31 พ.ค. 59 นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสู่เป้าหมายการปฏิรูปประเทศภายใต้ภารกิจของ สปท. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า มีการนำเสนอรายงานของทุกกรรมาธิการ (กมธ.) ใน สปท. และมีการวางแนวทางการทำงานปฏิรูปในระยะ 8 เดือนที่เหลืออยู่ ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ผ่านการทำประชามติ ดังนั้น ขอยืนยันว่าทุก กมธ. สปท.มีความตั้งใจนำเสนอแผนการปฏิรูปในกรอบ 37 วาระ และต่อจากนี้ จะเน้นวาระการปฏิรูปที่สำคัญ อาทิ การปฏิรูปการศึกษา กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ การต่อต้านการทุจริต ซึ่งทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศ
“ขอเรียนว่าแผนปฏิรูปนั้นคืบหน้ามามากแล้ว สปท.ได้ผ่านมติปฏิรูปไปแล้ว 62 แผนปฏิรูป โดย 49 แผนได้ถูกส่งไปทางรัฐบาล อีก 13 แผน ในด้านการประสานงานร่วมกันระหว่างคณะกรรมการกิจการวิสามัญ (วิป) 3 ฝ่ายก็เป็นไปได้ด้วยดีและเป็นไปอย่างรวดเร็ว มีการอนุมัติแผนปฏิรูปไปแล้ว 37 แผนปฏิรูป ขอยืนยันว่าการพิจารณาแผนปฏิรูปจะเดินหน้าไปตามเป้าหมายที่กำหนดเอาไว้ ในตอนนี้มีการปฏิบัติตามแผนการปฏิรูปหลายเรื่อง อาทิ เรื่องการปฏิรูปเศรษฐกิจ ที่มีการปรับปรุงด้านการส่งเสริมการลงทุน หรือการจัดระเบียบสังคมที่ได้เดินหน้ามาปีกว่า แต่ยอมรับว่าสปท.ยังคงต้องปรับปรุงในแง่ของการสื่อสารให้สังคมเข้าใจในสิ่งที่ สปท.ทำ” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติระบุว่า สปท.จะสิ้นวาระไปหลังจากมีการออกกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปภายใน 120 วัน ดังนั้นถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ สปท.ก็จะเหลือวาระเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น สปท.จึงต้องมาประชุมกันเพื่อปรับแผนการทำงานให้มีความเหมาะสม และทบทวนจุดอ่อน ข้อบกพร่องในการทำงานที่ผ่านมา เพื่อให้ทำงานได้เต็มที่ในช่วงวาระที่เหลืออยู่เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการปฏิรูปที่สำคัญใน 37 วาระ
นายอลงกรณ์กล่าวต่อว่ากำหนดการเดิมตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 นั้นกำหนดว่า โรดแม็พของ สปท. ในระยะที่ 2 จะเสร็จสิ้นในเดือน กรกฎาคม ปี 2560 แต่เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชามติทำให้เวลาทำงานกับ สปท.ในโรดแม็พระยะที่ 2 ลดลงไปอีก 6 เดือน ซึ่งตอนนี้มีเรื่องของการแก้กฎหมายและตรากฎหมายใหม่อีกจำนวน 126 ฉบับที่ต้องทำให้เสร็จ แม้ว่าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)จะพิจารณากฎหมายอย่างรวดเร็ว แต่ไม่เสร็จก่อนการสิ้นสุดวาระของ สนช. ตามร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นวิป สนช.และ สปท.จึงต้องมาลำดับความสำคัญในการเลือกกฎหมายจะต้องพิจารณาให้เสร็จ แต่ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน กำหนดการของ สปท.ก็คงจะยึดตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจดีว่าในช่วงการลงประชามตินั้น จะมีความสับสนทางการเมืองค่อนข้างมาก ดังนั้นตนขอว่าควรแยกการเมืองออกจากการปฏิรูป เพราะการปฏิรูปคือเรื่องของคนไทย ที่ทุกคนจะต้องร่วมกัน ไม่ควรจะแบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งพรรคการเมืองในเรื่องของการปฏิรูป การมาดิสเครดิต สปท. ก็เท่ากับว่าผู้นั้นกำลังดิสเครดิตประเทศของตัวเอง เพราะฝ่ายการเมืองก็ต้องเข้าใจดีว่าปัญหาของประเทศนั้นเกิดมาจากสิ่งที่หมักหมมมานานมากหลายรัฐบาลจนมาถึงรัฐบาลนี้
“ข้อวิจารณ์จากนักการเมืองทีกล่าวหาว่า สปท.ไม่ได้ให้นักการเมืองเข้าไปมีส่วนร่วม ตนขอเรียนว่าไม่จริง คำพูดแบบนี้ข้อกล่าวหาทางการเมือง ไม่ควรให้เอามาปนกับการปฏิรูป เพราะจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ ขอเรียนว่า สปท.นั้นมีตัวแทนจากทุกกลุ่มการเมือง ทุกพรรคการเมืองมาชี้แจง ทำงานร่วมกันโดยตลอด และมีการเปิดให้แสดงความเห็นโดยตลอดเวลา ซึ่งพรรคการเมืองก็สามารถแสดงความเห็นของตนได้ตลอดเวลาเช่นกัน ซึ่งผมเห็นการตอบโต้กันระหว่างพรรคการเมืองกับโฆษกรัฐบาล ฝ่ายพรรคการเมืองกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีผลงาน รัฐบาลก็ออกมาโต้ตอบ ซึ่งกรณีนี้ก็เหมือนกับทาง สปท.ที่ไม่อยากจะถูกกล่าวหาว่าไม่มีผลงานเช่นกัน” นายอลงกรณ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าน้อยใจหรือไม่ที่รัฐบาลไม่ได้ท่าทีตอบสนองต่อการแผนการปฏิรูปที่ สปท.ได้ส่งไป นายอลงกรณ์กล่าวว่าไม่ได้น้อยใจ เพราะวิปที่คอยทำหน้าที่ประสานงานระหว่าง สปท.และรัฐบาลก็ได้รายงานผลเป็นประจำอยู่แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี