18 ธ.ค.59 นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 40 ในฐานะประธานคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย ได้กล่าวถึงกรณีที่ถกเถียงกันระหว่างคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กับนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารจัดการเลือกตั้ง ต่อประเด็นที่ว่า ควรจะตั้ง เป็น กกต.จังหวัด แบบเดิม หรือตั้งเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งตามร่างเบื้องต้นของ กรธ.ดี ว่า ถ้ามองในแง่อำนาจหน้าที่ของ กกต.ตามหลักสากล ที่มุ่งให้ประชาชน มีความรู้ความเข้าใจ มีความสะดวกปลอดภัย และมีความอิสระในการไปใช้สิทธิเลือกตั้งแล้ว ถือว่าทั้ง กกต.จังหวัด และผู้ตรวจการเลือกตั้ง ล้วนไม่ตอบโจทย์ทั้งสิ้น เหตุเพราะทั้ง กกต.จังหวัด และผู้ตรวจการเลือกตั้ง ล้วนถูกวางตัวให้มุ่งแต่การจับผิดเรื่องทุจริตเลือกตั้งเป็นสำคัญ จนทำให้เป้าหมายอย่างอื่นที่สำคัญกว่าเป็นต้นว่าการเผยแพร่ให้ความรู้ความเข้าใจ การอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ในการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ตลอดจนความเป็นอิสระและเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง และอื่นๆ ถูกมองข้ามไป
นายคณิน กล่าวต่อว่า เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญปี 40 ไม่ได้ต้องการ ให้มี กกต.จังหวัด แต่เป็นเพราะ กกต.กลาง อยากมีอาณาจักรหรือบริวารของตนเองเหมือนเป็นกระทรวงๆ หนึ่ง กกต.จังหวัด ก็เลยกลายเป็นผู้มีอิทธิพลขึ้นมาทันที ที่มีการเลือกตั้ง ยิ่งตอนหลังตั้งข้าราชการประจําเป็น กกต.จังหวัด ได้ ก็เลยวิ่งเต้นกันใหญ่ เพราะจะได้มีอำนาจต่อรองเหนือนักการเมืองหรือผู้สมัครรับเลือกตั้ง แต่ปัญหาก็คือ ถ้าในพื้นที่มีหลักฐานการทุจริต และ กกต.จังหวัด ไม่ส่งหลักฐานอะไรมาที่ กกต.ส่วนกลาง เลย แล้ว กกต.กลาง จะรู้ได้อย่างไรว่ามีทุจริต หรือไม่ทุจริต เพราะในความเป็นจริงถึงแม้จะมีการทุจริตแต่ในพื้นที่ได้จัดการ "ฮั้ว" กันเรียบร้อยแล้ว กกต.ส่วนกลาง จะรู้ไหม
ปัญหาเช่นนี้ถึงแม้ กรธ.จะเปลี่ยนจาก กกต.จังหวัด มาเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ก็แก้ไขไม่ได้ เพราะตีโจทย์ผิดตั้งแต่ต้น ยิ่งไปเพิ่มจำนวน กกต.กลาง เป็น 7 คน ก็ยิ่งพากัน เข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน ในบางประเทศเขามี กกต.เพียงคนเดียว ดูแลจากการเลือกตั้งผู้มีสิทธิเลือกตั้งนับสิบนับร้อยล้านคน ทำไมเขาถึงทำได้เรียบร้อย และผลก็เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ที่เขาทำอย่างนั้นได้ก็เพราะเขาไม่ได้คิดว่า กกต.เป็นศาล เป็นตำรวจ หรือเป็นพระเอก แล้วมองว่านักการเมืองเป็นอาชญากร และประชาชนเป็นคนโง่ซ้ำเห็นแก่เงินเหมือนอย่างบ้านเรา กกต.ประเทศเขาก็ไม่ได้มีข้าราชการประจำเป็นพันๆ คน เหมือนบ้านเรา พอถึงเวลาเลือกตั้งเขาก็สั่งให้ข้าราชการทั้งประเทศนั่นแหละช่วยดูแลเป็นหูเป็นตาแทน กกต.และอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ไม่เห็นจำเป็นต้องใช้ กกต.จังหวัด หรือผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัดเลย มันก็เลยกลายเป็นมหกรรมการเลือกตั้งของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่มีแต่ กกต.ส่วนกลาง และ กกต.จังหวัด หรือผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด เหมือนอย่างที่ กรธ.ออกแบบแต่อย่างใด
นายคณิน ยังกล่าวด้วยว่า รัฐธรรมนูญซึ่งร่างโดย กรธ.ชุดเดียวกันนี้ เป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เปลี่ยนถ้อยคำจากคำว่า "อำนาจหน้าที่" ซึ่งใช้กันมาตลอดทั้งในรัฐธรรมนูญในระบบกฎหมายและในระบบราชการไทย มาเป็น "หน้าที่และอำนาจ" ก็ไม่ทราบว่ามีเจตนาหรือมีความหมายอย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือ เมื่อได้ตรวจสอบหน้าที่และอำนาจขององค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญแล้ว จะเห็นได้ว่าองค์กรเหล่านั้นจะมี "อำนาจ" ล้นเหลือ และมากกว่าในรัฐธรรมนูญปี 2550 ด้วยซ้ำ อย่างเช่น อำนาจออกคำสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครคนใดคนหนึ่งเป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ซึ่งเป็นโทษที่แรงกว่าการให้ใบเหลือง เป็นต้น
ในขณะที่เมื่อดูในส่วนของ "หน้าที่" แล้วก็จะเห็นว่า กกต.เกือบจะไม่ต้องทำหรือรับผิดชอบอะไรเลย ในกรณีที่จะต้องเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน เห็นมีแต่ท่องคาถาว่า "อย่าซื้อสิทธิขายเสียง" และจ้องจับผิดประชาชนแค่อย่างเดียว หรืออย่างในกรณีที่จะต้องจัดทำบัญชีรายชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ถูกต้องและพร้อมสำหรับการตรวจสอบและแก้ไขได้ตลอดเวลาก็เกิดปัญหาความยุ่งยากสับสนเดือดร้อนแก่ประชาชนทุกครั้ง ก็ไม่เห็นจะแก้ไขอะไรได้ หรืออย่างกรณีที่จะต้องอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะ ใช้สิทธิเลือกตั้งนอกภูมิลำเนาในวันเดียวกันทั่วประเทศ ก็ไม่เคยทำได้ แต่กลับไปใช้วิธีให้เลือกตั้งล่วงหน้า ซึ่งยิ่งสร้างปัญหายุ่งยากสับสนและเปิดช่องให้เกิดการทุจริตเลือกตั้งและโกงคะแนนเสียงกันมากยิ่งขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี