24 มี.ค.59 ที่ท่าอากาศยานทหาร (บน. 6) ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีไทยตัดสินใจลงทุนสร้างรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ - โคราช ด้วยตัวเอง โดยไม่พึ่งจีน ว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันและข้อมูลทั้งหมด ได้คิดทบทวนแล้วว่าควรดำเนินการเองดีกว่า เพื่อให้เป็นของเราเองภายในประเทศของเรา ซึ่งตนเห็นศักยภาพที่พร้อมก่อนในภาคอีสาน จะเปิดประตูด้านอีสานก่อน เพราะอีสานเป็นแหล่งวัตถุดิบ เป็นแหล่งแรงงาน เป็นแหล่งของสถานประกอบการต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว และมีจังหวัดใหญ่หลายจังหวัดที่มีความเข้มแข็ง มีรายได้ต่อจีดีพีหลายจังหวัด ประชาชนมีความเข้มแข็ง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า มองว่าเปิดประตูอีสานจะเป็นประโยชน์ที่เชื่อมต่อในภายภาคหน้าได้ หากเราทำภาคนี้ได้และเปิดทุกภาคได้ก็จะเป็นการดี แต่เนื่องจากขีดความสามารถเรามีจำกัดในเรื่องรายได้ของประเทศ จึงต้องตัดสินใจว่าจะเริ่มเส้นไหนก่อน ถ้าไม่ทำวันนี้เราอาจจะช้าเกินไป เราจำเป็นที่ต้องมีการกระจายรายได้ออกสู่ชนบท จากเมืองใหญ่คือกรุงเทพฯ ไปยังแต่ละภาค แต่ละกลุ่มจังหวัดที่เข้มแข็ง หากสัญจรรวดเร็วคนอาจจะนั่งรถไฟไปเช้าเย็นกลับได้ เป็นการกระจายคนสู่ชนบท กระจายเทคโนโลยีต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว หากทำรางไว้ก่อนแบบที่เราเคยคิดไว้แล้วเอาความเร็วปานกลางมาวิ่ง วันหน้าต้องเปลี่ยนความเร็วสูงอีกอยู่ดี จึงคิดว่าการลงทุนครั้งนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดในช่วงระยะเวลานี้ หลายประเทศเริ่มทำแล้ว ที่ทุกคนกลัวสินค้านู้นนี่จะเข้ามา เพื่อให้เกิดความเชื่อใจ จึงเอาของเราไปก่อน ตนคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล เราต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน หากมองว่าเขาต้องการกำไร ตนคิดว่าเขาคงไม่ได้กำไรเพราะเส้นทางสายนี้ เพราะเป็นเส้นทางที่ไม่ยาวมากนัก 250 กิโลเมตร ซึ่งหากใช้เวลาวิ่งจากกรุงเทพฯ ถึงโคราช จะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง อย่างเต็มสปีด
"ไม่ร่วมกับจีนแล้วทำเองดีกว่า เพราะเรามีขีดความสามารถ และเตรียมงบประมาณไว้แล้ว จริงๆ แล้วที่เราเป็นห่วงว่าเงินลงทุนงบประมาณภาครัฐทำไมไม่ออกในเวลา เพราะมันออกไม่ได้ ตกลงไม่ได้สักที วันนี้เรามีวงเงินอยู่แล้วล้านกว่าล้านบาท จะต้องลงทุนพวกโครงสร้างพื้นฐานบ้าง แต่ออกไม่ได้ติดนู้นนี่ ติดอีเอชไอเอทั้งหมด ซึ่งเรายกเลิกไม่ได้อยู่แล้ว การทำรถไฟความเร็วสูงก็ต้องผ่านอีไอเอด้วย และจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด เพราะเป็นการทำงานแบบจีทูจี โดยวิศวกรจะมาถ่ายทอดเทคโนโลยีมาช่วยเราก่อสร้าง คนงานก่อสร้างก็เอาของเรา และของบางอย่างที่เราทำเองไม่ได้ก็ต้องซื้อเขา ทั้งหมดเป็นการจ้างเขามาสร้าง แต่ใช้เงินในประเทศเรา อาจมีการร่วมทุนกับเอกชนบ้างที่เอารถวิ่ง มีเรื่องโครงสร้างพื้นที่คือตัวราง อันที่สองรถสิ่งกับระบบสัญญาณ ฉะนั้นคิดว่าทำกันเองดีกว่า ผมคิดว่าคนไทยพร้อมร่วมมือ เป็นของเราเอง ภาคภูมิใจกว่า" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ในเรื่องของรถไฟ ตนปล่อยเวลามา 2 ปีแล้ว และคิดว่าถึงเวลาและจำเป็นที่ต้องตัดสินใจแล้ว ขอร้องทุกคนให้เข้าใจ ยืนยันว่าตนไม่ต้องการประโยชน์ใดๆ แต่ต้องการให้ประโยชน์เกิดกับประชาชนทุกคน ซึ่งถ้าโครงการนี้เกิดขึ้นได้ ประโยชน์จะเกิดต่อชาวอีสานก่อน และถ้ามีเงินมากกว่านี้ เศรษฐกิจดีขึ้นก็อาจจะเพิ่มในภาคตะวันตกอีกก็ได้ ถ้าเรามัวรอทั้งเส้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ มันยาวนานเกินไป เดี๋ยวจะตายก่อนหมด ไม่มีทางได้เห็น ตนกล้าว่าจะตายก่อนเหมือนกัน
เมื่อถามว่า แนวทางที่ไทยจะดำเนินการก่อสร้างเองจะทำเองทั้งหมดเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งสรุปเช่นนั้น ตนบอกเพียงว่าถ้าเรารวย วันนี้เอาแค่สายนี้ก่อนในความยาว 250 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ - โคราช เพราะเส้นทางที่จะก่อสร้างทั้งหมดมีความยาวถึง 800 กิโลเมตร ในส่วนของงบฯ นั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า เป็นลักษณะของรัฐลงทุนโดยใช้เงินกู้
"ส่วนที่ถามว่าจะคุ้มกับการลงทุนหรือไม่ ถ้าหมายถึงคนขึ้น-ลง แล้วได้กำไลกลับมาเท่ากับที่ลงทุน อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าการลงทุนเพื่ออนาคต ถ้าคิดแบบนี้ไปขึ้นรถเมล์เอาก็ได้ แต่โครงการดังกล่าวจะมีการต่อเพื่อเชื่อมโยงในวันข้างหน้า จากวันนี้ไปพื้นที่อีสาน วันข้างหน้าก็อาจต่อไปยังหนองคาย อาจเชื่อมโยงไปมาบตาพุต ลาว จีน ปากีสถาน อิเดีย ยุโรป อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าคุ้มทุน เรียกว่ารถไฟสายอนาคต" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนที่จะให้เอกชนไทยร่วมลงทุนกับรัฐนั้นได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคนดูแลอยู่ ซึ่งเบื้องต้นเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และเรามี PPP อยู่แล้ว วันนี้จีนไม่เกี่ยวกับเรา จึงถือเป็นเรื่องของเราเองทั้งหมด ไปหารถมาวิ่ง ในส่วนของระบบสัญญาณ เราก็ต้องไปดู โดยเฉพาะเรื่องผลประโยชน์ตอบแทน
"จีนไม่ได้ติดใจอะไรกับการตัดสินใจครั้งนี้ เขาโอเค เขาเข้าใจผม และจีนได้ขอบคุณไทยโดยระบุว่า อยากช่วย ไม่ได้ต้องการอะไรจริงๆ และอยากให้ผมช่วยอธิบายให้คนไทยเข้าใจด้วยว่า เพราะเขาได้ยินมาว่าเหมือนไทยไม่ไว้ใจคนจีน ซึ่งผมยืนยันว่าไม่มี เรื่องแบบนี้ยังไงเราก็หนีกันไม่พ้น เพียงแต่จะจัดระเบียบกันได้อย่างไร เพราะกฎหมายมีกันอยู่แล้ว กฎหมายจะเป็นตัวที่จะทำให้เกิดความเท่าเทียม ถ้าเราปล่อยปละละเลย ก็จะเกิดความไม่เท่าเทียม แล้วจะไปโทษใคร เมื่อกฎหมายทำไม้ได้ ก็ทำไม่ได้ อย่าโทษกันไปมา สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้เกิดขึ้น ลดความหวาดระแวง และเกิดผลประโยชน์ที่เท่าเทียม โลกอยู่ได้ด้วย 3 ข้อนี้ ถ้าถามว่าทำไมเรากำไรน้อย ก็ต้องมาดูว่าเราแข็งแรงพอหรือยัง ถ้าเราแข็งแรงและมีแต้มต่อมากว่านี้ ข้อเสนอเราก็คงมีเยอะ วันนี้เรายังไม่แข็งแรงเลย" นายกฯ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี