น เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ดำเนินการตรวจสอบ ตามนโยบายปราบทุจริตคอรัปชั่นที่รัฐบาลประกาศไว้ ดังต่อไปนี้
1.จากการตรวจสอบของคณะทำงานปราบโกง พบว่า อผศ.ได้รับงบประมาณจำนวนมาก จากหน่วยงานของรัฐหลายหน่วยงาน ในการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำทั่วประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่ทำความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสให้ประชาชนในขณะนี้ แต่ อผศ.มิได้ดำเนินการเอง โดยมีการ "ทำนิติกรรมอำพราง" กับเอกชนผู้รับเหมา เพื่อไม่ให้ผิดระเบียบ เลี่ยงไม่ทำสัญญาว่าจ้างโดยตรง แต่ทำเป็นบันทึกข้อตกลง เป็นเรื่องเช่ายานพาหนะ เครื่องมือ เครื่องจักร ปลอมขึ้นมากับเอกชนผู้รับเหมางาน ซึ่งถือว่าผิดระเบียบผิดกฏหมายอย่างชัดเจน เนื่องจาก อผศ.ได้รับสิทธิพิเศษในการจัดซื้อ จัดจ้าง โดยกรณีพิเศษภายใต้เงื่อนไข "ให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง โดยมิชอบเป็นการประกอบการงาน หรือร่วมการงาน หรือสมทบกับบุคคลอื่น"
2.จากข้อร้องเรียนของกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ว่า มีการเรียกหัวคิว 40 - 50% ทุกโครงการ เพื่อนำไปให้ผู้ใหญ่ในรัฐบาล ดังที่ปรากฏเป็นข่าวแล้ว ดังนั้น ทุกโครงการเงินงบประมาณก็จะหายไปไม่ต่ำกว่า 40 - 50% รวมทั้งจากการตรวจสอบจากการสัมภาษณ์บุคคลในพื้นที่ปฏิบัติงานจริงพบว่า ในงบประมาณ 100 บาท นำมาลงเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำแก้ไขปัญหาภัยแล้งเพียง 30 - 40 บาท เต็มที่ไม่เกิน 50 บาท เพราะมีการเรียกเก็บหัวคิวในจำนวนที่สูงมาก ที่สำคัญเมื่อมีการเรียกหัวคิวจำนวนสูงเช่นนี้ การขุดลอกแหล่งน้ำก็จะมีการทำจริงเพียงส่วนน้อย เช่น ต้องขุดลึก 2 เมตร ก็ขุดจริงไม่ถึง 1 เมตร ซึ่งเป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนต้องยากลำบากอย่างแสนสาหัสจากภาวะภัยแล้ง ในปัจจุบันมากขึ้น คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ส่งข้อมูลการขุดลอกคูคลองที่มีการปฏิบัติจริง ว่าเนื้องานถูกต้องตามงบประมาณที่ลงไปหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ข้อมูลดังกล่าวอยู่ในมือของคณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่งแล้ว
3.จากการตรวจสอบของคณะทำงานปราบโกง ได้พบว่า อผศ.ได้รับการจ้างจากหน่วยงานของรัฐในแต่ละปีเป็นงบประมาณสูงหลายพันล้านบาท ให้ผลิตตั้งแต่เครื่องนุ่งห่ม จนถึงผลิตเสื้อเกราะ และรวมไปถึงการรับซ่อมเครื่องบินได้อีกด้วย นับเป็นหน่วยงานที่มีความสามารถทำทุกอย่างได้จนน่าอัศจรรย์จนยากที่จะเป็นจริงได้ จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าว อผศ.สามารถดำเนินการได้ ทำหรือผลิตเองได้จริงหรือ ซึ่งมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 16 ส.ค.53 ได้ให้สิทธิพิเศษแก่ อผศ.ภายใต้เงื่อนไขว่า "อผศ.ต้องสามารถทำหรือผลิตเองได้"
ทั้งนี้ จากการตรวจข้อมูลเบื้องต้นดังกล่าว จึงน่าเชื่อว่า ข้อร้องเรียนของกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น น่าจะมีมูลตามข้อร้องเรียน ดังนั้น คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย จึงขอให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ให้นายกฯ สั่งการให้ รมว.คลัง ตรวจสอบการทุจริตในเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยเร่งด่วนที่สุด เพื่อระงับยับยั้งมิให้มีการสูญเสียงบประมาณไปมากกว่านี้ และปัญหาภัยแล้งกำลังเป็นปัญหา ความเดือดร้อนอย่างยิ่งของประชาชนจำนวนมาก หากรัฐบาลปล่อยให้มีการทุจริต เรียกเก็บหัวคิวอย่างมโหฬาร ก็เท่ากับซ้ำเติมให้ประชาชนที่ต้องเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากภัยแล้งแล้วต้องเดือดร้อนมากขึ้นอีก ซึ่งหากรัฐบาลไม่ดำเนินการอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 อย่างแท้จริง
2.ให้องค์กรในการตรวจสอบ เช่น สตง.เข้าดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดตามโครงการที่ อผศ.ได้รับงบประมาณทุกโครงการ ว่าดำเนินการไปโดยชอบด้วยระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือไม่ พร้อมสั่งการให้ระงับการเบิกจ่ายเงินทุกโครงการ จนกว่าจะตรวจสอบเสร็จ แล้วรายงานให้สาธารณชนทราบ
ทั้งนี้ คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย จะให้ความร่วมมือรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น ด้วยการส่งข้อมูลที่ได้รับมาจากผู้ปรารถนาดีให้ สตง.ไปดำเนินการตรวจสอบ ตามระเบียบ กฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อนึ่ง ในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย รู้สึกมีความห่วงใยต่อขวัญกำลังใจของทหารผ่านศึกทุกท่าน ที่ถูกแอบอ้างการจัดทำโครงการต่างๆ เพื่อเป็นสวัสดิการของทหารผ่านศึก แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องและหมู่คณะเป็นส่วนใหญ่ ประการสำคัญที่สุด เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมากในภาวะที่บ้านเมืองกำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจและภัยแล้ง นับว่าเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจที่เรื่องนี้มาเกิดขึ้นในรัฐบาลที่ประกาศว่าเข้ามาปราบโกง และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ก็จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกงขึ้นมา ดังนั้น คณะทำงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย จะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปราบปรามการทุจริต คอรัปชั่น เป็นผลในทางปฏิบัติไม่เลือกปฏิบัติและให้เป็นที่ปรากฏต่อสาธารณชนต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี