'บิ๊กหมู'ลั่นใครป่วนจับหมด
ไม่ปล่อยแน่
จวกเกะกะพวกก่อกวนรธน.
ตร.รอสอบ'โอ๊ค'โยง8มือโพสต์
'เสื้อแดง'ดิ้นยื่นประกันอีกรอบ
'ตุ๊ดตู่'โวยยัดข้อหาระวังลุกฮือ
จ่านิวคุยฟุ้งยกระดับเคลื่อนไหว
เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ครั้งที่ 5/2559 วาระพิเศษ ถึงการดูแลสถานการณ์บ้านเมือง ภายหลังกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวแสดงความคิดเห็นต่อต้านการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
โดย พล.อ.ธีรชัย เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ยังสงสัยอยู่ว่าจะมาต่อต้านกันทำไม ในเมื่อบอกว่าต้องการประชาธิปไตย ขณะที่สิ่งที่กำลังดำเนินไปก็คือการเริ่มทำประชามติ ซึ่งรัฐบาล คสช. และกองทัพบก ก็พยายามรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากที่สุด ไม่ว่าคนที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ขอให้ไปลงประชาติ ซึ่งก็ไม่เห็นว่าจะมีความวุ่นวาย
“พวกที่ทำให้เกิดความวุ่นวายเป็นคนมีปัญหา ผมจะไม่ปล่อยไว้ เพราะทำให้ประชาชนเดือดร้อน ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องการความสงบเรียบร้อยและต้องการมีความสุขในบ้านเมือง คนที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย มีอยู่ไม่กี่กลุ่ม หน้าเดิมๆทั้งนั้นไม่เป็นอะไร เดี๋ยวผมดูแลพวกนี้เอง”
จวกเกะกะอย่าให้ความสำคัญ
พล.อ.ธีรชัย กล่าวอีกว่า พวกที่ก่อกวนทั้งผ่านทางโซเชียลมีเดียและจัดกิจกรรมยืนเฉยๆ ถ้ามายืนเกะกะวุ่นวาย 3-4 คน สื่อมวลชน อีก 1 โหล เจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 100 นาย มันก็จะวุ่นวายไปหมด จึงอย่าไปให้ความสำคัญ ถ้าสื่อไม่ให้ความสำคัญ มันก็จะไม่เกิดอะไรขึ้น มันเป็นเด็กๆ ในสถาบันต่างๆ มีเยาวชนนักศึกษาอีกมากที่ทำความดี มีจิตอาสา เก่งเรื่องการศึกษาและทุกเรื่อง ไปทำประโยชน์ให้สังคม สื่อควรทำข่าวแบบนี้บ้าง ส่วนพวกเกะกะปล่อยมันไป เรียนหนังสือไม่จบเสียที
ลั่นถ้ากวนเมื่อไรก็จับ
เมื่อถามย้ำว่า พวกนี้เป็นพวกกลุ่มก่อกวนใช่หรือไม่ พล.อ.ธีรชัย ตอบว่า กวนได้กวนไป ถ้ากวน เราก็จับ ส่วนกลุ่มที่เกิดจากพรรคการเมือง สื่อก็ทราบดีอยู่แล้ว สามารถหาตัวได้อยู่แล้ว เพราะมีการชี้นำไปด้านนั้นอยู่แล้ว สื่อฉลาดและรู้ อย่าไปสร้างความขัดแย้ง เราต้องการความสามัคคี ประเทศต้องเดินหน้าต่อไปได้ รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ด้วยความสงบ
ทำผิดไม่มีเว้น-ปัดเรียกโอ๊คคุย
เมื่อถามว่าทางเจ้าหน้าที่จะใช้ไม้แข็ง หรือเชือดไก่ให้ลิงดูหรือไม่ พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ใครทำผิด ก็ไม่เว้น ขอให้ดูเอาเอง แต่คงไม่ใช่การเรียกมาปรับทัศนคติ เพราะที่ผ่านมาก็ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ส่วนที่คสช.ระบุว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร มีความเชื่อมโยงกับขบวนการโพสต์ข้อความทางโซเชียลนั้น ก็ขอให้สื่อดูเอา เพราะข้อมูลต่างๆ ก็ออกมาจากการสอบถามและเขาก็ยอมรับตามนั้น แต่คงไม่จำเป็นต้องเชิญนายพานทองแท้มาพูดคุย
ซัดชักศึกเข้าบ้าน-ยันไม่ห่วงป่วน
พล.อ.ธีรชัย ยังกล่าวว่า การที่มีความพยายามดึงต่างประเทศเข้ามานั้น ขอถามว่า คนพวกนั้นเป็นคนไทยหรือไม่ เนื่องจากชอบชักศึกเข้าบ้าน ขอให้ไปดูตัวว่าใครบ้างเพราะเป็นตัวเดิมทั้งนั้นที่ทำความเดือดร้อนให้ประเทศชาติและประชาชน ตอนนี้มีแค่เพียงคนไม่กี่คน นับตัวได้ และตนจะดำเนินการเอง พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ห่วงสถานการณ์ก่อนถึงช่วงลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่มีกลุ่มต่างๆออกมาเคลื่อนไหวมากมาย โดยตนมีวิธีดำเนินการ
ตร.รอเช็คหลักฐานโยงถึง“โอ๊ค”
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร.กล่าวถึงที่คำร้องฝากขัง8แอดมินเพจ’เรารัก พล.อ.ประยุทธ์’ระบุว่ามีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุนว่ากรณีนี้พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มอบหมายให้พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.ด้านความมั่นคงกำกับดูแล โดยรองผบ.ตร.ย้ำว่า ใครเกี่ยวข้องพยานหลักฐานโยงใยไปถึงก็ต้องดำเนินคดีทั้งหมด เอาหมด ยืนยันว่าการเชื่อมโยงนำไปสู่ผู้กระทำความผิดคนใด ไม่มีการการทึกทัก การออกหมายจับผู้ใด ต้องมีหลักฐานชัดเจน พนักงานสอบสวนเพียงรวบรวมหลักฐาน การออกหมายจับเป็นดุลพินิจของศาล
ส่วนที่ระบุชื่อ นายพานทองแท้ อยู่เบื้องหลังในคำร้องฝากขัง รองโฆษก ตร.กล่าวว่าหากคำร้องระบุเช่นนั้น ก็ต้องดูปฏิกิริยาขยายผลต่อไป หากพยานหลักฐานเชื่อมไปถึง ก็ต้องเรียกนายพานทองแท้มาสอบปากคำตามขั้นตอนโดยมีวิธีการออกหมายเรียก หมายจับตามกรอบเวลาอยู่แล้ว
ย้ำชัดรัฐบาลไม่ได้สั่งปิดปาก
ส่วนการเคลื่อนไหวของ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว พ.ต.อ.กฤษณะ ย้ำว่า กฎหมายเปิดช่องให้แสดงความเห็นต่าง แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎหมายรัฐบาลไม่ได้ปิดปาก กลุ่มบุคคลใดที่ออกมาแสดงความเห็น แสดงสัญลักษณ์ต่างๆเจ้าหน้าที่จะดูองค์ประกอบทั้งหมด อาจไม่ผิดกฎหมายหลักแต่ผิดกฎหมายรองหรือกฎหมายที่ลหุโทษ ตำรวจก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้ ผบ.ตร.สนองนโยบายรัฐบาล รักษาความสงบเรียบร้อยบ้านเมือง สั่งการให้สันติบาลติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆและให้ตำรวจท้องที่ ฝ่ายสืบสวนดูแลความสงบควบคู่การข่าว ผบ.ตร.สั่งการประเมินสถานการณ์ มองว่าสถานการณ์จะเริ่มจากหนักไปเบา
เตือนหลักฐานโยงถึงใครโดนหมด
“มีการเฝ้าระวังความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาต่างๆขอให้ประชาชนศึกษาแนวทางของ กกต.ให้ดีว่าอะไรทำได้ไม่ได้ โดยรัฐบาลและคสช.ไม่มีการสั่งการให้เว้นการจับกุมเพื่อรักษาสถานการณ์ไม่ให้รุนแรง สั่งการให้ทำตามกฎหมาย ส่วนใครอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของนักศึกษาก็จับตาดูอยู่ ตอนนี้ยังไม่ทราบ เตือนว่าอย่าทำผิดกฎหมาย หากใครทำผิดและหลักฐานไปถึงต้องดำเนินคดี ใครเกี่ยวพันโยงไปถึง นปช.หรือไม่ยังไม่ทราบ ยังบอกไม่ได้รวมถึงกลุ่มทุนที่ต่อท่อน้ำเลี้ยงก็ยังอยู่ในกระบวนการสืบสวนสอบสวน ส่วนจะเชื่อมโยงกับผู้สนับสนุนเพจเรารัก พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่เป็นเรื่องในสำนวนซึ่งไม่สามารถเปิดเผยได้” รองโฆษก ตร.ย้ำ
ร้องป.สอบท่อน้ำเลี้ยง“จ่านิว”
เช้าวันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปราม นายชัชเชชฌ์ สงศรี ผู้ประสานงานเครือข่าย กลุ่ม “เรารักชาติ”พร้อมสมาชิก6 คน เข้าพบพ.ต.ท.มงคล พรมโสภา สว.สอบสอบสวน.กก.1บก.ป.เพื่อเข้าร้องทุกข์ให้ช่วยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่มี นายสิรวิชญ์ กับพวกมักรวมตัวออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรม สร้างกระแสทางการเมืองอยู่บ่อยครั้งหลากหลายรูปแบบจึงเกิดข้อสงสัยการกระทำว่า มีผู้อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนจัดกิจกรรมของกลุ่มนี้หรือไม่จึงอยากให้ตำรวจตรวจสอบ และอยากทราบว่าแหล่งเงินทุนที่ใช้จัดกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ มาจากใคร เพื่อทำความจริงกระจ่างชัดปรากฏสู่สังคมและประชาชนโดยทั่วไป
ศาลอนุญาตฝากขังวัฒนาผัด2สอบ
วันเดียวกันที่ศาลทหารกรุงเทพ พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขอฝากขัง นายวัฒนา เมืองสุข ผู้ต้องหาคดีฝ่าฝืนประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 39/2557 เป็นผัดที่ 2 เนื่องจากครบกำหนดการฝากขังผัดที่ 1 แต่ยังสอบพยานหลักฐานไม่แล้วเสร็จ ซึ่งคณะตุลาการศาลทหารกรุงเทพพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังนายวัฒนาต่อผัดที่ 2 เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 3-14 พฤษภาคม อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ศาลได้อนุญาตให้ นายวัฒนา ได้รับการประกันตัว ดังนั้นจึงให้ นายวัฒนา มารายงานตัวทุกครั้งเมื่อครบกำหนดฝากขัง
นปช.ขู่คสช.หยุดคุกคามเห็นต่าง
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าขอฝากไปยังทหารว่าศัตรูของทหาร และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ไม่ใช่ประชาชนที่ออกมาแสดงความเห็นต่าง คสช.ต้องหยุดคุกคาม คนที่แสดงความเห็น สิ่งที่ฉุด คสช.ให้ไม่ได้รับการยอมรับคือปัญหาปากท้อง เมื่อคนไม่เชื่อมั่น จะทำให้สถานการณ์ความไม่พอใจรัฐบาลเพิ่มขึ้น ขอให้คิดดูให้ดี เพราะศัตรูที่แท้จริงคือความยากจนที่ครอบงำประเทศ พร้อมเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ใครพูดอย่างไร ก็ต้องฟัง ต้องดูแลประชาชนทั้งประเทศทุกเรื่องดังนั้น อย่าไปวกวนอยู่ในเรื่องของอำนาจ และการใช้อำนาจ ขอให้เปลี่ยนวิธีคิด ถ้าวันหนึ่งคนหมดความอดทน ต้องออกมาเรียกร้อง เพราะไม่มีจะกิน
“จ่านิว”ขู่ยกระดับเคลื่อนไหว
ในเวลา13.00น.ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. พร้อม แกนนำ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์’จ่านิว’ พร้อมทนายความ นายอานนท์ นำภา นายวิญญัติ ชาติมนตรี ได้เดินทางเข้าเยี่ยม8 ผู้ต้องหา คดีความผิด มาตรา116 ยุยง ปลุกปั่นสร้างความกระด้างกระเดื่องและวุ่นวายในสังคมและความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่เป็นแอดมิน เพจ” เรารักพล.อ.ประยุทธ์”และนายบุรินทร์ อินตินผู้ต้องหาในคดี ม.112 หมิ่นสถาบันฯเบื้องสูง ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ด้านนายสิรวิชญ์ ระบุว่า มาเยี่ยมเพื่อนตามปกติ เพราะเห็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมและมองว่า การควบคุมตัวเป็นการใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ ทั้งที่เป็นการแสดงความเห็นตามปกติ โดยหลังจากนี้ ตนจะเคลื่อนไหวเข้มข้นให้มากขึ้นขอให้ติดตามกันต่อไป
ขณะที่ นายอานนท์ เปิดเผยว่า ในช่วงสายวันที่ 3 พฤษภาคม จะยื่นประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คนที่ศาลทหารกรุงเทพ เบื้องต้นจะใช้หลักทรัพย์คนละ 100,000 บาทเพื่อขอประกันตัว
“ตู่”เตือนยัดข้อหา116ปลุกลุกฮือ
ขณะที่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.กล่าวว่าการจับกุมประชาชนทำเพจ ล้อเลียนการเมืองทั้ง 8 คนไปขังคุกด้วยข้อหารุนแรงเป็นภัยความมั่นคง จะกลายเป็นชนวนนำไปสู่ความไม่พอใจของประชาชนมากขึ้นจนผู้มีอำนาจเอาไม่อยู่ การตั้งข้อหาโดยไม่มีข้อเท็จจริง เป็นการรังแกกัน สิ่งนี้จะทำให้ประชาชนรู้สึกไม่พอใจแล้วลุกลามถึง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องพังอย่างไม่เป็นท่าและการตั้งข้อหามาตรา116 มาจัดการให้มีโทษรุนแรงแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาในอนาคตได้ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนสาธารณะ ถ้าฟังเสียงการวิจารณ์ไม่ได้ ต้องออกไปอยู่กับลูก เมีย เพราะตำแหน่งนายกฯไม่ใช่ตำแหน่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ล่วงละเมิดไม่ได้ ดังนั้นอย่าเชื่อพวกสอพลอให้มากนัก ถ้าเรื่องราว ลุกลามไปใหญ่โตแล้ว คนสอพลอพวกนี้จะหนีและทิ้งท่านไปก่อนพวกเลย
สมชัยยันโพสต์ไม่แย้งกฎเหล็กกกต.
ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สัมมนาหัวข้อ“ประชามติ อะไรทำได้-ไม่ได้”โดย นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง กล่าวว่าพ.ร.บ.ออกเสียงประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ มีหลักการเบื้องต้นอยู่บนสิทธิเสรีภาพของบุคคลโดยการให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการออกเสียงโดยสุจริตไม่ขัดต่อกฎหมาย แต่เราไม่สามารถเขียนให้ครอบคลุมทุกประเด็นได้ เพราะบ้านเมืองเรามีศรีธนชัยเยอะแต่เราต้องการให้บ้านเมืองเดินหน้าสู่การทำประชามติอย่างสุภาพชน ส่วนที่ตนโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว10ข้อก็เป็นการขยายออกมาจาก 8 ข้อให้ชัดเจน และไม่ได้ขัดแย้งกับร่างประกาศ กกต.ยืนยัน เราเห็นด้วยว่า จำเป็นต้องเปิดบรรยากาศ แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมายที่อนุญาตให้ทำและประกาศ คสช.ดังนั้น ภายใต้ข้อจำกัดทุกเรื่อง กกต.จะพยายามทำให้ได้ทุกเรื่อง
สปท.ซัดสมชัยโพสต์ทำคนสับสน
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ด้านการเมือง กล่าวว่า กกต. ควรให้ความสำคัญเรื่องนี้ ไม่ใช่ให้ประชาชนทำได้แค่ 6 ข้อ โดยการออกระเบียบของกกต.ควรยึดตัวบทกฎหมายเป็นหลัก ให้ชัดเจนแล้วก็ไม่ต้องอธิบายอีกแต่ตรงไหนที่คลุมเครือ ต้องอธิบายให้ชัดเจน ช่วงนี้ยังมีเวลาทบทวนและวางหลักเกณฑ์ประกาศไปในทางเดียวกัน
ชี้บรรยากาศถูกจำกัดไม่ลดขัดแย้ง
นายไพโรจน์ พลเพชร นายกสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน กล่าวว่าขณะนี้ ดูเหมือนว่าเราไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายเห็น ต่างตัวกฎหมายไปจำกัดตั้งแต่ต้นแต่การที่บอก กรธ.ชี้แจงข้อมูลไม่เป็นการจูงใจนั้น สิ่งนี้เป็นการจูงใจโดยตรงนี่ไม่ใช่บรรยากาศการลงประชามติเลย การอ้างแต่ความมั่นคง ทั้งที่เราต้องอยู่กับรัฐธรรมนูญนี้ความขัดแย้งไม่มีทางคลี่คลายในบรรยากาศแบบนี้เราไม่ได้ให้ความเสมอภาคและความเป็นธรรม
วิษณุจี้กกต.แจงหลักเกณฑ์ให้ชัด
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงประกาศของกกต. ว่าอะไรทำได้และไม่ได้ ตาม พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าว ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบโดยทั่วกันและประกาศดังกล่าว ไม่ถือเป็นกฎหมาย เป็นเพียงคำอธิบายขยายความ จะผิด หรือไม่ผิด ไม่ได้กำหนดในประกาศ หากใครยังมีความสงสัยในหลักเกณฑ์สามารถยื่นให้กกต.อธิบายเพิ่มเติมได้ ตนอยากให้กกต.ชี้แจงให้ชัดเกี่ยวกับข้อสงสัยต่างๆ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี