ครม.ปู-บอร์ดกขช.ไม่รอด
ฟันเหมาเข่ง
ใช้หนี้จำนำข้าว1.4แสนล.
6ปลัดฯ-ขรก.ติดร่างแหด้วย
‘อคส.-อ.ต.ก.-โรงสี’โดนหมด
ตามไล่เบี้ย33จังหวัด-850คดี
รัฐบาลมอบ‘ศอ.ตช.’เช็คบิล
เมื่อวันที่ 27 กันยายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ใช้มาตรา 44 เรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ว่า พูดหลายครั้งแล้ว ไม่ขอพูดอีกว่า อยากให้คิดดูว่า ถ้าไม่ใช้มาตรา 44 ให้กรมบังคับคดี ไปยึดทรัพย์ สุดท้ายก็มีคนยึดทรัพย์อยู่ดี อยู่ที่ว่าจะให้ใครไปยึดอำนาจของกระทรวงปกติมีอย่างไร อำนาจกรมบังคับคดีก็มีเช่นนั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า อธิบดีกรมบัญชีกลางระบุเรียกค่าเสียหาย น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวน20% ส่วนที่เหลือจะเรียกเก็บจากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เรื่องนี้ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาหรือไม่ นายวิษณุ ตอบว่า ที่จริงเกือบจะไม่ต้องตั้ง เพราะมีอยู่แล้ว แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่มีอาจจะต้องตั้งเพิ่ม ซึ่งจะต้องหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า จะให้ทำอย่างไร
บี้33จว.จนท.รัฐ-เอกชนโกงข้าว
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังประชุม ครม.ถึงการเรียกค่าเสียหายโครงการรับจำนำข้าว ว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯได้อธิบายในที่ประชุมว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบร้อยละ20 จำนวน 3.5หมื่นล้านบาท ส่วนอีก 80เปอร์เซ็นต์ 142,869ล้านบาท ต้องตรวจสอบต่อ ทั้งนี้ ใน 80เปอร์เซ็นต์ มีเจ้าหน้าที่รัฐในระดับปฏิบัติและเอกชนเข้ามาเกี่ยวข้องรวม 850คดี ครอบคลุมพื้นที่ 33จังหวัด เช่น จ.กำแพงเพชร มีกว่า 100คดี จ.นครสวรรค์ มี 200 คดี การมีส่วนเข้าไปทุจริตก็เช่น รับข้าวผิดประเภท ข้าวหาย ลงจำนวนไม่ตรงฯลฯ โดยคดีทั้งหมดอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) เรียบร้อยแล้ว คดีเหล่านี้มาจากการตรวจสอบจากคณะกรรมการที่มี ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
ให้อำนาจ’ศอ.ตช.’หัวเรือใหญ่
‘อีกส่วนที่ต้องตรวจสอบคือ เจ้าหน้าที่ระดับนโยบายว่า มีใครเกี่ยวข้องบ้าง โดย ครม.เห็นชอบให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) เป็นเจ้าภาพในการประสานงาน ไม่ว่าจะเป็น ปปท.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และปปช.เพื่อสอบสวนในระดับนโยบายว่า มีใครเกี่ยวข้องบ้าง แล้วนำผลการพิจารณามาพิจาณาร่วมกับระดับฝ่ายปฏิบัติ’ พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
เมื่อถามว่า จะพักงานผู้เกี่ยวข้องหรือไม่ พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า มีขั้นตอนในการปฏิบัติอยู่แล้ว ใครที่จะทำให้พยานหลักฐานดูยุ่งกว่าเดิมก็จะใช้มาตรการแบบเดิม แต่หากใครไม่มีความวุ่นวายก็จะอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้
บิ๊กตู่ชี้ไล่เบี้ยคดีข้าวไม่รังแกขรก.
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงหลังประชุม ครม.ถึงการดำเนินคดีรับจำนำข้าวกับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ว่า ยืนยันว่าไม่ได้รังแกข้าราชการ แต่อยากให้เป็นบทเรียนให้รู้ว่าอะไรผิดถูก จะได้ไม่คล้อยตามไปหมด
แย้มมอบ’รมว.คลัง’ลงนามแทน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะลงนามเรียกค่าเสียหาทางแพ่งเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กำลังดูอยู่ ถ้ามันคล้ายคลึงกรณีจีทูจีก็มอบหมายให้รัฐมนตรีลงนาม ซึ่งรัฐมนตรีก็สามารถมอบต่อได้ เมื่อถามว่า เหตุผลไม่ลงนามเอง นายกฯกล่าวว่า เขาบังคับให้ตนลงนามหรือเปล่า จริงๆเป็นหน้าที่ของกระทรวง ข้าราชการเป็นคนรับผิดชอบเพราะเป็นกรรมการในการตรวจสอบ เมื่อถามว่า จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูการเรียกค่าเสียหายหรือไม่ นายกฯตอบว่า ส่วนนี้มีทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่และฝ่ายการเมือง มีหลายคดีและรัฐมนตรีก็ทำในสิ่งที่ปปช.และศอ.ตช.เตือน แต่ไม่ระงับยับยั้ง ส่วนการทุจริตข้างล่างต้องมีผู้รับผิดชอบรวม 850คดี เวลานี้มอบให้ ศอ.ตช.ไปดูเรื่องผู้บริหารข้างบนว่า ใครจะต้องถูกตรวจสอบก่อนข้าสู่กระบวนการยุติธรรมบ้าง
เผย’ตปท.’ยอมรับไทยมากขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ ยังเปิดเผยถึงการไปร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) ที่สหรัฐอเมริกา ว่า ต่างประเทศให้การยอมรับมากขึ้น ซึ่งตนบอกกับทุกประเทศอย่ามากังวลที่เข้ามาแบบนี้ ตนเข้าใจกระบวนการยุติธรรมของโลกดีและพยายามเดินหน้าไปสู่ตรงนั้นและวันนี้ตนได้ทำอะไรให้พวกท่านเสียหายหรือเปล่า เขาบอกว่า ไม่มี แต่เขาอยากให้กลับสู่ประชาธิปไตยโดยเร็ว
“เขาไม่ยอมรับผมหรอก เขาเป็นประเทศประชาธิปไตยเขาจะพูดอย่างอื่นได้อย่างไร พูดไม่ได้ เขาต้องพูดอย่างเดียว คือเรื่องเลือกตั้ง แล้วทำไมไม่ช่วยกันอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย ช่วยผมสิ ผมทำเพื่อตัวเองหรอ ผมทำเพื่อทุกคนไม่ใช่หรือ แต่ไม่มีใครช่วยผมเลยหรืออย่างไร หรือจะปล่อยให้มันเน่าไปเรื่อยก็ตามใจ”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘ขุนคลัง’จ่อลงนามเอาผิด’ปู’
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงขั้นตอนหลังคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง ที่มี นายมนัส แจ่งเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน สรุปความเสียหายโครงการรับจำนำข้าวให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชอบร้อยละ20 ว่า อยู่ในขั้นตอนธุรการ ได้ส่งให้ปลัดกระทรวงคลังไปดูให้ถูกระเบียบ ถูกขั้นตอน ถูกฎหมาย แล้วทำเรื่องมา ส่วนเรื่องจะถึงตนเมื่อไหร่ต้องถามปลัดกระทรวงคลัง ซึ่งตนได้ส่งเรื่องให้ตั้งแต่วันที่ 23กันยายน
โรงสี-อคส.-อ.ต.ก.โดนทั้งหมด
เมื่อถามว่า ความเสียหาย 80เปอร์เซ็นต์ จำนวน 142,869ล้านบาท ที่เหลือจากตัวเลขเสียหายรวม 178,586 ล้านบาท ที่ต้องหาคนรับผิดชอบความเสียหาย มีรายชื่อหรือยัง รมว.คลัง ตอบว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯได้ให้ข้อมูลว่า มีการฟ้องร้องผู้กระทำทุจริตกว่า 800คดี ใน 33จังหวัด ซึ่งจะต้องดำเนินการเรียกค่าเสียหายจากกลุ่มที่เกี่ยวข้องนี้ต่อไป ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องกับการทุจริตที่ถูกฟ้องร้อง มีทั้งข้าราชการ เอกชนโรงสี ผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว เจ้าหน้าที่ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ซึ่งหน่วยงานตรวจสอบการทุจิต ทั้ง ปปช.และปปท.จะส่งผลสอบให้คณะกรรมการพิจารณารับผิดทางแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อไป
เมื่อถามต่อว่า จะลงนามคำสั่งร่วมกับปลัดกระทรวงการคลังด้วยตัวเองหรือไม่ นายอภิศักดิ์ ตอบว่า ต้องดูกระบวนการ ใครต้องเป็นผู้ลงนามคำสั่ง ส่วนสัปดาห์หน้าลงนามได้เลยหรือไม่ อยู่ที่ส่งเรื่องมา เมื่อถามย้ำว่า ถ้าถึงเวลานายกฯมอบให้รัฐมนตรีเป็นผู้ลงนามในคำสั่ง พร้อมหรือไม่ นายอภิศักดิ์ ได้นิ่งไปก่อนตอบว่า’อยู่ตามขั้นตอน’
“ครม.-กขช.”ยุคปูเจอยกเข่ง
มีรายงานแจ้งว่า จาการพิจารณาแนวทางกำหนดสัดส่วนความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ภายใต้พรบ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ.2539 ที่กำหนดโดยกระทรวงการคลังพบว่า กรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นผู้อนุมัติขั้นสูง ต้องรับผิดชอบสัดส่วน20% ที่เหลือ80% แบ่งเป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการที่พิจารณาโครงการรับจำนำข้าว 60%และอีก20% เป็นความรับผิดชอบของผู้ผ่านงานชั้นต้นและชั้นกลาง หมายความว่า ผู้เป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จะถูกเรียกค่าเสียหายในส่วน60% หรือ 1.068แสนล้านบาทและอีก20% หรือ 3.56 หมื่นล้าน จะเป็นความรับผิดชอบของ รมว.พาณิชย์ รองนายกรัฐมนตรี รวมถึง ครม.ในส่วนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เพราะเป็นผู้อนุมัติในลำดับรองลงไป
ใครเอี่ยวโดนหมดลงถึงระดับจว.
อย่างไรก็ตาม ความรับผิดทางละเมิดอาจไม่จบแค่คณะกรรมการ กขช.รัฐมนตรี หรือ ครม. แต่จะสาวไปถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการจำนำข้าว ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ โดยเฉพาะกรมการค้าภายใน องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) รวมถึงภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์ในทางที่ไม่สุจริตจากโครงการรับจำนำ เช่น โรงสี บริษัทตรวจสอบคุณภาพข้าว (เซอร์เวเยอร์) โกดังกลางและอาจสาวไปถึงในระดับจังหวัด กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดูแลข้าวในโครงการรับจำนำด้วย
บอร์ดกขช.-6ปลัด-ขรก.ติดร่างแห
สำหรับคณะกรรมการ กขช.ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอนุมัติโครงการรับจำนำ มีอยู่ 24คน ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่153/2554 เรื่องการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการ,รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ รมว.คลัง รองประธานกรรมการ,รมช.พาณิชย์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ช่วยเลขานุการรมว.พาณิชย์ และผู้ทรงคุณวุฒิอีก 5 คน เป็นกรรมการ,ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นกรรมการและเลขานุการ และมีรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดีกรมการค้าภายใน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศและอธิบดีกรมการข้าว เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
‘อธิบดี-รอง-ผอ.กอง’ต้องรอลุ้น
ส่วนหน่วยงานปฏิบัติในระดับกระทรวง ได้แก่ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะดูแลนโยบาย กรมการค้าภายใน ในฐานะหน่วยงานต้นเรื่องที่เป็นผู้จัดทำโครงการและผู้ที่อยู่ในข่ายถูกเรียกร้องค่าเสียหาย จะเริ่มตั้งแต่อธิบดี รองอธิบดี ไล่ลงไปจนถึงระดับผู้อำนวยการกองและเจ้าหน้าที่ ส่วน อคส.และอ.ต.ก.ในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ โดยผู้อยู่ในข่ายจะเริ่มตั้งแต่ ผอ.-รอง ผอ. เรื่อยลงมาจนถึงหัวหน้าคลังและเจ้าหน้าที่ ขณะที่ภาคเอกชน จะดูว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับประโยชน์ที่ไม่สุจริตจากโครงการบ้าง ทั้งโรงสี เซอร์เวเยอร์ และเจ้าของโกดังกลาง
‘บิ๊กติ๊ก’ไม่รู้ลูกตั้งบริษัทในค่าย
ทางด้าน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ชี้แจงกรณี นายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย ใช้บ้านพักในค่ายทหารจดทะเบียนตั้งบริษัทรับเหมาก่อสร้างว่า เพิ่งทราบ เพราะไม่รู้มาก่อน ตอนลูกชายเอาบ้านในค่ายทหารไปจดทะเบียนตั้งบริษัทนั้น ไม่รู้จริงๆ ตอนนั้นเขาจัดการเอง เพราะไม่มีบ้าน มีแต่บ้านในค่ายและพร้อมให้ ปปช.ดำเนินการตรวจสอบ
นายกฯลั่นทำอะไรรับผิดชอบเอง
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณี บุตรชาย พล.อ.ปรีชา ไปตั้งบริษัทรับงานของกองทัพภาคที่3 ว่า ไม่รู้มาก่อนว่าน้องธุรกิจแบบนี้ ซึ่งตั้งแต่ทำงานมาไม่ได้อยู่กับครอบครัวเท่าไหร่ ก็เสียใจตรงนี้ ที่ไม่รู้ว่าพี่น้องทำอะไรตรงไหนมาบ้าง ส่วนหลานก็ไม่เจอนานแล้ว ตอนนี้ พล.อ.ปรีชา ก็รู้สึกผิดที่ทำให้ตนเสื่อมเสียไปด้วย ส่วนเรื่องชี้แจงเตรียมการไว้แล้ว ถามว่ารักน้องไหมก็รัก แต่ทำอะไรไม่ได้ ใครทำอะไรก็รับผิดชอบตัวเอง
‘ประวิตร’ออกโรงป้องลูกบิ๊กติ๊ก
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีเดียวกันว่า เรื่องตั้งบริษัทในค่ายทหาร ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องถามตน เมื่อมีการร้องเรียนไปยังองค์กรอิสระแล้วก็ให้เขาตรวจสอบดำเนินการไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามระเบียบแล้วการจัดตั้งบริษัทในค่ายทหารทำได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ต้องดูว่าเขาทำอย่างไร แต่คิดว่าคงไม่ใช่นำบ้านพักทหารไปขึ้นป้ายชื่อบริษัท แต่เขาอาจจะอยู่กับบิดาของเขา แล้วใช้ที่ตรงนั้นทำงานเล็กๆน้อยๆ บริษัทไปตั้งในค่ายไม่มีหรอก”
ผบ.ทอ.พร้อมชี้แจงปปช.
พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีถูก นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ตรวจสอบกรณีให้ นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภรรยาของ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม ใช้เครื่องบินเดินทางจาก กทม.ไปเชียงใหม่ ว่า ตนพร้อมให้ข้อมูลต่อ ปปช.และขอชี้แจงว่า ทุกอย่างเป็นไปตามหลักการ เพราะกระทรวงกลาโหมทำหนังสือขอใช้เครื่องบินมาที่กองทัพอากาศตามระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะเป็นภารกิจสนับสนุนส่วนราชการต่างๆ ที่ไปทำประโยชน์เพื่อประเทศ ไม่มีอะไรที่น่ากังวล
“แม้ว”แพ้คดีฟ้องถอนพาสปอร์ต
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลางได้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่2115/2558 ระหว่าง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ฟ้องคดีกับ นายธงชัย ชาสวัสดิ์ ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการกงสุล (ปัจจุบันเป็นเอกอัครราชทูตไทย ประจำสิงคโปร์) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวก รวม 2คน หลังมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) เลขที่U957411และZ530117 กรณีอ้างว่า คำสัมภาษณ์ของ นายทักษิณ มีเนื้อหาบางส่วนอาจส่งผลต่อความมั่นคงปลอดภัยของประเทศไทย ซึ่งพาสปอร์ตทั้ง 2เล่มเป็นพาสปอร์ตบุคคลทั่วไป ซึ่ง นายทักษิณไ ด้รับสมัย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็น รมว.ต่างประเทศ โดยศาลปกครองเห็นว่า กรมการกงสุลมีอำนาจใถอนพาสปอร์ตดังกล่าว จึงยกคำฟ้อง นายทักษิณ แต่ยังยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีก
ระงับเรียกเงิน’โภคิน’1,400ล้าน
ส่วนกรณีกรุงเทพมหานคร (กทม.) ออกคำสั่งให้ นายโภคิณ พลกุล อดีตรมว.มหาดไทย ชดใช้เงินแก่ กทม.1,434,463,937บาท หลัง ปปช. ชี้มูลว่า นายโภคิณ กระทำการทุจริตเกี่ยวกับจัดซื้อรถดับเพลิงและเรือดับเพลิงในราคาสูงเกินความเป็นจริงก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ซึ่งต่อมา นายโภคิณ ได้ฟ้องศาลปกครองขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยวันที่ 27กันยายน ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาว่า คำสั่งดังกล่าวมิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนคำสั่ง กทม.ที่ 1365/2557 ลงวันที่ 21เมษายน2557 โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่มีคำสั่งดังกล่าว
‘ลุงยิ้ม เสื้อแดง’สิ้นใจพ่ายมะเร็ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า‘ลุงยิ้ม ตาสว่าง’ หรือ นายพฤกษ พฤกษ์สุนันท์ แกนนำคนเสื้อแดงเสียชีวิตอย่างสงบ เวลา 03.54น.วันที่ 27กันยายน ที่ รพ.มหาราชนครเชียงใหม่ หลังป่วยเป็นมะเร็งมานาน โดยจะนำศพมาบำเพ็ญกุศลที่วัดหลักสี่ กทม.ต่อไป ก่อนหน้านี้ นายพฤกษ์ ได้ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า แพทย์ตรวจพบมะเร็งที่ปอด แต่ไม่ทราบระยะอาการ ซึ่งได้ทำใจไว้แล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี