ปลุกระดมชวนคว่ำร่าง
พท.ท้าทาย
บิ๊กป้อมชี้เข้าข่ายผิดกม.
คสช.เต้นสอบแถลงการณ์
‘มาร์ค’ซัดฉบับถอยหลัง
เผยจับพิรุธบทเฉพาะกาล
เปิดช่องยืดเลือกตั้งต้นปี’61
การจุดกระแสคว่ำประชามติร่างรัฐธรรมนูญเปิดฉากขึ้นทันทีหลังจากนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ส่งมอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์ให้กับคณะรัฐมนตรี(ครม.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเวลา 13.39 น.ของวันที่ 29 มีนาคม ที่ผ่านมา ก่อนเข้าสู่ขั้นตอนการทำประชามติที่จะมีขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
โดยพรรคเพื่อไทย(พท.) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 30 มีนาคม โดยมีเนื้อหาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญเนื่องจากประชาชนไม่มีส่วนร่วม เป็นร่างที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตยหลายส่วน สร้างเงื่อนไขให้เกิดปัญหาทางการเมือง สร้างระบบให้เกิดรัฐบาลผสมหลายพรรค วางกลไกเพื่อเปิดช่องให้บุคคลที่ไม่ได้เป็น ส.ส.มาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พท.ออกแถลงการณ์อัดรธน.ยับ
นอกจากนี้ยังสร้างระบบให้ได้รัฐบาลที่อ่อนแอ ไร้เสถียรภาพ ไร้ประสิทธิภาพ อำนาจการปกครองประเทศ สร้างให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเหนือสภาและรัฐบาล สร้างภาพว่าเพื่อปราบโกง โดยมุ่งสกัดกั้นนักการเมืองและพรรคการเมือง แต่มิได้ปฏิรูปและวางระบบเพื่อแก้ปัญหาฉ้อราษฎรบังหลวงเลยแม้แต่น้อย จำกัดโอกาสของประเทศในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และวาง
กลไกให้มีการสืบทอดอำนาจต่อไป
ปลุกระดมประชาชนลงมติคว่ำ
“ดังนั้นพรรคพท.จึงขอให้พี่น้องประชาชน ร่วมกันออกมาลงประชามติ “ไม่รับ” ร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ยอมรับอำนาจของประชาชน และขาดความเป็นประชาธิปไตย 2.พรรคพท.เสนอให้แก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 ก่อนการลงประชามติ เนื่องจากไม่ได้กำหนดว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้วจะดำเนินการอย่างไร อันเป็นการเอาเปรียบประชาชน”แถลงการณ์ระบุ
ถ้าไม่ผ่านจี้ใช้ปี40-เลือกตั้งใน6ด.
และยังเรียกร้องว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านให้นำรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 มาปรับแก้และประกาศใช้เป็นการชั่วคราว พร้อมกับจัดให้มีการเลือกตั้งภายในไม่เกิน 6 เดือน เพื่อให้การบริหารประเทศ และการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่สะดุดหลังจากนั้นให้รัฐบาลจัดให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม
วอนปชช.คิดถึงปัญหาอนาคต
แถลงการณ์ ระบุด้วยว่า พรรคพท.เข้าใจถึงการรอคอยของประชาชนที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว แต่การเลือกตั้งภายใต้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และสร้างปัญหาในอนาคตนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนและประเทศชาติจนยากที่จะแก้ไขได้ ทั้งนี้แม้ร่างจะไม่ผ่านประชามติแต่มั่นใจว่าจะต้องมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นภายในปี 2560 ตามคำพูดของหัวหน้าคสช.
“มาร์ค”ฉะถดถอยกว่าฉบับปี50
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ถ้ามองในมุมสิทธิเสรีภาพของเรื่องประชาธิปไตย ถดถอยจากฉบับปี 2550 โดยเฉพาะประเด็นบทบาทหน้าที่ของสว. จะส่งผลไปยังรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ตรงนี้เป็นจุดอ่อนที่ชัดเจน รวมทั้งการเปิดช่องนายกฯคนนอก เป็นความถดถอยที่เกิดปัญหาขัดแย้งจะรุนแรงในอนาคต รวมทั้งตอนนี้มีกลุ่มไม่รับร่างก็เอาเรื่องมาผสมโรงสร้างเงื่อนไขขัดแย้งขึ้นมาอีก ซึ่งตรงนี้ระมัดระวังให้ดี
ทั้งนี้ประมาณต้นเดือนเม.ย. พรรคน่าจะกำหนดท่าทีต่อการลงประชามติได้
‘มีชัย’ นำทีมแจงสนช.-สปท.
ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรธ.นำโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.ได้ชี้แจงสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญให้กับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)และหัวหน้าส่วนราชการเพื่อให้นำเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงสาระสำคัญชี้แจงกับประชาชนทั่วไป โดยมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช. และร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม
ฟันธงสนช.-สปท.ได้นั่งสว.แน่
โดยนายมีชัย ได้ชี้แจงสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ จำนวน 279 มาตราใช้เวลา 35 นาที โดยสรุปว่า หัวใจสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญคือกลไกป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพือป้องกันคนไม่สุจริตเข้าสู่วงการเมือง และเมื่อทำไม่สุจริตต้องพ้นไปโดยกลับสู่การดำรงตำแหน่งอีกไม่ได้ ส่วนที่มาสว.สรรหา จำนวน 250 คน นั้น เป็นการปรับเพิ่มเติมตามคำร้องขอของครม. คสช.และสปท. รวมถึงสนช. ให้มาจากการสรรหาจำนวน 250 คน มีวาระ 5 ปี
“ผมเชื่อว่าการสรรหาดังกล่าวคงมีสมาชิกสนช.และสปท.เข้าไปร่วมเป็นด้วย แต่ขณะเดียวกันกรธ. ได้ขอไว้ 50 คน เพื่อใช้วิธีการเลือกกันเองจากประชาชน ยืนยันว่าส.ว.สรรหา ที่มีวาระ 5 ปีนั้นจะไม่มีอำนาจก้าวล่วงการจัดตั้งรัฐบาลหรือเลือกนายกฯ มีเพียงอำนาจพิเศษต่อกรณีการดูแลกฎหมายปฏิรูปเท่านั้น”นายมีชัย กล่าว
พร้อมทั้งขอโทษที่ทำให้สปท.สะเมือนใจ กรณีไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้ากรณีหั่นวาระสปท.จาก 1 ปีเหลือ 4 เดือนเนื่องจากช่วงท้ายฉุกละหุกมากด้วยเจตนาดีจึงคิดว่าการปฏิรูปต้องถึงขั้นเปลี่ยนโหมดจากเสนอแนะเป็นลงมือทำในทันที
“บิ๊กป้อม”ชี้พท.เข้าข่ายผิดกม.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์เชิญชวนประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้จะผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ตนคิดว่าน่าจะผิด แต่ประเด็นดังกล่าวคงต้องไปถามนักกฎหมายอย่างนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตนไม่ทราบ เพราะไม่ใช่นักกฎหมาย แต่เรื่องดังกล่าวเขามีสิทธิ เพราะเป็นเรื่องที่เขาจะรับหรือไม่รับก็ได้ เราบังคับใครไม่ได้
“วิษณุ”ระบุถือว่าเสี่ยงผิด
ขณะที่นายนายวิษณุ ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้ว่า ถ้าถึงขนาดออกแถลงการณ์เชิญชวนประชาชนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญถือว่าเสี่ยง แต่ไม่กล้าตอบว่าผิดหรือไม่ผิดอย่างไร แต่บอกได้ว่าพรรคตัวเองไม่รับจะบอกข้อเสียข้อเลวหลายประการบอกได้แบบนี้ไม่มีปัญหา แต่ให้อยู่บนหลัก ถ้าพูดเป็น รณรงค์ไม่ผิด แคมเปญจะไปผิดอะไร จะผิดก็ต่อเมื่อดูหมิ่น หมิ่นประมาท ด่า เมื่อบิดเบือน ทำเป็นก็จะไม่ล้ำเส้น นอกจากตั้งใจจะล้ำเพื่อให้มีเรื่อง
“สมเจตน์”ไม่ห้ามแจงข้อเสียรธน.
พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สนช. ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การรณรงค์ร่างรัฐธรรมนูญก่อนการทำประชามตินั้นโดยเนื้อหากฏหมายให้อิสระฝ่ายที่สนับสนุนและฝ่ายที่ต่อต้านเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ สามารถชี้แจงข้อดีและข้อบกพร่องของร่างรัฐธรรมนูญได้เต็มที่ เปิดโอกาสให้แสดงความเห็นได้
“แต่จะพูดชี้นำขอให้รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ หรือพูดในลักษณะบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่ได้ เพราะเข้าข่ายผิดกฎหมายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายกรธ. พรรคการเมือง จะทำได้แค่พูดถึงข้อดีและข้อเสียร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น” พล.อ.สมเจตน์ ระบุ
“บิ๊กป๊อก”ขู่ไม่ปล่อยคนป่วน
ด้านพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ถ้ามีการรณรงค์ไม่ให้คนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติถือว่าผิดกฎหมาย หากจะพูดชี้ให้เห็นข้อดี ข้อไม่ดี พอได้ แต่วิพากษ์วิจารณ์ กล่าวร้าย และพยายามให้คนเข้าใจผิด และพยายามให้เกิดความวุ่นวาย มีการอนุมานเชิงไม่สร้างสรรค์ แบบนี้คสช.ก็จะเข้าไปดำเนินการ
กกต.ตั้งเป้าลงมติร้อยละ80
นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงขั้นตอนการทำประชามติว่าจากนี้กกต.จะเตรียมในเรื่องของการจัดพิมพ์และเผยแพร่ร่างโดยจะรอสรุปสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญที่กรธ.จะต้องส่งมายัง กกต.ภายใน 15 วันนับจากที่ กรธ.แจ้งไปยังครม. โดยตั้งเป้าหมายว่าจะมีประชาชนออกมาใช้สิทธิออกเสียง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ซึ่งเราเห็นตัวอย่างของเมียนมาที่ประชาชนรอคอยการเปลี่ยนแปลง ก็คิดว่าคนไทยน่าจะเหมือนกัน
พิรุธเลือกตั้งส่อลากยาวต้นปี61
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการตรวจสอบร่างรัฐธรรมนูญ ในบทเฉพาะกาล เกี่ยวกับการกำหนดช่วงเวลาการจัดทำกฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งสส.ที่เขียนไว้ในร่างรธน.พบว่า ไม่ได้เป็นไปตามโรดแมป หรือปฏิทินที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีรับปากไว้ว่า จะมีขึ้นภาจในเดือนกรกฎาคม 2560 หากแต่จะล่วงเลยไปถึงเดือนธันวาคม 2560 หรือ เดือนมกราคม 2561
ทั้งนี้ปรากฏในมาตรา 267 ของบทเฉพาะกาล เขียนไว้ว่า กรณีร่างรธน.ผ่านความเห็นชอบในการออกเสียงประชามติวันที่ 7 สิงหาคม 2559 กรธ.จะอยู่ปฏิบติหน้าที่ต่อเพื่อจัดทำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรม นูญจำนวน 10 ฉบับให้แล้วเสร็จภายใน 240 วันหรือ 8 เดือนนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ แล้วเสนอต่อสนช.พิจารณาให้ความเห็นชอบ การประกาศใช้รัฐธรรมนูญต้องได้รับการลงพระปรมาภิไธยแล้วนำมาประกาศใช้ราชกิจการนุเบกษา ซึ่งจะบวกเวลาที่เลยไปจาก 7 สิงหาคม เมื่อคำนวณดูแล้วกรธ.จะใช้เวลาจัดทำร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 8 เดือนไปสิ้นสุดปลายเดือนเมษายน 2560
เผยบทเฉพาะกาลเปิดช่องยืด
สำหรับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับ มี 4 ฉบับที่จำเป็นต่อการเลือกตั้ง ได้แก่พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส., พ.ร.บ.ว่าด้วยได้มาซึ่งส.ว.,พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง,พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยสนช.ต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 60 วันนับแต่วันที่ได้รับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรม นูญก็จะไปสิ้นสุดปลายเดือนมิถุนายน 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสนช.พิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จยังนำร่างพ.ร.บ.ขึ้นทูลเกล้าฯทันทีไม่ได้และการจัดการเลือกตั้งส.ส.ก็ยังทำไม่ได้ ทั้งๆที่ตามโรดแมปกำหนดไว้เดือนกรกฎาคม 2560 จะให้มีการเลือกตั้ง เพราะในบทเฉพาะกาลกำหนดขั้นตอนที่ทำให้ต้องยืดเวลาออกไปอีกถึงปลายปี2560 หรือต้นปี 2561 กล่าวคือ กำหนดให้สนช.เมื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วต้องส่งร่างพ.ร.บ.ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง(กกต.)และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา โดยไม่กำหนดเวลาไว้ว่าจะใช้เวลาช่วงนี้นานเท่าใด แต่ถ้าองค์กรเหล่านี้เห็นว่าร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าวไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็จะส่งคืนไปยังสนช.แล้วให้ตั้งคณะกรรมาร่วม ซึ่งกำหนดเวลาขั้นตอนเหล่านี้ไว้ประมาณ 1 เดือน
หลังจากผ่านขั้นตอนนี้ จึงนำร่างขึ้นทูลเกล้าฯและเมื่อประกาศใช้พ.ร.บ.ให้กกต.จัดการเลือกตั้งภายใน 150 วันหรือ 5 เดือนเท่ากับว่าจะใช้เวลารวมกันอีกเป็น 5-6 เดือน หรือราวเดือนธันวาคม 2560 - มกราคม 2561
เผย”มีชัย”เคยรับปากคสช.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายมีชัย เคยให้สัมภาษณ์ว่าจะให้มีเลือกตั้งในปลายปี 2560 ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากและกดดันให้คสช.รีบจัดการเลือกตั้งตามโรดแมปที่เคยให้สัญญาไว้คือเดือนกรกฎาคม 2560 เป็นเหตุให้นายมีชัยรับปากตอนนั้นว่าจะจัดให้เลือกตั้งช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2560 แต่เมื่อเขียนขั้นตอนไว้ในบทเฉพาะกาลเช่นนี้ เท่ากับว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนยาวออกไปถึงปลายปี2560หรือต้นปี 2561 ก็เป็นได้
‘อุดม’แจงกม.ลูก4ฉบับต้องใช้เวลา
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชามติ ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ขั้นตอนต่อไป กรธ.จะทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 10 ฉบับให้แล้วเสร็จภายใน 8 เดือน ส่วนสาเหตุไม่ระบุเวลาขั้นต่ำต้องทำให้แล้วเสร็จ เพราะกฎหมายหลายฉบับ มีความยากง่ายไม่เท่ากัน โดยเฉพาะ 4 ฉบับเกี่ยวกับการเลือกตั้งเป็นกฎหมายเทคนิค ที่มีความยากลำบาก เพราะต้องออกแบบให้สามารถแก้ไขปัญหาการเมืองในอดีตให้ได้
มั่นใจเลือกตั้งปี60ตามโรดแมป
อย่างไรก็ตามแม้ร่างรธน.จะบอกว่าห้ามทำเกินเวลา 8 เดือนก็ตาม แต่ก็ไม่ได้ห้ามว่าทำเสร็จก่อน 8 เดือน ก็ได้ เพราะเราเชื่อว่า เมื่อถึงเวลาทำงานจริง กรธ. จะตั้งคณะทำงาน ยกร่างกฎหมายทั้ง 10 ฉบับทำงานไปพร้อมกันๆ โดยไม่ได้พิจารณาไปที่ละฉบับ
“ โรดแมปไม่ได้บอกว่าต้องมีเลือกตั้งภายในเดือนก.ค. 60 แต่บอกให้มีเลือกตั้งภายในปี 2560 ดังนั้นหากสุดท้ายต้องใช้เวลาทำกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ระยะเวลา 8 เดือนเต็ม ก็สามารถมีเลือกตั้งภายในปี2560 ไม่เกินโรดแมปแต่อย่างใด” โฆษกกรธ.ระบุ
หลักสูตรเรียกอบรมใกล้เสร็จแล้ว
สำหรับความคืบหน้าในการเปิดหลักสูตรอบรมเรียกบุคคลเข้าปรับทัศนคติตามนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.นั้น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.มีหลักสูตรไว้อยู่แล้วโดยทำหลักสูตรให้ชัดเจน เมื่อแล้วเสร็จเปิดใช้หลักสูตรทันทีใช้ได้เลย
“คนที่ไม่ได้ทำผิด เราไม่สามารถเรียกเขามาได้ ถ้ามีคนที่ฝ่าฝืน หรือกระทำผิด เราถึงจะเรียกมา ถ้าคุยกันแล้วเข้าใจง่ายชั่วโมงเดียวก็ออกมาได้ ไม่ห่วงว่าจะเกิดภาพลบ เพราะจะปรับทัศนคติเฉพาะคนที่วิพากษ์วิจารณ์ไปในแง่ลบ แต่ถ้าอบรมแล้วยังทำผิดอีก ไม่เป็นไร ยังมีมาตรา 44 อยู่”พล.อ.ประวิตรระบุ
ด้าน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.กล่าวว่ารายละเอียดหลักสูตร วันนี้ยังไม่ขอพูดอะไร ขอเวลาอีก 1-2 วัน จะออกมาชี้แจงเรื่องดังกล่าว
ร่างหลักสูตยึดหลักการ3ข้อ
ขณะที่พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษก คสช. กล่าวถึงการจัดทำหลักสูตรอบรมผู้ถูกนำมาปรับทัศนคติว่า หลักเกณฑ์ของหลักสูตร คือ 1 .ไม่ทำเกินกรอบกฎหมาย ใช้อำนาจเท่าที่ คสช. มี 2. ไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และ3.แจ้งญาติทุกครั้งที่จะมีการเชิญตัว ซึ่งมีระยะเวลาในการอบรม 3-7 วัน โดยจะเริ่มใช้ไปจนถึงก่อนการเลือกตั้ง ขอย้ำว่าไม่ใช่การปรับทัศนคติแต่เป็นการให้ข้อมูลและทำความเข้าใจในกรอบการทำงานของ คสช.เพราะที่ผ่านมาเคยรับปากแล้สกลับออกมาก็ไม่รักษาคำพูดจึงจะต้องมีขอบเขตในการอยู่พูดคุยนานขึ้นเพื่อทำความเข้าใจให้มากขึ้น
ตรวจสอบแถลงการณ์พรรคพท.
เมื่อถามว่า มีบางพรรคออกมาเชิญชวนประชาขนไม่รับร่างรธน.แล้ว พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบแถลงการณ์ก่อนว่ามีลักษณะของการชี้นำ หรือการที่จะไปสู่ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนหรือสับสนต่อประชาชนหรือไม่ ซึ่งข้อพิจารณานี้อยู่ระหว่างการพิจารณา
มาร์คเตือนจุดชนวนตึงเครียด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า อยากจะเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องตรงนี้ ถ้าไม่ให้คนที่มีความเห็นต่างแสดงความเห็นได้ ตัวประชามติก็ไม่มีความหมาย เสียงบประมาณเปล่า ๆ วันนี้อยากเห็น คสช.รับฟังปัญหาที่แตกต่าง ถ้าเกิดใครแสดงความคิดเห็นเพื่อป่วนกระทบต่อความมั่นคง จะจัดการตามกฎหมายก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าแสดงความเห็นแล้วไม่ถูกใจ คงต้องรับฟัง การไปเพิ่มความตึงเครียดขัดแย้งขึ้นมา ไม่เกิดประโยชน์
“ตู่”ย้ำจุดยืนคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ
ขณะที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูป ว่า นปช. มีจุดยืนไม่รับร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายใต้กติกาไม่เคารพอำนาจประชาชนนั้น จะยิ่งก่อวิกฤติซ้ำเติมปัญหาประเทศให้เลวร้ายยิ่งขึ้น ส่วนการทำหลักสูตรปรับทัศนคติ เพื่ออบรมการเมือง ตนคิดว่าหลักสูตรแบบนี้ไม่เป็นประโยชน์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี