9 ม.ค.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติโครงการสวัสดิการแห่งรัฐเพื่อผู้มีรายได้น้อย ในระยะที่ 2 วงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท โดยโครงการนี้ต่อเนื่องมาจากระยะที่ 1 ที่รัฐบาลช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในการซื้อสินค้า แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าให้เป็นเงินสดจะดีกว่า แต่ถามว่าถ้าให้เงินสดจะซื้อของที่เป็นประโยชน์หรือไม่ จะเป็นปัญหาอีกหรือไม่ก็ไม่รู้ แต่มาตรการนี้เป็นการบรรเทาเยียวยาค่าใช้จ่ายในครอบครัว ใครจะซื้อข้าวสาร น้ำมันพืช ปลากระป๋อง ก็แล้วแต่ ต้องซื้อตามร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งวันหน้าจะขยายออกไปอีก
"อนาคตเรากำลังจะเข้าสู่สังคมที่ไม่ใช้เงินสด จึงต้องมีการใช้บัตร หากร้านค้าไม่เข้าสู่ระบบเพราะกลัวเสียภาษี เวลารัฐบาลมีมาตรการช่วยเหลือก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้ จากนั้นก็หาว่ารัฐบาลไม่ดูแล ดังนั้น ร้านค้าจึงควรขึ้นทะเบียน เพราะในอนาคตคนจะใช้จ่ายด้วยการ์ด แต่เราไม่ได้มีเป้าหมายต้องการทำให้ธุรกิจใดได้รับความเสียหาย แต่เตือนว่าเราควรพัฒนาตัวเอง ตนไม่ต้องการใช้กฎหมายหรือมาตรการใดๆ เพื่อไปไล่ปิดร้านค้าหรือทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหาย"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ระยะที่ 2 นี้ จะเน้นการฝึกอบรมให้ประชาชนเข้าถึงกองทุน โดยประชาชนที่มีรายได้ต่ำกว่า 3 หมื่น และ 1 แสนบาทต่อปี จะได้ประโยชน์ เป็นโครงการที่สอดคล้องกับมาตรการลดความยากจน ที่ช่วยเหลือทุกจังหวัด โดยจะนำทั้งกระทรวงเศรษฐกิจ เกษตร สิ่งแวดล้อม ความมั่นคง ลงไปดูแล เหมือนกับที่รัฐบาลจีนได้ลงไปพบปะทุกครอบครัว ดูว่าประชาชนมีความต้องการอย่างไร และอะไรที่ภาครัฐรวมถึงเอกชนจะสามารถเสริมได้ ซึ่งเหล่านี้คือโครงการประชารัฐ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี