กรธ.ติดดาบกกต.
มีสิทธิ์ระงับการเลือกตั้ง
ชงให้‘ปปง.-สตง.’สอบ
เส้นทางเงินส่อทุจริต
ตั้งรางวัลนำจับพวกโกง
“มีชัย” ยันทุนตั้งพรรคต้อง 1 ล้าน เล็งลงโทษนายทุนทุ่มตั้งพรรค-จ่ายเงินแทนสมาชิก ด้านกรธ.เปิดร่าง“พ.ร.ป.กกต.”
ติดดาบไต่สวน-สั่งระงับลต.ได้ พร้อมตั้งสินบนนำจับชี้เป้าโกงกาบัตร เผยกม.ใหม่เชือดทั้งซื้อเสียง-ขายเสียง ซ้ำดึง“ปปง.-สตง.”สอบเส้นทางเงินพวกทุจริตได้
เมื่อวันที่ 15ธันวาคม นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงการรับฟังความเห็นตัวแทนพรรคการเมืองต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 14ธันวาคมที่ผ่านมาว่า ต้องให้คณะอนุกรรมการประชาสัมพันธุ์และสำรวจความคิดเห็น สรุปความเห็นและจัดกลุ่มข้อเสนอก่อน เบื้องต้นคาดว่าต้องใช้เวลา 3-4วัน ก่อนจะเสนอให้ที่ประชุม กรธ.พิจารณา ทั้งนี้ ในความเห็นที่ขอให้ปรับแก้ อาทิ เรื่องการจ่ายทุนประเดิมเพื่อให้พรรคมีเงินทำกิจกรรม ซึ่งกรธ.กำหนดว่า พรรคควรมีเงินประเดิม 1ล้านบาทนั้น อาจปรับลดสัดส่วนจ่ายทุนประเดิมเป็นไม่ต่ำกว่า 2,000บาท แต่ไม่เกิน 500,000บาท เพราะหากไม่มีเงินคงไม่สามารถส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งได้ กรณีอาจมีนายทุนทุ่มเงินตั้งพรรคและจ่ายเงินแทนสมาชิก หรือผู้ร่วมก่อตั้งนั้น กรธ.จะพิจารณากำหนดบทลงโทษ ส่วนการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในฐานะนายทะเบียนพรรคเป็นผู้ตรวจสอบ
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า ขณะที่ประเด็นของการหาสมาชิกที่ กรธ. กำหนดเวลาให้ภายใน 4 ปีต้องมีสมาชิก 20,000คน อาจพิจารณาแบ่งเป็นช่วงเวลา เบื้องต้นอาจกำหนดสัดส่วนให้มีสมาชิกก่อนการเลือกตั้งจำนวนหนึ่งและหลังจากมีการเลือกตั้งแล้วต้องหาสมาชิกให้ครบจำนวน ทั้งนี้การพิจารณาปรับหรือแก้ไขรายละเอียดนั้นอาจไม่ครบคลุมถึงส่วนที่เป็นรายละเอียดสำคัญ เช่น การปฏิบัติตามกติกาใหม่ ซึ่งกำหนดไว้แล้ว
ด้าน นายประพันธ์ นัยโกวิท กรธ.แถลงถึงเนื้อหาร่างพรป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ที่ผ่านมา กกต.ถูกมองเป็นเสือกระดาษ ดังนั้น กรธ.จึงกำหนดหน้าที่เชิงรุกไว้ในมาตรา 38 ให้กกต.ต้องรีบสืบสวนสอบสวน เมื่อได้รับร้องเรียนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มาตรา24 ให้ กกต.เพียงคนเดียวมีอำนาจตรวจสอบการเลือกตั้งให้เรียบร้อยได้ด้วยการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ผอ.กกต.จังหวัด ที่มีอำนาจเทียบเท่าพนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องได้ มาตรา30 กำหนดให้ กกต.สามารถขอให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)และสำนักงานรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินได้หากพบเรื่องเรียนสงสัยว่า จะมีการทุจริต ทั้งยังขอให้หน่วยงานความมั่นคงด้านการข่าว สำนักข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ที่มีบุคคลากรเก็บข้อมูลแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว ช่วยหาข้อมูลการซื้อเสียง หรือการกระทำความผิดในทางลับได้
นายประพันธ์ กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ มาตรา39 ยังให้อำนาจ กกต.ตั้งเจ้าหน้าที่กกต.เป็นพนักงานมีอำนาจในการสืบสวน ไต่สวน โดยมีอำนาจเทียบเท่าพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่และมีอำนาจเช่นเดียวกับพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งจะทำให้การปราบปรามการทุจริตเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังกำหนดให้มีเงินรางวัลคนแจ้งเบาะแสทุจริตเลือกตั้งและมีกฎหมายคุ้มครองพยานไว้ในมาตรา42 อีกด้วย ทำให้พยานมีความปลอดภัย สำหรับบทลงโทษเกี่ยวกับการซื้อสิทธิขายเสียงมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่จะลงโทษเฉพาะคนที่ซื้อเสียง แต่กฎหมายใหม่จะถูกลงโทษทั้งผู้ซื้อเสียงและผู้ขายเสียง
ขณะที่ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ กรธ.กล่าวว่า ในส่วนการมีส่วนร่วมประชาชนในการดูแลเลือกตั้ง กกต.มุ่งหวังว่าประชาชนจะช่วยแจ้งเบาะแส เพื่อให้กกต.ไต่สวน หากพบว่ามีมูลจริง เปิดช่องให้กกต.สนับสนุนคณะบุคคล หรือนักสังเกตการณ์อาสาในการเลือกตั้ง กกต.ต้องใช้กลไกนี้ให้มากกว่าการใช้เจ้าหน้าที่กกต.รวมถึงสื่อสามารถแจ้งไปยัง กกต.ได้หากพบเห็น ส่วน กกต.จังหวัดกรธ.ได้เปลี่ยนวิธีคิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมและตรวจสอบ ถ้าใช้คนพื้นที่อย่างเดียวมีปัญหา จึงดีไซน์คณะผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยแต่ละจังหวัดขึ้นบัญชีไว้ 5-8 คนและให้กกต.แต่งตั้งคนพื้นที่ 2 คน ส่วนที่เหลืออีก 3-5คน จับฉลากเอาคนนอกพื้นที่เข้ามาช่วยดูแลเลือกตั้ง ซึ่งทำงานร่วมกับผู้สังเกตการณ์อาสา โดยระบบนี้จะทำให้เกิดประสิทธิภาพและมีความเป็นกลางมากขึ้น ในบทเฉพาะกาลยังกำหนดให้ กกต.ที่ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญยังคงเป็นกกต.ต่อไป ส่วนผู้ที่จะมาชี้ว่า มีคุณสมบัติหรือไม่เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาจะเป็นผู้วินิจฉัย โดยต้องดำเนินการภายใน 15วัน ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ ซึ่งไม่ได้เป็นการเลือกที่รักมักที่ชัง
ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่มี นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.เป็นประธานในการประชุม โดยที่ประชุมได้รับทราบพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งองคมนตรีเพิ่มเติมจำนวน 2คน คือนายวิรัช ชินวินิจกุล และนายจรัลธาดา กรรณสูต นอกจากนี้ นายพรเพชร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล อดีตปลัดกระทรวงต่างประเทศ ได้ลาออกจากสมาชิก สนช.ทำให้ สนช.เหลือ 248คน ซึ่งจำนวนกึ่งหนึ่งคือ 124 คน
โดย นายวีระศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลการลาออกจากสนช.ว่า เป็นเหตุผลส่วนตัว และไม่ได้มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เพราะสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนที่ลาออกนั้นเพื่อจะไปเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ตนยังบอกไม่ได้ ขอรอให้มีความชัดเจนก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี