29 พ.ค. 59 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ชลพฤกษ์ รีสอร์ท จ.นครนายก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นำโดย นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สนช. คนที่ 2 พร้อมด้วยสมาชิก สนช. อาทิ พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ พล.ท.ชัยยุทธ พร้อมสุข นายเฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ นายพรศักดิ์ เจียรนัย เป็นต้น รวมไปถึง นายคำนูณ สิทธิสมาน ตัวแทนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และนายไพโรจน์ อาจรักษา ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมลงพื้นที่ จ.นครนายก ตามโครงการ "สนช.พบประชาชน" เพื่อรับฟังปัญหาและชี้แจงประชาสัมพันธ์คำถามพ่วงประชามติ ให้กับตัวแทนจากทั้งส่วนราชการรวมถึงประชาชนในพื้นที่ จ.นครนายก โดยมีนายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ให้การต้อนรับ
นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาของประเทศ โดยเฉพาะการบริหารราชการแผ่นดิน ตนไม่ได้เข้าข้าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แต่ปัญหามีความสลับซับซ้อน มีเงื่อนไขที่ต้องใช้เวลาก่อนจะแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศได้ ซึ่งนายกฯ พยายามแก้ปัญหา จึงเห็นว่าหลายครั้งจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่ององค์กรท้องถิ่นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กฎหมายเกี่ยวกับท้องถิ่นยังอยู่เช่นเดิมทั้งหมด และร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้ไปแตะ ส่วนรูปแบบที่ออกมาเป็นเพียงข้อเสนอแต่ยังไม่เป็นกฎหมาย ซึ่งเราพร้อมรับฟังทุกความเห็น เพื่อที่ คสช.จะได้นำไปประเมินว่าสุดท้ายจะใช้รูปแบบใด
ด้านนายอมร กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่สามารถบันดาลทุกอย่างให้ประชาชนได้ แต่หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติวันที่ 7 สิงหาคม สิ่งที่ตามมาคือการมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่จะเป็นกลไกต่างๆ ให้สิ่งที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปฏิบัติได้จริง ทั้งนี้ ยืนยันร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่มีอะไรน้อยกว่ารัฐธรรมนูญ ปี 40 - 50 ที่สำคัญสามารถเข้าถึงสิทธิ และเสรีภาพได้มากกว่าด้วย และไม่ได้ตัดสิทธิการเรียนฟรี แต่มีการกำหนดให้รัฐต้องสนับสนุนการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นก่อนการศึกษาภาคบังคับ
"สำหรับกรณีที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีคำสั่งปลดล็อกให้นักการเมืองที่ไม่มีคดีติดตัวเดินทางออกนอกประเทศได้ ว่า เป็นเรื่องดีและเป็นสัญญาณบวก ทำให้บรรยากาศเป็นไปในลักษณะฉันท์มิตรมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดแรงต้าน ตนเดาว่ารัฐบาลคงคิดว่าใช้ยาแรงมาแล้วจึงอยากผ่อนปรนให้เบาบางลง" โฆษก กรธ.กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ประชามติคือการนำร่างกฎหมายหรือประเด็นสำคัญที่ถกเถียงกันจนได้ข้อสรุป และต้องการรู้ความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งเป็นประชาธิปไตยทางตรง ส่วนที่ต้องมีคำถามพ่วงก็เป็นไปตาม มาตรา 39/1 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 และผลที่จะตามมาหลังจากแสดงความเห็นในวันที่ 7 ส.ค. หากไม่เห็นชอบประเด็นคำถามพ่วง ก็จะไม่มีการนำไปทำอะไรในรัฐธรรมนูญต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี