วิษณุชี้วิกฤติใหญ่รออยู่
ไม่ปลดล็อก
พรรคการเมือง‘ฝันค้าง’
‘บิ๊กตู่-ป้อม’ประสานเสียง
ลั่นถ้าเลือกตั้งล่มใครรับผิด
‘ทอม’สารภาพหมิ่นสถาบัน
เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ให้สัมภาษณ์กรณีผ่อนคลายคำสั่ง คสช.ให้นักการเมืองเดินทางไปต่างประเทศได้ว่า การผ่อนคลายดังกล่าวไม่มีใครกดดันตน เรื่องนี้เริ่มวันที่ 22พฤษภาคม2557 เมื่อเห็นว่านานมาแล้ว จึงผ่อนคลายให้เท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับประชามติ ไม่เกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น ทุกคนอยากให้ผ่อนคลาย ตนก็ทำให้
ห้ามประชุมพรรค-ผวาเลือกตั้งล่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายการเมืองอยากให้ผ่อนคลายเรื่องทำกิจกรรมทางการเมืองของพรรค นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ผ่อน ยังไม่ถึงเวลา นักการเมืองเคยเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างหรือยัง พรรคไหนที่ยังไม่เปลี่ยน เมื่อถามว่าก่อนทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 1เดือน จะผ่อนคลายเพิ่มเติมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่รู้ ดูสถานการณ์ก่อน ถ้ามันวุ่นวายขึ้นมาแล้วเลือกตั้งไม่ได้ ก็โทษตนอีก คิดสองมุมนี้บ้าง
“ผมทำทุกอย่างให้เกิดความสงบเรียบร้อย เพื่อเดินไปตามโรดแมปของผมเท่านั้นเอง แต่ถ้าเขามุ่งหมายจะล้มทุกอย่างที่ผมทำอยู่แล้วทั้งหมด ท่านจะอยู่ตรงไหนกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
แฉโซเชียลมีเดียยังเคลื่อนไหว
เมื่อถามว่า มีอะไรเคลื่อนไหวอื่นนอกจากที่ปรากฏในสื่อหรือไม่ จึงไม่พิจารณาให้พรรคการเมืองจัดกิจกรรมใดๆได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องไปถาม เขาทำอะไรบ้าง วิเคราะห์เองได้ไม่ใช่หรือ เอาแค่ที่เขาเขียนในโซเชียลมีเดีย กับการให้ข่าวตามสื่อตรงนี้ วิเคราะห์กันให้ออก ซึ่งตนวิเคราะห์ตามข้อมูลฐานข่าวที่มีอยู่ เขายังไม่หยุด ตนไม่ได้มองเป็นศัตรู หากมองเช่นนั้นคงลงโทษพวกเขาหมดแล้ว คงไม่ให้เคลื่อนไหวขนาดนี้หรอก แต่เขาก็ไม่เห็นในสิ่งที่ตนทำดีๆให้กับเขา
เมื่อถามว่า นายกฯจะบอกได้หรือไม่ว่า สมัยบริหารประเทศนี้จะไม่มีนักการเมืองหนีคดีทุจริตไปต่างประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนจะไปรับประกันเขาได้อย่างไร ต้องไปถามคนที่อยู่ในคดี ก็นี่ไง พอตนไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ ก็ดิ้นรนให้เขาออก ถ้าเขาหนีไปก็อย่ามาโทษตน
หนีซุกตปท.-ให้ตร.สากลจัดการ
“คุณไม่ให้โอกาสผมทำงาน แต่จะเรียกให้อีกข้าง ก็แลกเอา ฉะนั้นอย่าถามว่า เขาจะหนีไหม ถามผมได้ไง ผมไม่ได้อนุญาตให้เขาหนี ผมอนุญาตให้เขาไปต่างประเทศตามที่เรียกร้อง ไปเยี่ยมญาติไปอะไรต่างๆ ผมก็ให้เสรี แต่ถ้าเขาหนี ไม่ใช่เรื่องของผม ก็ต้องใช้กลไกกฎหมายอินเตอร์โพล ตามจับตัวมา ขาไปสร้างความบิดเบือนเรื่องต่างๆไว้เยอะแยะข้างนอก แล้วสื่อก็ไปคล้อยตามเขียนให้เขา” นายกฯ กล่าว
‘บิ๊กป้อม’ชี้เปรี้ยงไม่ปลดล็อค
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งห้ามบุคคลเดินทางออกนอกประเทศว่าหัวหน้าคสช.ผ่อนปรนให้ เพราะถือว่าใช้มานานแล้ว ไม่ใช่มีใครกดดันและไม่ใช่เพราะใจดีขึ้น
เมื่อถามว่าเกรงหรือไม่ว่า คนเหล่านี้อาจไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แล้วแต่บุคคลว่าจะทำอะไร ดูว่าสมควรหรือไม่ จะทำให้ประเทศเสียหายหรือไม่ เอาเป็นว่า เราไว้วางใจ ไม่ต้องไปแบ่งแยก ไปหวาดระแวง เราไม่มีเงื่อนไข เราผ่อนปรนก็ผ่อนปรน ไม่ใช่ต้องไปตามดูอีก ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่ พรรคการเมืองต้องการให้คสช.อนุญาตให้ประชุมพรรคได้นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ยังทำไม่ได้ เพราะจะทำให้ในประเทศ สับสนวุ่นวาย เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีกอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว เรียบร้อยดีแล้ว”
‘วิษณุ’อ้างมีวิกฤตใหญ่รออยู่
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเรียกร้องของฝ่ายการเมืองให้เพิ่มเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ว่า เป็นเรื่องของ คสช.จะพิจารณาอะไรผ่อนได้จะผ่อนให้ ต่อไปคงมีการผ่อนอีก แต่คงไม่มาบอกว่า จะผ่อนอะไร คสช.คงพิจารณาตามจังหวะที่เหมาะสมว่า จะมีผลกระทบหรือผลข้างเคียงอย่างไร สิ่งที่ต้องระวังคือ คสช.ต้องการความมั่นใจว่า แก้วิกฤตินี้จะไม่เกิดวิกฤติใหม่ เพราะเชื่อว่าจะมีวิกฤติใหม่เพราะมีข้อมูลอยู่ บางเรื่องตอนนี้ไม่แรง แต่อนาคตอาจแรงกว่าเดิมได้ แต่ไม่ขอระบุว่าเรื่องอะไร
เมื่อถามถึงนักการเมืองเรียกร้องให้เปิดประชุมพรรคเพื่อเตรียมเลือกตั้ง นายวิษณุ กล่าวว่า อย่าเตรียมอะไรตั้งแต่ตอนนี้ เพราะต้องดูก่อนว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่าน ช่วงนี้มีเวลาถึง 5 เดือนในการเตรียมการ ซึ่งการผ่อนปรนต่างๆ ต้องเกิดก่อน 5เดือนก่อนเลือกตั้งอยู่แล้ว
งดประชุมพรรคเหมาะสมแล้ว
ส่วนที่ฝ่ายการเมืองอ้างว่า การประชุมพรรคจะมีผลต่อการลงประชามติของประชาชนนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า คสช.ต้องชั่งน้ำหนักว่า ได้กับเสียอะไรมากกว่ากัน แต่พอเปิดแล้วจะกลายเป็นเปิดแบบไม่มีขอบเขต บางพรรคบางกลุ่มอาจไม่มีปัญหา แต่บางกลุ่มจะอาศัยตรงนี้ทำกิจกรรมที่ไม่สามารถควบคุมได้ แล้วทำให้เกิดปัญหาขึ้นใหม่ ตนคิดว่าวันนี้ที่ยังไม่ผ่อนคลายทั้งหมด เพราะยังไม่สามารถจัดการตรงนี้ได้ แต่บางเรื่องคงต้องยอมผ่อนปรน คสช.คงไปคิดต่อในบางเรื่องว่า จะไปทำอย่างไร
‘มาร์ค’จี้ปลดล็อกก่อนลงมติ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณี คสช.จะยกเลิกคำสั่งห้ามนักการเมืองออกนอกประเทศว่า เป็นเรื่องถูกต้อง เพราะถ้าเราจะกลับคืนสู่ภาวะปกติอย่างเต็มที่ เราต้องผ่อนคลายข้อจำกัดเหล่านี้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนเรื่องการผ่อนปรนให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ แต่ทางฝ่ายความมั่นคงยังมีความกังวลนั้น ถือเป็นดุลพินิจ แต่เห็นว่าควรจะพิจารณาได้แล้ว
เชื่อไม่มีพรรคไหนคิดป่วนคสช.
“คสช.ควรปลดล็อกตอนนี้เลยจะดีกว่า ถ้าคิดว่าพรรคการเมืองควรมีหน้าที่มากกว่าการเลือกตั้ง ก็ควรปรับโครงสร้างเพื่อรองรับบทบาทที่ควรจะเป็น แต่ถ้าส่งสัญญาณว่า พรรคการเมืองมีหน้าที่แค่ไปลงสมัครรับเลือกตั้ง เราก็จะได้พรรคการเมืองแบบเดิม ๆ ฉะนั้นบทบาทพรรคการเมืองที่ควรจะเป็น จึงมีความจำเป็นที่ต้องเปิดโอกาสให้มีการประชุม หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้ แต่ถ้ายังกังวลอยู่ คสช.สามารถระบุกติกาได้ ผมไม่คิดว่าจะมีพรรคการเมืองไหนที่อยากจะก่อความวุ่นวาย โดยใช้วิธีการประชุมอย่างเป็นทางการ คงไม่มีใครคิดจะทำอยู่แล้ว เพราะพวกที่จะป่วน เขาคงไม่ใช้เวทีที่เป็นทางการ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
‘มีชัย’ไม่หนักใจแจงร่างพื้นที่แดง
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีหลายฝ่ายกังวลว่า กรธ.และหน่วยงานอื่นๆของรัฐพูดถึงแต่ข้อดีร่างรัฐธรรมนูญ เกรงว่าจะเป็นการชี้นำให้รับร่างรัฐธรรมนูญว่า สิ่งที่ทางกรธ.เขียนมาเป็นสิ่งที่ดีทั้งนั้น ส่วนคนเห็นว่าไม่ดีก็ต้องออกมาบอกว่าไม่ดี หาก กรธ.ออกมาบอกว่าเนื้อหาไม่ดีก็คงผิดธรรมชาติ เพราะเราก็ต้องทำแต่ของดีๆ ออกมา ส่วนคนที่จะออกมาเห็นต่าง ไม่เห็นด้วย วิพากษ์วิจารณ์ก็ทำได้ ไม่มีใครห้าม เพราะที่ผ่านมาก็แสดงความเห็นกันอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรธ.กังวลหรือไม่ สำหรับการลงพื้นที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญในพื้นที่สีแดง นายมีชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติ ไม่มีการขอกำลังเจ้าหน้าที่ให้ดูแลแต่อย่างใด ส่วนเนื้อหาก็เป็นไปตามที่อบรมวิทยากรระดับจังหวัด (ครู ก.) วิทยากรระดับอำเภอ (ครู ข.)โดยให้ไปชี้แจงแบบเดียวกันทั้งประเทศ แต่หากในพื้นที่มีคำถามพิเศษถามขึ้นมา หากตอบได้ก็ตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็ถามกลับมายัง กรธ.
‘นปช.’ดึง’กกต.’ร่วมปราบโกง
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำโดย นายสมหวัง อัสราษี นายธนาวุฒิ วิชัยดิษฐ นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.ผ่านทาง นายพลวัฒน์ พีรติชัยธนกุล ผอ.สำนักเลขานุการคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพื่อขอเชิญ กกต.หรือตัวแทน กกต.ไปให้ความรู้กับอาสาสมัครของ นปช.ในวันที่ 5มิถุนายนนี้ ที่ นปช.จะเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ที่ชั้น5 ศูนย์การค้าอิมพีเรียลลาดพร้าว
โดยนายธนาวุฒิ กล่าวว่า นปช.ต้องการให้การออกเสียงประชามติครั้งนี้เป็นไปอย่างโปร่งใส แต่กังวลว่า จะมีการโกงประชามติเกิดขึ้น เพราะฝ่ายรัฐบาล ,คสช.และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)เป็นกลุ่มคนที่ต้องการให้ร่างผ่านประชามติ ขณะที่ฝ่ายเห็นต่างยังไม่มีใครไปดำเนินการให้ความรู้กับประชาชนได้ จึงเชื่อว่าฝ่ายที่ต้องการให้ร่างผ่านประชามติอาจเป็นฝ่ายที่โกงมากที่สุด นปช.จึงตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติและต้องการให้ กกต.ส่งวิทยากรเข้าไปร่วมอบรมให้คำแนะนำอะไรทำได้ไม่ได้ในการออกเสียงประชามติเพื่อช่วยเป็นหูเป็นตาให้ กกต.
กกต.ถกสื่อล่ม-ส่อไม่ถ่ายทอด
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เป็นประธานประชุมผู้บริหารสถานีดิจิตอลทีวี 19ช่อง ปรากฏว่า มีผู้บริหารมาเพียง 11ช่อง ขณะเดียวกันมีรายงานว่า บางสถานีอ้างว่าไม่ได้รับหนังสือเชิญจาก กกต.และบางสถานีทำหนังสือขอสละสิทธิ์ไม่เข้าร่วมและไม่ให้ความร่วมมือในการถ่ายทอดกิจกรรมการลงประชามติ จึงต้องเลื่อนการไปประชุมวันจันทร์ที่ 6มิถุนายน สำหรับการขอให้สถานีโทรทัศน์ต่างๆถ่ายทอดกิจกรรมประชามติ กกต.ขอความร่วมมือและไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำตามที่ร้องขอ การประชุมระหว่างกกต.กับผู้บริหารสื่อครั้งนี้ เป็นครั้งที่3และเป็นประเด็นเรื่องทีวีจิตอลที่ขอเข้าร่วมเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการนำเสนอการทำประชามติ แต่มีปัญหาที่ยังไม่สามารถตกลงกันในเรื่องเวลาที่จะนำเสนอ จากการประชุมก่อนหน้านี้จะนำรายการที่ร่วมกันผลิตไปเสนอในช่วงไพร์มไทม์ของสื่อหลัก แต่ก็มีข้อท้วงติงจากสื่อดิจิตอล รวมทั้งการนำไปรีรันที่จะสามารถเลือกช่วงเวลาโดยอิสระหรือไม่
‘ทอม’สารภาพ-นัดพิพากษา1มิย.
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดพร้อมคู่ความ คดีหมิ่นเบื้องสูง ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายธานัท ธนวัชรนนท์ หรือทอม ดันดี อายุ 57 ปี อดีตนักร้องเพลงเพื่อชีวิตชื่อดัง เป็นจำเลย ฐานดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112และกระทำผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ กรณีจำเลยกับพวกที่ยังหลบหนีขึ้นเวทีปราศรัยให้กลุ่ม นปช.ฟัง โดยใช้ถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบัน ก่อนนำไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ทำให้ประชาชนที่รับชมเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายต่อสถาบันเบื้องสูง จำเลยให้การปฏิเสธทั้งชั้นสอบสวนและชั้นศาล ต่อมา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคู่ความ 2ฝ่ายและนัดพร้อมคู่ความวันที่ 30พฤษภาคม เมื่อถึงเวลา นายธานัท แถลงขอเปลี่ยนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพ ไม่ต่อสู้คดี ศาลจึงนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 1มิถุนายนนี้
เรียกอดีตสส.อุบลฯรายงานตัว
ที่กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่22 ค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต สส.อุบลราชธานี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี เขต1 พรรคเพื่อไทย พร้อม น.ส.พิศทยา ไชยสงคราม ภรรยา เข้ารายงานตัวตามคำสั่งมณฑลทหารบกที่22 โดยใช้เวลาประมาณ 30นาที
หลังเข้ารายงานตัว นายเกรียง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากทหารมณฑลทหารบกที่22แจ้งว่า ให้ตนเองพร้อม นายวรสิทธิ์ บุตรชายและน.ส.พิศทยา ไชยสงคราม สะใภ้ เข้ารายงานตัวโดยระบุว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล แต่เมื่อสอบถามแล้วไม่เข้าข่าย 16ฐานความผิดผู้มีอิทธิพล จึงจะรายงานให้หน่วยเหนือรับทราบต่อไปและอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่แปลกใจว่า ข้อมูลจะมาจากส่วนกลางคงเป็นไปไม่ได้ คงได้มาจากจังหวัด ซึ่งอาจมีคนให้ข้อมูลที่ผิดๆ หรืออะไรไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ โดนเรียกตัว ซึ่งก็ผิดหวังนิดหน่อย ไม่น่าจะมีรายชื่อว่า เป็นผู้มีอิทธิพล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี