2 พ.ค.59 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี การโพสต์ข้อความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผ่านเฟซบุ๊ค ที่ระบุว่าเข้าใจในความรู้สึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำ ต้องเปิดใจรับฟังการวิพากษ์วิจารณ์นั้น ว่า ขอยืนยันว่าทางผู้บังคับบัญชาพร้อมรับฟังมาตลอด และได้มีการกำหนดช่องทางการรับฟังที่เป็นทางการในหลายช่องทางมากมายกว้างขวางทั่วประเทศ เพื่อจะนำสิ่งที่ได้รับไปเข้าสู่การพัฒนาปรับอย่างเป็นระบบ เพื่อให้เกิดประโยชน์กับสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง และข้อมูลที่ได้รับตามช่องทางที่กำหนดนี้ ส่วนใหญ่มีเหตุมีผล ที่สามารถนำไปสู่การพัฒนาตอบสนองไปตามกระบวนการ ไม่เหมือนที่พบในบางกรณีที่บางกลุ่มบางบุคคลพยายามหาช่องไปแสดงออกนอกช่องทาง เพื่อให้เป็นประเด็นในมุมต่างๆ แบบมีนัยแอบแฝง
โฆษก คสช.กล่าวอีกว่า สำหรับที่กล่าวถึงกรณีเปรียบเทียบว่าในช่วงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่สามารถออกกฎหมาย หรือคำสั่งใดๆ ให้เป็นกฎหมายได้นั้น ขอชี้แจงว่า สังคมเข้าใจถึงบริบทในความแตกต่างได้ โดยเฉพาะข้อจำกัดในเรื่องของเวลาหรือเทอมในการทำงาน มั่นใจว่าในช่วงเวลาปกติถึงแม้จะไม่มีกฎหมายพิเศษก็ยังคงสามารถดำเนินการบริหารแก้ไขสิ่งต่างๆ ได้ อยู่ที่ความตั้งใจ หรือความพยายามที่สามารถแสดงให้สังคมได้รับรู้รับทราบ
นอกจากนี้ ที่กล่าวถึงข้อห่วงใยการใช้กฎหมายปลดคนนั้นคนนี้ เพราะไม่สนองตอบนโยบาย หรือเอากฎหมายมาบังคับใช้คนให้ทำงานตามคำสั่ง จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปนั้น ขอเรียนว่า การปลดหรือปรับเปลี่ยนบุคคลในช่วงก่อนในหลายกรณี สังคมอาจยังรู้สึกเคลือบแคลง มองว่าเป้าหมายอาจเป็นเรื่องการสมประโยชน์ในมุมทางการเมืองเป็นส่วนสำคัญ ซึ่งมั่นใจว่าสำหรับในปัจจุบันที่การปรับเปลี่ยนบุคคลหรือข้าราชการคนใด เป็นเรื่องความเหมาะสมตามเนื้องานเป็นสำคัญ เพื่อให้การตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นไปอย่างสมบูรณ์และเต็มประสิทธิภาพ สอดรับกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน โดยไม่มีเรื่องของการเมืองใดๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สำหรับกรณีที่กล่าวว่าได้พูดมาตลอดว่าคนที่มีความคิดเห็นต่างไม่ได้หมายความว่าจะทำให้บ้านเมืองแตกแยกนั้น อาจต้องยอมรับว่าในสังคมไทยมักมีให้เห็นอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบความคิดเห็นต่าง แต่มีพฤติกรรมอยู่ภายในกรอบ กับแบบมีความคิดเห็นต่าง แต่ชอบมีพฤติกรรมนอกกรอบ และยิ่งในอดีตที่สังคมเห็นและสัมผัสได้ถึงพัฒนาการในความเห็นต่างของสังคมไทย ไม่เพียงทำให้บ้านเมืองนั้นดูแตกแยก หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายอย่างเดียว ยังนำมาซึ่งการสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งสังคมไหนๆ ก็ไม่สามารถยอมรับได้ การบริหารจัดการความคิดเห็นที่แตกต่างจึงเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องระมัดระวัง
"ยืนยันว่าแนวทางในปัจจุบันไม่ใช่คนในสังคมจะเห็นต่างไม่ได้ แต่การเห็นต่างนั้นควรอยู่ในช่องทางที่เหมาะสม ปราศจากความรุนแรง กรณีมีประเด็นข้อกังวลสงสัยต่างๆ ก็ควรเป็นลักษณะที่จับต้องได้จริง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องนำไปสู่การปรับพัฒนาให้เกิดประโยชน์กับสังคมและประเทศชาติอย่างแท้จริง" โฆษก คสช.กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี