ตร.จ่อหมายจับลอตใหญ่
ล่าแก๊งบึ้ม
แฉทั้งขบวนการเกิน20คน
โจรใต้รุ่นใหม่เอี่ยวป่วน7จว.
จับตาโยงบีอาร์เอ็น-วาดะห์
รบ.เคาะเยียวยาเหยื่อ1.18ล.
ศาลยอมให้ประกัน15นปป.
ความคืบหน้าการคลี่คลายคดีลอบวางระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดภาคใต้ ระหว่างวันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมาทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. แถลงว่า การสืบสวนคดีคืบหน้าไปมากจนทราบแผนประทุษกรรมของคนร้ายทั้งขั้นตอน วิธีการ และจุดรวมตัวของผู้ก่อเหตุทั้งหมด เบื้องต้นเชื่อว่ามีผู้ร่วมขบวนการมากกว่า 20 คน ส่วนหนึ่งมีหมายจับ มีประวัติก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จชต.) แต่ตั้งข้อสังเกตว่าการก่อเหตุครั้งนี้เป็นฝีมือของคนรุ่นใหม่ลงมือ หลายคนไม่เคยมีประวัติมาก่อน โดยคนรุ่นเก่าอาจร่วมสนับสนุน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นกลุ่มใด เพราะยังไม่มีการประกาศตัวชัดเจน ทางการสืบสวนค่อนข้างลำบากต้องรอบคอบ พฤติการคนร้ายทำตัวคล้ายนักท่องเที่ยว มีการอำพรางตัวเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ สำหรับการออกหมายจับนั้น ขณะนี้มีเพียง 1 รายคือ นายอาหะมะ เลงหะ ชาวจ.นราธิวาส จากกรณีวางระเบิดที่ป่าตอง จ.ภูเก็ต
ชี้ทีมบึ้มเป็น“โจรใต้”รุ่นใหม่
“จากการตรวจสอบพบว่าทั้งหมดเป็นคนรุ่นใหม่ ระดับปฎิบัติการที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีจากต่างประเทศ บางคนจบจากโรงเรียนปอเนาะ ส่วนใหญ่มีภูมิลำเนาในจ.ยะลา นราธิวาส ปัตตานี นับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นคนสองสัญชาติหรือไม่ ถ้าได้ตัว 1 ใน 20 คนนี้ ก็อาจรู้ตัวผู้บงการ คาดว่ากลุ่มเหล่านี้ยังอยู่ในพื้นที่จังหวัดชายภาคใต้ รวมถึง นายอาหะมะ ที่ออกหมายจับไปแล้ว และมีการประสานกับมาเลเซียในการติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง”
ไม่ฟันธงรับงานเฉพาะกิจหรือไม่
พล.อ.จักรทิพย์ กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นการก่อเหตุนั้น ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องผลกระทบจากการลงประชามติ การสร้างสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ การขยายพื้นที่ของแนวร่วมก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรืออาจรับจ้างมาก่อเหตุเฉพาะกิจ เพราะเชื่อว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุได้รับประโยชน์ร่วมกันหลายอย่างและเจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ก่อเหตุในหลายจุดแล้ว ส่วนเบาะแสการโอนเงิน 4.5 ล้านบาทเข้าบัญชีผู้ต้องสงสัยนั้น อยู่ระหว่างสืบสวนเส้นทางการเงิน
จับตาอาจโยงBRN-พูโล-วาดะห์
ถามต่อว่า คนร้ายกลุ่มนี้เป็นแนวร่วมกลุ่มบีอาร์เอ็นหรือพูโลเก่า-ใหม่หรือไม่ ผบ.ตร. ตอบว่า กลุ่มเหล่านี้พยายามสร้างเงื่อนไขเจรจาต่อรองกับรัฐบาลมาตลอด แต่ยังไม่บรรลุข้อตกลง ก็อาจแสดงศักยภาพหวังผลหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดออก
เมื่อถามย้ำว่า ได้มองไปที่กลุ่มวาดะห์ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่ในพื้นที่หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ตอบว่า ถ้าเป็นแนวทางการสืบสวนก็มองไปที่กลุ่มใหญ่ก่อน ภาคใต้มีตั้งหลายกลุ่ม ยอมรับว่ากลุ่มวาดะห์อยู่ในฐานข้อมูล ถ้าตนเป็นส.ส.ก็ต้องรู้จักความเคลื่อนไหวของลูกบ้านว่าใครอยู่ในพื้นที่ของตัวเอง อย่ามาปกป้องพวกเดียวกัน กลุ่มเดียวกัน
17นปป.ไม่เกี่ยวแต่เป้าเดียวกัน
ส่วนความเกี่ยวข้องระหว่างกลุ่มแนวร่วมปฎิวัติเพื่อประชาธิปไตย (นปป.) 17 คนที่ศาลทหารออกหมายจับกับเหตุระเบิดนั้น ผบ.ตร.เห็นว่าไม่น่าเกี่ยวกัน แต่แนวคิดเป้าหมายเรื่องการเมืองต่อต้านรัฐบาล วิธีการอาจไม่ได้วางระเบิด แต่แนวคิดเป้าหมายเดียวกัน ลักษณะรับโจทย์มาคนละอย่าง แต่เป้าหมายเดียวกัน แต่นี่คือความเห็นส่วนตัว ถ้าผิดมาตำหนิตนคนเดียว ส่วนที่ต่างประเทศมองปัญหาสามจังหวัดใต้กำลังขยายพื้นที่ก็มองได้ แต่ตนมองเป็นเรื่องเฉพาะกิจ อาจเป็นการทดลองชุดทำงานชุดใหม่ ลองพื้นที่
ผบ.ตร.ยังยอมรับว่าได้ลงพื้นที่จ.ปัตตานีติดตามผู้ต้องสงสัยก่อเหตุ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดว่าเป็นผู้ลงมือจุดใด อยู่ระหว่างติดตามตัว และมีการขยายผลไปถึงโรงเรียนปอเนาะ ยืนยันว่าสามารถออกหมายจับเพิ่มเติมได้ แต่ต้องการให้พยานหลักฐานเป็นไปอย่างรอบคอบ
แย้มหมายจับ“ศักรินทร์”อีกรอบ
ด้าน พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการกองแผนงานอาชญากรรม สำนักยุทธศาสตร์ตำรวจ เปิดเผยถึงกรณีนายศักรินทร์ หรือเชษฐ์ คฤหัส ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องเหตุเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าเทสโก โลตัส จ.นครศรีธรรมราชว่า หลังพนักงานสอบสวนพบหลักฐานว่าวัตถุจุดเพลิงในห้างโลตัส เป็นวัตถุระเบิด จึงต้องเปลี่ยนข้อหาขอยกเลิกหมายจับข้อหาวางเพลิงของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นศาลพลเรือนและนำเข้าสู่อำนาจของศาลทหาร ซึ่งวันที่ 23 สิงหาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.จะลงพื้นที่จ.นครศรีธรรมราชขออำนาจศาลทหารอนุมัติหมายจับอีกครั้ง แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดข้อหา
ศรีวราห์ลงใต้จี้คดีเผาเมืองคอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 23 สิงหาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์เดินทางไปประชุมชุดคลี่คลายคดีวางเพลิงห้างโลตัส สาขานครศรีธรรมราช ที่สภ.เมืองนครศรีธรรมราช และตรวจสำนวนคดีดังกล่าวว่าคืบหน้าถึงไหน ซึ่งพล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผบช.ภ.8สั่งการให้พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช รวมทั้งผู้บังคับการตำรวจภูธรในพื้นที่ลอบวางเพลิงวางระเบิด ใน 7 จังหวัดภาคใต้ เตรียมพร้อมคำร้องสำหรับการออกหมายจับผู้ต้องสงสัยก่อเหตุและร่วมก่อเหตุครั้งนี้ เพื่อให้พล.ต.อ.ศรีวราห์นำคำร้องขอออกหมายจับด้วยตัวเอง โดยผบช.ภ.8กำชับทุกจังหวัดเตรียมคำร้อง พยานหลักฐานให้รัดกุมครบถ้วน เพื่อให้สามารถตอบข้อซักถามข้อสงสัยของตุลาการศาลทหารได้
พยานปากสำคัญมัด4ต้องสงสัย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจยังได้พยานปากสำคัญ ซึ่งเป็นชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้สถานี บขส.นครศรีธรรมราช พบชาย 4 คนเปลี่ยนเสื้อผ้ามุมมืดใกล้ค่ารถบขส.ด้วย หลังสอบปากคำชาวบ้านคนดังกล่าว ระบุว่า ช่วงค่ำวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา สังเกตเห็นชาย 4 คนท่าทางมีพิรุธ รวมตัวที่มุมมืดบริเวณที่จอดรถใกล้สถานี บขส. และเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาว ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากกล้องวงจรปิดทั้งในห้างโลตัสและสถานี บขส. โดยกล้องวงจรในห้างโลตัสพบผู้ต้องสงสัย 2 คน สวมเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ใส่หมวกแก๊ปและปิดปากด้วยผ้าแมท และหลังก่อเหตุผู้ต้องสงสัยได้เปลี่ยนเสื้อผ้า โดยใส่กางเกงขายาวและเสื้อเชิ้ต แขนยาว ก่อนขึ้นรถทัวร์สายเกาะสมุย–สุไหงโก - ลก ไปลงสถานี บขส.หาดใหญ่ ทำให้ตำรวจมั่นใจคนร้ายกลุ่มนี้มี 4 คนแน่นอน ก่อนขยายผลว่าทั้งหมดเป็นใครเพื่อออกหมายจับต่อไป ทั้งนี้ ชาวบ้านคนดังกล่าวยังระบุรูปพรรณสัณฐานชายทั้ง 4 คน มีรูปร่างหน้าตาดี ผิวสีดำเข้ม 2 คน และผิวขาว 2 คน และรูปร่างผอมสูงทั้ง 4 คน
“บิ๊กป้อม”ย้ำคดีคืบ-ปัดเอี่ยวไฟใต้
ส่วนท่าทีของรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวว่า คดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้คืบหน้าไปมาก เจ้าหน้าที่ติดตามตัวคนร้ายอยู่ ก็ได้ตัวมาแล้วบางคน ขอเวลาตำรวจทำงานก่อน ถ้าเปิดเผยไปเกรงเกิดความวุ่นวาย ส่วนที่มีการติดตามผู้ต้องสงสัยส่วนใหญ่ที่เคลื่อนไหวในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะมีข้อมูลเชื่อมโยงหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่าได้ข้อมูลมาก แต่ต้องรอตำรวจแถลง ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เชื่อมโยงกับความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
เคาะเยียวยาเหยื่อบึ้มรายละ1.18ล.
ขณะที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยหลังประชุมหาทางเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้และระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต 4 ราย เป็นคนไทยทั้งหมด มีผู้บาดเจ็บ 37 ราย เป็นคนไทย 26 ราย ต่างชาติ 11 ราย ประกอบด้วย เยอรมันนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์และออสเตรเลีย เดินทางกลับประเทศแล้ว 10 ราย ยังพักรักษาตัวอยู่ 1 ราย ซึ่งผลประชุมได้ข้อสรุปว่า กรณีผู้เสียชีวิตจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐที่ไม่เกี่ยวเงินประกันอื่นๆรายละ 1,180,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนใกล้เคียงกับการเยียวยาเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์ ส่วนผู้บาดเจ็บความช่วยเหลือจะเป็นไปตามระดับความรุนแรงของอาการ ทั้งในส่วนการรักษาพยาบาลที่ให้เบิกจ่ายตามสิทธิ ส่วนที่เกินมารัฐดูแลให้หมด โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ ใช้งบที่รัฐตั้งไว้ตั้งแต่เกิดเหตุราชประสงค์ รวมถึงได้รับค่าขาดไร้อาชีพ ไร้การงาน เงินทำขวัญ ซึ่งชาวต่างชาติจะได้รับในเกณฑ์เดียวกัน แต่อาจได้รับเพิ่มในเรื่องค่าเดินทาง ค่าใช้จ่าย และในส่วนของญาติที่เดินทางมาดูแล ส่วนนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นคนดูแล
ให้ประกัน15นปป.ห้ามไปตปท.
วันเดียวกัน ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายธนเดช พ่วงพูล ทนายความสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ทนายของ 15 สมาชิก นปป. ผู้ต้องหาคดีผิดมาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวทั้ง 15 คน หลังศาลทหารอนุญาตฝากขังผัดแรก โดยนายธนเดชเผยว่า จากการสอบถามผู้ต้องหาทั้ง 15 คนพบมีปัญหาสุขภาพ จึงได้นำมาเป็นข้อมูลประกอบการยื่นประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์รายละ 1 แสนบาท ทั้งนี้ หลังศาลพิจารณาแล้ว อนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 15 คน โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวและห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งทั้งหมดถูกปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพช่วงเย็น
ตั้งรางวัลนำจับ1แสนป่วนสุราษฎร์
สำหรับคดีคนร้ายลอบวางเพลิงและวางระเบิด 3 จุดในเขตตัวเมือง จ.สุราษฎร์ธานี พล.ต.ต อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี เรียกประชุมชุดคลี่คลายคดีเพื่อล่าตัวคนร้าย และประกาศให้รางวัล 1 แสนบาท สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสคนร้ายตามภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับรูปพรรณใบหน้าคนร้ายได้ชัดเจน และพิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 รายที่ได้เดินทางเข้าพื้นที่อ.เมืองสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมและลงมือก่อหตุ โดยสามารถแจ้งเบาะแสโดยตรงได้ที่พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หมายเลขโทรศัพท์ 081-787 4224 พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพรองผบก.ภ.จว. โทรศัพท์มือถือ 093-935 1514 และพ.ต.อ.อนุชน ชามาตย์ รองผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี หัวหน้าชุดสืบสวน ที่โทรศัพท์มือถือหมายเลข 086-567 3535 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
บึ้มป่าตองอืดหลักฐานไม่ชัด
คดีลอบวางระเบิด 5 จุด ที่หาดป่าตองอ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ทำให้มีผู้บาดเจ็บ 1 รายนั้น รายงานข่าวแจ้งว่า
คดียังไม่มีความชัดเจนพอที่จะรวบรวมพยานหลักฐานเสนอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ลอบวางระเบิดเพิ่มเติม
ทำให้ชุดคลี่คลายคดีต้องทำงานหนักกว่าเดิม และก่อนเสนอหลักฐานขออนุมัติออกหมายจับต้องผ่านความเห็นชอบจากพล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง.ผบ.ตร.ก่อน ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การหาหลักฐานได้ช้า เพราะกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุไม่ค่อยสมบูรณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี