24 พ.ค. 59 เวลา15.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการบังคับให้สาบสูญ และร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ... ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากที่ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม เมื่อปี 2550 และภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองการบังคับคนให้สูญหาย เมื่อปี 2554 แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากประเทศไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบรรณ ดังนั้น ครม.จึงเห็นชอบการให้สัตยาบรรณในอนุสัญญาดังกล่าว ด้วยเหตุนี้กระทรวงยุติธรรมจึงเสนอร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย พ.ศ. ... เพื่อความสอดคล้องกับอนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ โดย พ.ร.บ.ดังกล่าว มีใจความสำคัญคือ กำหนดบทลงโทษเกี่ยวกับการกระทำความผิดในการทรมานผู้ถูกจับกุม หรือการอุ้มให้สูญหาย ไม่ว่าจะโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ แต่หากได้รับความยินยอมจากเจ้าหน้าที่รัฐ จึงถือว่าการกระทำนั้นผิดกฎหมาย
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า กฎหมายนี้ครอบคลุมไปถึงสถานการณ์ฉุกเฉิน สงคราม สถานการณ์ความไม่มั่นคง ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถนำมากล่าวอ้างเพื่อกระทำความผิดได้ และหากพบว่ามีการกระทำความผิดอายุความจะอยู่ที่ 20 ปี นอกจากนี้ยังมีการตั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้เสียหายจากการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน ทั้งนี้ยังให้สิทธิ์แก่ผู้ถูกจับกุมโดยต้องได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับญาติ ทนายความ หรือผู้ที่ไว้วางใจ มีสิทธิ์ที่จะแจ้งให้ผู้อื่นทราบถึงสภาพการคุมขังว่าเป็นอย่างไร ทั้งยังกำหนดมิให้หน่วยงานของรัฐ ส่งตัวบุคคลหนึ่งบุคคลใดออกไปนอกราชอาณาจักร หากเชื่อว่าจะก่อให้เกิดการทรมาน หรือถูกบังคับให้สูญหาย
“หลายคนคิดว่ารัฐบาลที่มาจากทหาร ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งปกติ จะกล้าออกกฎหมายแบบนี้หรือ ดังนั้นวันนี้จึงเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้เราเป็นรัฐบาลที่มาในช่วงจำเป็น เฉพาะกิจ แต่เราก็ออกกฎหมายเพื่อให้สังคมเกิดความเข้าใจว่าสิ่งที่รัฐบาลทำ เป็นเรื่องที่ถูกต้องตามหลักสากล ไม่ได้มีการลิดรอนสิทธิ์ประการใด ถ้าย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่าเราไม่ได้ละเมิดสิทธิแต่อย่างใด และหากกฎหมายฉบับนี้มีผลประกาศใช้ การทำงานของ คสช.ก็ไม่ได้มีปัญหา เพราะเราไม่เคยทรมานใคร ไม่เคยอุ้มใครให้หายไป การไปเชิญพูดคุยทำความเข้าใจ ก็มีการแจ้ง บางคนบอกว่าเขาไม่รู้ จึงถามว่าเขานั้นใคร เพราะญาติเขารู้ แต่เขามาได้แจ้งท่าน” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี