14 ก.พ.59 ที่สภาพัฒนาการเมือง (สพม.) นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ประธาน สพม.แถลงถึงมติของ สพม.ต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับเบื้องต้นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยังมีข้อบกพร่องหลายประการ และไม่เหมาะสมที่จะนำไปใช้เป็นรัฐธรรมนูญปกครองประเทศ ข้อบกพร่องของร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวนี้เป็นปัญหาเชิงหลักการ หากยังนำเอาหลักการตามร่างนี้ ก็อาจทำให้เกิดปัญหาการเมืองและการปกครองในอนาคต
ทั้งนี้ สพม.จึงมีความเห็นดังนี้ ประเด็นสิทธิและเสรีภาพ ที่ยังมีความคลุมเครือขาดความชัดเจน จึงอยากให้ปรับปรุงแก้ไขหมวดว่าด้วยสิทธิและเสรีภาพให้ชัดเจน และต้องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตามที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 40 และ 50 ส่วนการที่ กรธ.กำหนดใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือก ส.ส.เขต และนำคะแนนไปคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถือเป็นการบังคับให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงต้องลงคะแนนให้กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งสังกัดพรรคเดียวกับที่ลงคะแนนให้กับ ส.ส.เขต ซึ่งขัดต่อทฤษฎีเลือกตั้ง ขัดเจตนารมณ์และขัดหลักสากล
นอกจากนี้ ยังเห็นว่า วิธีการได้มาซึ่ง ส.ว.ที่กำหนดให้มาจากผู้แทนสาขาอาชีพ เป็นการนำหลักการตัวแทนกลุ่มอาชีพมาทำหน้าที่พิทักษ์ผลประโยชน์ของกลุ่มอาชีพ ไม่เป็นไปตามหลักการที่เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย โดยเห็นควรให้ ส.ว.เลือกตั้ง โดยตรง นอกจากนี้ ยังเห็นว่า การที่ย้ายมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญปี 2550 มาบัญญัติให้เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ เป็นการบิดเบือนไปจากประเพณีการปกครอง และยังเป็นการช่วงชิงพระราชอำนาจของกษัตริย์มาเป็นของศาลรัฐธรรมนูญด้วย โดยข้อเสนอทั้งหมด จะนำส่งให้ กรธ.ในวันพรุ่งนี้ (15 ก.พ.)
อย่างไรก็ตาม ในฐานะส่วนตัวผมอยากเสนอความเห็นเพิ่มเติมว่า 1.หากร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ได้ปรับปรุงแก้ไขแล้ว แต่พบว่ายังไม่เป็นที่พอใจของประชาชน ไปให้ประชาชนลงประชามติแล้วไม่ผ่านความเห็นชอบ ผมคิดว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องแสดงความรับผิดชอบ ในฐานะเป็นผู้แต่งตั้ง กรธ.ชุดนี้ เข้ามาทำหน้าที่ และขอตั้งคำถามว่า เมื่อถึงจุดนั้น คสช.จะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร 2.หากจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำประชามตินั้น ตนไม่ขัดข้อง แต่ขอเสนอให้ระบุเพิ่มเติมไปด้วยว่า อย่างน้อยต้องมีประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งออกมาใช้สิทธิประชามติมากกว่ากึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดด้วย เพราะถ้าประชาชนออกมาใช้สิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ต่อให้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นก็ถือว่าผ่านไม่ได้
นายธีรภัทร์ กล่าวอีกว่า 3.การที่รัฐบาลบอกว่าจะแก้ไขจำนวนการแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชนมาเป็นอย่างกว้างขวางทั่วถึงทุกช่องทาง จากเดิมกำหนดไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของครัวเรือนนั้น โดยอ้างว่าประชาชนไม่อ่าน ทำให้เกิดความสิ้นเปลืองนั้น ตนไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะแก้ไขประเด็นนี้ เมื่อรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) กำหนดไว้อย่างไร ก็ต้องดำเนินการเช่นนั้น จะไปคิดล่วงหน้าว่าประชาชนอ่านหรือไม่อ่านไม่ได้ 4.รัฐบาลไม่ควรปิดกั้นหรือขัดขวางการแสดงความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ควรเปิดเวทีจัดเสวนาได้อย่างอิสระ เพราะหากขัดขวางก็จะเป็นอันตรายทำให้ประชาชนออกมาต่อต้าน และ 5.ทางออกที่ดีที่สุดของเวลานี้ ถ้า คสช.เห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีแนวโน้มไม่ผ่านประชามติ อย่าไปเสียเวลาเลย ควรเร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด หากถามว่าจะจัดการเลือกตั้งโดยเร็วได้ด้วยวิธีการอย่างไรนั้น ขอให้มาถามตนได้ พร้อมยินดีบอก ไม่ใช่เรื่องยากเลย วิธีการนี้จะเป็นการลงจากอำนาจที่สวยงาม เป็นการลงจากหางเสือโดยที่ไม่บาดเจ็บ ประชาชนก็จะให้การยกย่องและชมเชย และขอย้ำว่า ตนไม่ได้กลัวการสืบทอดอำนาจแต่ให้ความสำคัญกับวิกฤติทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ควรเร่งหาทางออกโดยไม่ต้องรอถึงปี 2560 ปีนี้ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี