ศาลฎีกาออกหมายจับ
ขวัญชัยเผ่น!
หนีคดีทุบพธม.อุดรฯ
กกต.คิกออฟแจกแสนชุด
เอกสารตีปี๊บเนื้อร่างรธน.
มีชัยเดือดชงฟ้องบิดเบือน
เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ห้องพิจารณาคดี 4 ศาลจังหวัดอุดรธานี ได้นัดฟังคำสั่งคดีฎีกา คดีแดงเลขที่ 2652/54 กรณีนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ พร้อมพวก รวม 7 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดรเป็นจำเลย ในข้อหาพยายามฆ่าทำร้ายผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จากกรณีนำกลุ่มมวลชนไปประท้วงต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2551 ที่บริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลเมืองอุดรธานี
เสื้อแดงรอเก้อ-ขวัญชัยไม่โผล่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศตั้งแต่เช้ามีทนายความ พร้อมภรรยาและบุตรชายและกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอให้กำลังใจนายขวัญชัย กระทั่งถึงเวลา 10.40 น. ศาลได้เรียกขานชื่อนายขวัญชัย สาราคำ อีกครั้งเพื่อให้เข้าห้องพิจารณา แต่นายขวัญชัยไม่ได้เดินทางมาตามนัดแต่อย่างใด ทำให้ภรรยาและบุตรชาย และกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอให้กำลังใจมีสีหน้ากังวลไปตามๆ กัน
เมียอ้างสามีไปจำศีลทำใจก่อน
นางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคมที่ผ่านมาตนเพิ่งได้คุยโทรศัพท์กับสามีซึ่งนายขวัญชัยก็ยืนยันว่าจะเดินทางมารับฟังคำพิพากษาอย่างแน่นอน แต่ขอไปงานของนายนิสิต สินธุไพร ที่ห้างอิมพีเรียลในกทม.ก่อนและขอไปจำศีลสักพัก และจะเดินทางกลับมาฟังคำพิพากษา และหลังจากคุยโทรศัพท์กันวันนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก ซึ่งตนก็เป็นห่วงเพราะหลังถูกลอบยิงนายขวัญชัยก็มีอาการซึมเศร้า สุขภาพก็ยังไม่ค่อยดี“ก่อนหน้านี้นายขวัญชัยบอกกับตนเสมอว่า หากตนติดคุก 2 ปี 8 เดือนก็คงจะติดไม่นาน และหากเข้าไปอยู่ในเรือนจำจริงๆ ก็น่าจะอยู่แค่ประมาณ 1 ปีเศษๆ คิดว่าคงทนได้ ก่อนหน้านี้มีปัญหามากมายไม่รู้กี่ครั้งก็ทนได้ตลอด และย้ำว่า “ไม่ต้องห่วงพี่ แค่ 2 ปี 8 เดือน แค่นี้พี่รับได้ ดังนั้นหากคุณขวัญชัยได้ดูข่าวก็อยากให้กลับมาฟังคำพิพากษาตามที่เคยพูดกันไว้”นางอาภรณ์ กล่าว
เผ่นตามคาด-ศาลออกหมายจับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังผ่านไป 30 นทีก็ยังไม่เห็นนายขวัญชัย ทางผู้พิพากษาศาลฏีกาจึงได้อนุมัติออกหมายจับนายขวัญชัย และนัดฟังคำพิพากษาใหม่อีกครั้งในวันที่ 28 มิถุนายนนี้
ส่วนนายศุภวัตร ทักษิณ ทนายความของนายขวัญชัย กล่าวว่า ขณะนี้หน้าที่ของทนายหมดแล้ว ต่อไปคือหน้าที่นายประกันที่จะตามตัวจำเลยให้มาตามหน้าที่ ถ้าไม่มาก็เสียค่าปรับ500,000 บาท คิดว่าเมื่อนายขวัญชัยทำใจได้แล้วก็คงจะมาแน่นอน
พธม.หายโกรธให้อภัยทุกคน
ขณะที่นายเจริญ หมู่ขจรพันธุ์ ซึ่งเป็นโจทย์ยื่นฟ้องนายขวัญชัยคดีดังกล่าว กล่าวว่า จริงๆ แล้วนายขวัญชัยน่าจะมาฟัง ไม่น่าจะหลบไปอย่างที่ลูกชายนายขวัญชัยแถลงต่อศาลว่าพ่อขอหลบไปวัดป่าเพื่อทำในและนั่งสมาธิ ศาลก็เมตตาให้โอกาสจะนัดฟังคำพิพากษาอีกในวันที่ 28 มิ.ย.นี้คิดว่าหากนายขวัญชัยมาฟังเรื่องดังกล่าวก็น่าจะจบ สำหรับตนหายโกรธและขอให้อภัยทุกคน
สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาพิพากษา เมื่อ 28 ธันวาคม 2554 ให้จำคุกนายขวัญชัยจำเลย 4 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเนื่องจากจำเลยให้การรับสารภาพคงเหลือ เหลือ 2 ปี 8 เดือน ปรับ 350,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ตั้งแต่วันเกิดเหตุ ซึ่งภายหลังอ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ นายขวัญชัย ได้ใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดิน ราคาประเมิน 300,000 บาท ประกันตัวและยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาต่อมาเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก 2 ปี 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา
“บิ๊กตู่”แอ๊คชั่นตบลูกยางโชว์พลัง
ทางด้านความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)นั้น เมื่อเวลา 10.30 น. ทีมนักกีฬาวอล์เล่ย์บอลหญิงทีมชาติไทย เข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาลภายหลังกลับจากการแข่งขันคัดเลือกโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนายกฯได้ให้กำลังใจและขอบคุณที่มอบความสุขให้กับคนไทย
นอกจากนี้นายกฯยังร่วมเล่นวอล์เลย์บอลกับบรรดานักกีฬา ด้วยการเซตลูกวอลเล่ย์บอลและตบลูกวอลเลย์บอลใส่ วรรณา บัวแก้ว อย่างเป็นกันเองอีกด้วย
“กัปตันกิ๊ป”บอกตบหนักมาก
ด้านน.ส.วิลาวัณย์ อภิญญาพงศ์ หรือกัปตันกิ๊ป กล่าวติดตลกว่า “ทีมชาติไทยเราได้นำลูกวอลเล่ย์บอลมามอบให้นายกฯ ซึ่งนายกฯได้เซทและตบโชว์ ให้พี่นา น.ส.วรรณา บัวแก้ว รับ แต่พี่นาก็พลาดไป รับไม่ได้ ทำให้เราไม่ได้ไปเล่นในโอลิมปิกครั้งนี้ แต่อยากจะขอเตือนพี่นักข่าวนะคะว่า นายกฯตบหนักมาก ขอฝากพี่ๆ นักข่าวไว้ว่าเวลาแซวอะไรก็ระวังไว้เพราะนายกฯ ตบหนักมากจริงๆ”น.ส.วิลาวัณย์ กล่าวติดตลก
นั่งรถกันกระสุนคันใหม่”4กต.29”
จากนั้นเวลา 12.20 น.นายกฯ และคณะออกเดินทางไปยังท่าอากาศยาน กองบิน 1 ต.หนองไผ่ล้อม อ.เมือง จ.นครราชสีมา เพื่อตรวจปัญหาภัยแล้ง ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าในการปฏิบัติภารกิจในช่วงเช้านี้พล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่ยนมานั่งรถยนต์กันกระสุนยี่ห้อเมอร์เซเดส-เบนซ์ทะเบียน 4 กต 29 กรุงเทพมหานคร ซึ่งสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี(สลน.)จัดซื้อจำนวน 4 คัน จากบริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ จำกัด โดยเป็นรถกันกระสุน ราคาคันละ 19.5 ล้านบาท รวมเป็นเงินประมาณ 80 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2558
กกต.คิกออฟรณรงค์ประชามติ
ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ ถนนแจ้งวัฒนะ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดงาน “คิกออฟ 7 สิงหา ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง” เพื่อประชาสัมพันธ์การออกเสียงประชามติ โดยมีนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร และนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการกกต. พร้อมด้วยผู้บริหารสำนักงานกกต. เข้าร่วมงาน
จากนั้นได้ปล่อยขบวนรถบรรทุกเอกสารร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 7 คัน ซึ่งจัดส่งเอกสารร่างรัฐธรรมนูญและเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน 100,000 ชุด ไปยังอาคารรัฐสภา
เพื่อให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) นำไปแจกจ่ายให้อาสาสมัครเพื่อนำไปชี้แจงเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญให้ประชาชนรับทราบต่อไป
ยังไม่มีสัญญานล้มประชามติ
นายศุภชัย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมการดำเนินการจัดทำประชามติว่า กกต.มีความพร้อมทุกฝ่าย ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ว่าจะไม่มีการทำประชามติเกิดขึ้นและไม่มีปัญหาที่จะนำไปสู่การล้มประชามติ หากวันออกเสียงประชามติมีกลุ่มบุคคลไปขัดขวาง เช่น เดียวกับการเลือกตั้งวันที่ 2ก.พ.57 เรามีกฎหมายบังคับใช้อยู่แล้ว หากมีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น ก็สามารถเลื่อนการออกเสียงหน่วยนั้นๆได้
มั่นใจพรบ.ไม่ขัดรธน.ชั่วคราว
นายศุภชัยกล่าวถึงกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหนังสือถึงกกต.เพื่อให้ชี้แจงการออกพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 61 วรรคสอง วรรคสี่ขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราวหรือไม่ว่า มอบหมายให้สำนักกฎหมายกกต. ไปทำคำชี้แจงเพื่อส่งไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินให้ทันภายในวันที่1มิ.ย.ตามกำหนด ส่วนตัวเห็นว่ามาตรา 61 วรรคสอง วรรคสี่ ไม่ขัดรัฐธรรมนูญชั่วคราว ก่อนออกกฎหมาย สนช.คงดูดีแล้ว และสนช.เป็นผู้ออกกฎหมาย กกต.เป็นผู้ปฏิบัติตาม หากผู้ตรวจการฯยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ขึ้นอยู่ดุลยพินิจของศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร
“มีชัย”ได้รับเอกสารเผยแพร่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกกต. คิกออฟส่งเอกสารร่างรัฐธรรมนูญล็อตแรก 100,000 ชุด ถึงรัฐสภาแล้ว โดยมอบให้กรธ. 50,000 ชุด และสนช.อีก 50,000 ชุด ทางด้านนายมีชัย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับเอกสารดังกล่าวแล้ว และส่งมอบให้ไปรษณีย์ ส่งไปตามจังหวัดต่างๆเพื่อแจกจ่ายให้กับครู ก ที่ยังได้ไม่ครบและครู ข หรืออาสาสมัครระดับอำเภอทั่วประเทศ เพื่อใช้เป็นคู่มือก่อนที่จะอบรบครู ค ต่อไป
ของบฯจ่ายให้อาสาสมัคคนละ200
“ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานกับทางรัฐบาล เพื่อของบประมาณเพิ่มเติมให้เป็นสินน้ำใจกับครู ค ซึ่งเป็นอาสาสมัครประจำหมู่บ้าน ที่เหลืองบประมาณเฉลี่ยคนละ 200 บาท ตลอดการช่วยชี้แจงทำความเข้าใจเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเป็นเวลากว่า 40 วัน ซึ่งถือว่าน้อยเกินไป และต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบต่อการชี้แจงบ้างเช่นกัน”นายมีชัย กล่าว
ชงกกต.ฟัน2-3รายเข้าข่ายทำผิด
ประธาน กรธ. กล่าวว่า ยังมีความพยายามบิดเบือนข้อมูลเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งอนุกรรมการประชาสัมพันธ์ได้รวบรวมเตรียมส่งให้กกต.แล้ว มีกรณีใหญ่ ๆ ที่เข้าข่ายความผิด 2-3 กรณี ที่บิดเบือนเรื่องเนื้อหาเกี่ยวกับการศึกษา ซึ่งอยากจะขอร้องคนที่ทำ ให้เห็นแก่ชาติบ้านเมือง ส่วนกรณีของน.พ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. วิพากษ์วิจารณ์เพลงและเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญนั้นไม่ถือเป็นการบิดเบือน แต่เป็นการกล่าวหาเท็จ เพราะอ่านร่างรัฐธรรมนูญไม่จบเล่ม ดังนั้นควรต้องอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยวิจารณ์
นายมีชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการส่งไลน์บิดเบือนเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญว่า ถ้าต้นตอที่ส่งเนื้อเข้าข่ายกระทำผิด คนที่ส่งต่อก็จะผิดด้วย จึงเตือนประชาชนที่ได้รับไลน์ดังกล่าวจะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนส่งต่อ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำผิดโดยไม่รู้ตัว
แจกคลิปเสียงคลิปเพลงด้วย
ด้านนายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรธ. กล่าวว่า เอกสารที่กรธ.ได้รับมี 3 ส่วนใน 1 ชุด คือร่างรัฐธรรมนูญ 279 มาตรา สรุปสาระสำคัญหลัก ๆ ของร่างรัฐธรมนูญ 4 เล่มและสรุปสาระสำคัญรูปแบบการ์ตูนอินโฟกราฟิค 4 เล่ม คำอธิบายคำถามพ่วง 4 เล่ม รวมทั้งชุดจะมี 13 เล่ม ที่จะแจกจ่ายไปให้อาสาสมัคร ขณะเดียวกันยังมีเอกสารคลิปเสียง คลิปเพลง และคำถามหลักที่กรธ.ไขข้อข้องใจประเด็นสาระสำคัญที่ควรรู้ ซึ่งสามารถเปิดดูในเว็บไซค์ของ กรธ.ได้
รบ.เล็งเวทีให้ปชช.มีช่องระบาย
ในขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะจัดเวทีชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติเพิ่ม ว่า ยังไม่ได้มีการติดต่อกับ กกต. แต่รัฐบาลมีความคิดนี้อยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ กกต. ทั้งนี้การจัดเวทีเมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียนที่ดี มีบรรยากาศที่ดีและความสร้างสรรค์ ซึ่งบางคำถามอาจจะดูไม่เป็นชิ้นเป็นอัน แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
“บางอย่างเป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ เป็นการบ่นและปรารภบ้าง แต่ก็ดีกว่าไม่มีที่ให้ระบาย ผมอยากเห็นการจัดเวทีในรูปแบบนี้ และไม่จำเป็นต้องเชิญพรรคการเมืองอย่างเดียวเพราะหากให้พูดบ่อยเขาก็ไม่อยากมา ทั้งนี้การจัดเวทีครั้งหน้าไม่ใช่เรื่องรัฐธรรมนูญ แต่อาจเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเช่น พรบ.อุ้มหาย หรือคดีต่างๆ โดยให้ประชาชนเป็นผู้ซักถาม ซึ่งผู้ใหญ่ในรัฐบาลหลายคนก็เห็นด้วย”นายวิษณุ กล่าว
ติงสื่ออย่าถามเรื่องปลดล็อค
เมื่อถามถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เสนอให้ปลดล็อคคำสั่งคสช. ฉบับที่ 57/2557เพื่อผ่อนคลายให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ มีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายวิษณุ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของคสช. อย่ารบเร้าอะไรมาก ที่เป็นเรื่องเพราะสื่อชอบถาม หากสื่ออยู่เฉยๆ ผู้ที่มีหน้าที่พิจารณาก็จะทำหน้าที่ไปโดยไม่รู้สึกกดดัน จะสังเกตได้ว่า เวลาสื่อถามนายกฯ ต้องฉุนทุกที จนกระทั่งมีคนมาวิเคราะห์ว่า ผู้สื่อข่าวคงไม่อยากให้เกิดการผ่อนคลาย จึงถามประเด็นนี้ขึ้นมา เพื่อให้ตัดไปเลย ซึ่งตนก็คิดว่าจะถามทำไม
เตือนตู่ตั้งศูนย์จับโกงพลาดคุก
เมื่อถามต่อกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานปช. เตรียมตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติ สามารถทำได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีข้อห้าม ใครก็สามารถตั้งได้ไม่มีปัญหา เป็นเรื่องที่ดี แต่ข้อควรระวังคือ การไปจับมีการทำผิดหรือไม่ เพราะหากผิดก็จะมีโทษจำคุก 10 ปี ซึ่งต้องมีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าผิดจริง ไม่อย่างนั้นจะถูกฟ้องกลับ แต่ตนคิดว่าหากช่วยกันจับตาดูเรื่องการทุจริตเลือกตั้งส.ส.จะดีกว่า เพราะการลงประชามติไม่มีอะไรที่ต้องจับตา เพราะไม่มีอะไรเดิมพัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี