25 พ.ค. 59 เมื่อเวลา 14.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดเวทีชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติเพิ่ม ว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อกับ กกต. แต่รัฐบาลมีความคิดนี้อยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. ทั้งนี้การจัดเวทีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นบทเรียนที่ดี มีบรรยากาศที่ดีและความสร้างสรรค์ ซึ่งบางคำถามอาจจะดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ บางอย่างเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เป็นการบ่นและปรารภบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มีที่ให้ระบาย ตนอยากเห็นการจัดเวทีในรูปแบบนี้ และไม่จำเป็นต้องเชิญพรรคการเมืองอย่างเดียว เพราะหากให้พูดบ่อยเขาก็ไม่อยากมา ซึ่งต้องขอบคุณหลายคน อาทิ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำ นปช. ที่ร่วมอยู่รับฟังกันถึง 5 ชั่วโมง
นายวิษณุ กล่าวว่า แนวทางต่อไปหากประชาชนสนใจ รัฐบาลก็อาจจะจัดเวทีขึ้นอีก แต่ไม่ใช่เรื่องรัฐธรรมนูญเพราะเป็นเรื่องของ กกต. แต่จะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล และที่ประชาชนสนใจ เช่น พ.ร.บ.อุ้มหาย หรือคดีความต่างๆ เหมือนอย่างที่สื่อมวลชนถามอยู่ทุกวัน แค่เปลี่ยนจากสื่อมวลชนเป็นประชาชนถามเท่านั้น ซึ่งตนเคยปรารภกับผู้ใหญ่ และหลายคนก็เห็นด้วย แต่คำถามคือใครจะเป็นผู้ตอบคำถามประชาชน เพราะเราไม่ทราบว่าประชาชนจะถามเรื่องอะไร จึงไม่รู้จะส่งใครไปตอบ จะให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปนั่งตอบก็เสียเวลา ไม่เหมือนเวที กกต. ที่รู้ประเด็นว่าจะถามเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติ ซึ่งต้องจัดผู้ที่เกี่ยวข้องไปตอบคำถาม จะให้ตนเป็นผู้ตอบคำถามก็ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ตนไม่รู้จะทำอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ ถามถึงการผ่อนคลายประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 57/2557 เพื่อให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ คสช. อย่ารบเร้าอะไรมาก ที่เป็นเรื่องเพราะสื่อชอบถาม หากสื่ออยู่เฉยๆ ผู้ที่มีหน้าที่พิจารณาก็จะทำหน้าที่ไปโดยไม่รู้สึกกดดัน จะสังเกตได้ว่า เวลาสื่อถามนายกฯ ต้องฉุนทุกที จนกระทั่งมีคนมาวิเคราะห์ว่า ผู้สื่อข่าวคงไม่อยากให้เกิดการผ่อนคลาย จึงถามประเด็นนี้ขึ้นมา เพื่อให้ตัดไปเลย ซึ่งตนก็คิดว่าจะถามทำไม
เมื่อถามต่อกรณีที่ นายจตุพร เตรียมตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ สามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีข้อห้าม ใครก็สามารถตั้งได้ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่ดี แต่ข้อควรระวังคือ การไปจับมีการทำผิดหรือไม่ เพราะหากผิดก็จะมีโทษจำคุก 10 ปี ซึ่งต้องมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าผิดจริงไม่อย่างนั้นจะถูกฟ้องกลับ แต่ตนคิดว่าหากช่วยกันจับตาดูเรื่องการทุจริตเลือกตั้ง ส.ส.จะดีกว่า เพราะการลงประชามติไม่มีอะไรที่ต้องจับตา เพราะไม่มีอะไรเดิมพัน สมมติว่าหากพบว่ามีความผิดเรื่องโฆษณาเชิญชวนต่างๆ ต้องถามว่าจะนำไปสู่การทำประชามติผ่านไม่ผ่าน หรือการล้มประชามติได้ง่ายอย่างนั้นหรือ จะมาบอกกันแล้วเชื่อกันง่าย ๆ หรือ เพราะฉะนั้นจะเห็นว่ากฎหมายประชามติ ไม่มีเรื่องยกเลิกประชามติแล้วทำใหม่มีแค่ผ่านกับไม่ผ่าน ถ้าผิดตรงไหนก็ซ่อมใหม่ที่หน่วยนั้น เนื่องจากไม่มีคะแนนที่ยึดโยงกันทั่วประเทศ ต่างจากการเลือกตั้ง ส.ส. ที่หากล้มทั้งประเทศ ก็ต้องจัดใหม่เลือกตั้งทั่วประเทศ เพราะคะแนนยึดโยงกันหมด จึงมีการล้มแล้วจัดการเรื่องตั้งทั้งประเทศอีกทีหนึ่ง การเวทีเลือกตั้งขึงควรจับตาดูมากกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี