3 พ.ค. 59 เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบโครงการปรับเปลี่ยนการครองยศของตำรวจ โดยปัญหาที่ผ่านมาคือการออกคำสั่งแต่งตั้งของตำรวจ ในบางครั้งต้องใช้เวลานานเพราะต้องมีการปรึกษาหารือ ส่งผลต่อระยะการนับเวลาการครองยศ โดยเฉพาะในปีแรกของการครองยศใหม่ ทำให้เมื่อถึงสิ้นปีงบประมาณในวันที่ 30 ก.ย.ของแต่ละปี นายตำรวจหลายนายต้องเสียสิทธิที่พึงจะได้ ดังนั้นจึงได้กำหนดกฎกติกาใหม่ โดยในกรณีการนับปีครองยศในปีแรกของการแต่งตั้งประจำปี คือในช่วง ต.ค.-พ.ย. ของแต่ละปี ไม่ว่าคำสั่งจะมีผลเมื่อไหร่ให้นับระยะเวลาการครองยศปัจจุบัน ถึง 1 ต.ค. ถัดไปให้นับเวลาเป็น 1 ปี
"ยกตัวอย่างเช่น กรณีการแต่งตั้งประจำปี คำสั่งแต่งตั้งได้ล่าช้าออกไปเป็นเดือน ก.พ. เมื่อถึง 1 ต.ค. ให้นับเวลาการครองเป็น 1 ปี ซึ่งแต่เดิมจะไม่สามารถนับได้เช่นนี้ เพราะฉะนั้นจะเป็นการแก้ไขปัญหาการออกคำสั่งล่าช้าได้ ซึ่งไม่ใช่ความผิดของตำรวจผู้ได้รับคำสั่งแต่งตั้งยศล่าช้า" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อถึงกรณีที่มีคำสั่งแต่งตั้งนอกวาระประจำปี ว่า ให้นับเวลาครองยศปัจจุบันถึง 1 ต.ค. หากมีเวลาครองยศอยู่ไม่น้อยกว่า 8 เดือน ให้นับเป็น 1 ปี ซึ่งจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้กับนายตำรวจทุกชั้นยศ ตั้งแต่ระดับสิบตำรวจตรีจนถึงระดับพลตำรวจโท ที่จะขอใช้สิทธิ์เข้าโครงการเออร์ลี่ เพราะจะได้รับการพิจารณาเลื่อนชั้นยศเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น ดังนั้นการนับระยะเวลาการครองยศจึงมีความสำคัญ โดยเฉพาะต่อกลุ่มนายตำรวจที่จะเข้าโครงการฯ เป็นอย่างมาก ที่ประชุมมีความเห็นว่า เป็นสิทธิที่นายตำรวจพึงมีพึงได้เพราะการออกคำสั่งแต่งตั้งล่าช้าไม่ใช่ความผิดของพวกเขา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี