24 พ.ค.59 พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ในโอกาสครบรอบ 2 ปีรัฐประหาร โดยระบุว่ารัฐบาลของดิฉันทำงานไม่ได้ จึงเข้ามายึดอำนาจนั้น ว่า จริงๆ แล้ว มีเหตุผลอย่างอื่นด้วย ไม่ใช่เหตุผลว่ารัฐบาลทำงานไม่ได้อย่างเดียว แต่ยังมีเรื่องของความขัดแย้งที่นำไปสู่ความรุนแรง จนกระทั่งมีคนเสียชีวิตจากการแสดงออกตามวิถีทางประชาธิปไตย สิ่งนี้เป็นการละเมิดอย่างรุนแรงของคนในสังคม โดยเฉพาะการใช้อาวุธสงครามกันมากในชุมชนเมือง การบังคับใช้กฎหมายในขณะนั้นไม่มีประสิทธิภาพ และคนไม่เคารพกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการละเมิดสถาบันก็มีมาก จนกระทั่งเป็นการทำลายวิถีทางวัฒนธรรมของประเทศ และยังมีการใช้สื่อปลุกระดมปลุกปั่นจนเกิดความแตกแยก
โฆษก คสช.กล่าวต่อว่า ส่วนที่บอกว่าวันนี้ประชาชนกำลังจะเผชิญกับความยากลำบาก จากปัญหาปากท้อง ความยากจน รวมถึงปัญหา สังคม ยาเสพติดที่กำลังเพิ่มมากขึ้นทุกวันนั้น เรื่องของปัญหาปากท้อง ความยากจน ปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาที่สังคมโดยทั่วไปเห็นอยู่แล้วว่า คสช.จริงจังและดำเนินการมาโดยตลอด ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องของเศรษฐกิจจะเห็นว่า มีการแก้ปัญหาดำเนินการอย่างเป็นระบบ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว และมีการดำเนินการทุกๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ และสิ่งที่ทำสามารถตรวจสอบได้ว่าสิ่งที่ทำไปมีอะไรบ้าง ทุกๆ มาตรการที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทำอย่างเต็มที่ ทุกๆ ด้านที่เป็นองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ รัฐบาล คสช.พยายามดำเนินการอย่างเต็มที่ เราเชื่อว่าบางส่วนอาจจะเป็นการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพื่อมาทำลายความน่าเชื่อถือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะรัฐบาล คสช.ได้ดำเนินการไปหมดแล้ว
พ.อ.วินธัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ และการดำเนินการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ดำเนินการมาโดยตลอด จะเห็นว่าความขัดแย้งเงื่อนไขเดิมๆ ที่มีการแบ่งแยกสี ปัจจุบันลดระดับลงไปมาก อย่างน้อยไม่เห็นในเชิงประจักษ์ แต่ถ้าบางคนมองอาจจะเป็นความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน แต่เป้าหมายอาจจะเปลี่ยนเป็นเรื่องของความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันกับ คสช.และรัฐบาลมากกว่า ถ้าตรงนี้ ต้องมองว่ารัฐบาล และ คสช.ไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใคร แต่สิ่งที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง เราไม่ได้กดประชาชน เพราะในเวลานี้ประชาชนสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างมีสิทธิ เสรีภาพ แต่ความคิดเห็นจะต้องไม่ไปพาดพิงบุคคลหรือองค์กรใด ที่ทำให้เกิดความเกลียดชังหรือนำไปสู่การแตกความสามัคคี เพราะฉะนั้นแสดงความคิดเห็นได้หมด แต่ต้องไม่ไปยั่วยุ
"การแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ในสภาพที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบันรัฐบาลได้เปิดช่องทางการรับฟังความคิดเห็น การรับฟังความเดือดร้อนผ่านศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ ซึ่งได้รับผลการตอบรับที่นำไปสู่การแก้ปัญหา ที่รัฐบาล และ คสช.ดำเนินการให้ ดังนั้น 2 ปีที่ผ่านมา เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า คสช.และรัฐบาล ได้ดำเนินการในสิ่งที่ควรจะทำมาอย่างเต็มที่ ยังมีเรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น การแก้ไขปัญหาสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ แก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อนให้เข้าสู่ระบบ ไม่ให้ใครไปแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ การจัดระเบียบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถตู้ รถแท๊กซี่ รถจักรยานยนต์ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ส่วนการสร้างความชอบธรรมทุกฝ่ายให้ถูกต้องนั้น จะต้องสร้างความชอบธรรมให้อยู่ภายใต้กลไก กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามหลักสากล ไม่ได้ตัดสินกันเอง" พ.อ.วินธัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี