27 พ.ค.59 ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคง โดยมีรัฐมนตรี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนหน่วยงานด้านความมั่นคง เข้าร่วม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม , พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย , พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม , พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) , พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) , พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เพื่อรับฟังรายงานสรุปสถานการณ์ความมั่นคงในด้านต่างๆ หลังครบรอบ 2 ปี คสช.และเพื่อประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงเข้าสู่การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ
ต่อมาเวลา 18.00 น.พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมว่า มีการรายงานข้อมูลจาก คสช. , สขช.และ สมช.ซึ่งทุกหน่วยรายงานตรงกันว่า สถานการณ์โดยรวมอยู่ในสภาวะที่เรียบร้อยดี มีความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่แตกต่างออกไปบ้าง ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อยู่ในวิสัยที่ประเทศสามารถจะเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังมีการแบ่งงานให้เกิดความชัดเจนระหว่างรัฐบาล กับ คสช.เพราะนายกฯ เน้นถึงเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินที่ทำให้เกิดความยั่งยืน เพราะฉะนั้นอะไรก็แล้วแต่ที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหรือเฉพาะกิจที่มีความวิกฤตให้ผ่านพ้นไปได้ เพราะถ้าทุกสิ่งทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบสามารถเดินหน้าต่อไปได้ด้วยตนเอง ก็จะค่อยผ่อนระยะออกมา เช่น การทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเดิมมีศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ศปมผ.) เป็นผู้ปฎิบัติหลัก ขณะนี้เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ส่วนการตัดสินความพึ่งพอใจอยู่ที่สหภาพยุโรป ศปมผ.จะเริ่มทำให้กรมประมงสามารถดำเนินงานได้ด้วยตนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้ง แต่ต้องแบ่งงานให้ชัดเจนระหว่างหน่วยงานของ คสช.กับหน่วยงานของราชการปกติ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ขณะเดียวกันที่ประชุมมีมติยังเห็นชอบให้บุคคลที่เคยมีรายชื่อที่ คสช.ห้ามออกนอกประเทศ สามารถเดินทางไปยังต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตทาง คสช.ยกเว้นบุคคลที่มีหมายจับ มีคดีความกับศาล จะต้องขออนุญาตกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการ แต่ถ้าใครไม่มีข้อผู้พันกับทางคดี สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ โดยที่ไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งจะมีการประกาศประมาณวันที่ 1 มิ.ย.ทั้งนี้ การปลดล็อคดังกล่าวมีข้อมูลส่วนหนึ่งของ สขช.ที่รายงานผลการประชุมเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเขาติดตามสถานการณ์ในประเทศเรามาโดยตลอด โดยเฉพาะการผ่านกฎหมายสำคัญที่มีความชัดเจนว่ารัฐบาลตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้พิจารณาไปถึงการปลดล็อคพรรคการเมือง แต่ยอมรับว่ามีการพูดถึง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นการปูทางสร้างบรรยากาศนำไปสู่การทำประชามติหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดลักษณะนั้น แต่อยากให้สังคมเกิดความรู้สึกว่า รัฐบาล และ คสช.เข้าใจและรับฟังทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ อะไรที่พอผ่อนได้ ทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ไม่เกิดความรู้สึกตึงเกินไป เราก็พยายาม อย่างกรณี นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน หากจะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าไม่มีคดีที่ต้องขออนุญาตจากศาล ก็สามารถไปได้ แต่อย่าง นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ถือว่ามีคดี
เมื่อถามว่า คนเหล่านี้หากเดินทางไปต่างประเทศ สามารถที่จะไปแสดงความคิดเห็นสถานการณ์การเมืองในประเทศ บนเวทีต่างประเทศได้หรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า โดยปกติก่อนหน้านี้ห้ามเดินทางไปต่างประเทศก็ยังแสดงความเห็นทางการเมืองกันอยู่ เมื่อเดินทางไปต่างประเทศเป็นสิทธิของเขา สุดวิสัยที่เราจะไปควบคุม อะไรก็ตามที่เป็นกติกา ในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เราจะไม่พยายามทำเรื่องเหล่านั้น เพราะถือว่าทำไปแล้วก็ควบคุมไม่ได้ กลายเป็นสิ่งที่ออกมาไม่เกิดประโยชน์ แต่เราจะคำนึงถึงความเป็นจริง ซึ่งทุกคนต้องมีสติกับบ้านเมือง หากเรากำลังสวดแช่งบ้านเราอยู่ ยิ่งบ้านไฟไหม้เรายิ่งยิ้ม มันคงไม่ใช่ ต้องอยู่ที่จิตสำนึกของแต่ละคน ซึ่งเวลานี้ นายกฯ เน้นเรื่องการชี้แจงทำความเข้าใจ หากไปให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง เราจะต้องชี้แจงข้อมูลความจริงให้สังคมได้รับทราบ แต่การโต้ตอบด้วยคารมเราอาจจะไม่มี เพราะไม่เกิดประโยชน์
เมื่อถามอีกว่า จะต้องจับตาเป็นพิเศษหรือไม่ หากนักการเมืองเช่าเหมาลำเครื่องบินไปพบบุคคลบางคนหรือนายใหญ่ที่ต่างประเทศ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะมีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้น หากเป็นอย่างนั้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่อย่าไปชี้โพรง
เมื่อถามย้ำว่า ข้อผ่อนปรนดังกล่าวเกิดจากแรงกดดันจากนานาประเทศหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวปฏิเสธว่า ไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาล และ คสช.รับฟังความเห็นของประชาชนทุกฝ่าย แม้จะมีความเห็นต่างจากรัฐบาล โดยรัฐบาลฟังแล้วนำมาชั่งน้ำหนัก เห็นว่าอะไรที่พอผ่อนได้ และเพื่อให้เห็นว่าเราไม่ได้จ้องฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นพิเศษ และเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้เราพร้อมจะทำ และวันนี้คิดว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจ ประเทศจะเดินได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลหรือเจ้าหน้าที่อย่างเดียว แต่อยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ว่าเข้าใจข้อมูลความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในบ้านเราหรือไม่ ถ้าประชาชนเข้าใจแม้จะมีข้อมูลจากหลายๆ ฝ่าย อาจไม่ตรงกันบ้าง เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะเป็นเกราะทำให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้
ด้าน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธ์ุ ทีมโฆษก คสช.กล่าวว่า เรื่องยกเลิกการห้ามบุคคลออกนอกประเทศนั้น เป็นความคิดของนายกฯ ที่ได้เสนอต่อที่ประชุม โดยนายกฯ ได้รับข้อมูลจากทีมงาน นักวิชาการ ทีมกฎหมาย มาประกอบการพิจารณา ซึ่งการตัดสินใจของนายกฯ ไม่ใช่การตัดสินใจแบบไม่มีข้อมูล แต่ตัดสินใจบนพื้นฐานการทำงานที่มีข้อมูล มีการติดตามงานด้านการข่าวและสถานการณ์โดยรวม เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย สร้างบรรยากาศการรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารแผ่นดิน คนไทยด้วยกันอะไรที่เคยผิดพลาดต้องแก้ไข อะไรที่สร้างความรักความสามัคคีต่อคนในชาติก็ต้องทำ อย่างไรก็ตาม สำหรับการขอจัดกิจกรรมหรือการเคลื่อนไหวทางการเมือง บรรยากาศขณะนี้ยังไม่สมควรทำ ที่ประชุมจึงปลดล็อคเฉพาะเรื่องที่ควรทำในขณะนี้ และเชื่อว่าบรรยากาศทางการเมืองจะดีขึ้น
พ.อ.ปิยะพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรัฐบาล และ คสช.จะต้องดูแลให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย และให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะในช่วงก่อนการทำประชามติ 7 ส.ค.นี้ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ เพื่อให้กระบวนการต่างๆ ของบ้านเมืองเดินไปได้ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมไม่ได้มีความกังวลเรื่องการทำประชามติแต่อย่างใด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นตรงกันว่าควรตอบโต้ทางการเมืองให้น้อยลง เอาการทำงานบริหารราชการดูแลประชาชนเป็นหลัก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี