ไม่จับปูโดนม.157
‘บิ๊กป้อม’ทำขึงขังขู่เจ้าหน้าที่
เจอซักนาฬิกาหรูถึงกับร้องโอ๊ย
ศรีสุวรรณขู่ล่า2หมื่นชื่อบี้ปปช.
“บิ๊กป้อม”ขู่เจ้าหน้าที่ ถ้าไม่จับ ปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เจอ ม.157 เล่นงาน ขณะที่นาฬิกาหรูยังตามเขย่าขวัญรายวันถึงกับร้อง”โอ๊ย”หลังนักข่าวถาม ด้าน”ศรีสุวรรณ จรรยา” บุกปปช.ยื่นหลักฐานเพิ่มสอบ ขู่ล่า 2 หมื่นชื่อกดดัน ส่วนหนุ่มนักเคลื่อนไหว จะมอบนาฬิกาให้วุ่นทั้งทำเนียบรัฐบาล ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่11 มกราคม เวลา 10.00 น.นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การ พิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าชี้แจง และยื่นหลักฐานเพิ่มเติมกับป.ป.ช. กรณีการตรวจสอบที่มานาฬิกาหรู และแหวนเพชรของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวก่อนเข้าชี้แจงกับปปช.โดยมั่นใจในหลักฐาน และว่า พล.อ.ประวิตร มีพฤติการณ์ปกปิดบัญชีทรัพย์สิน และร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ส่วนเอกสารที่นำมาให้ป.ป.ช.เพิ่มเติมคือรูปภาพตอนที่พล.อ.ประวิตรถ่ายในวันที่4ธ.ค.60 และรวบรวมภาพนาฬิกาจากเว็บไซต์ต่างๆ
นายศรีสุวรรณ ยังย้ำว่า ปปช.ต้องทำงานตรงไปตรงมา กรณีนี้ถือเป็นการวัดใจ ปปช.และนายกรัฐมนตรีเนื่องจากเคยบอกว่าจะเอาจริงกับการปราบปรามการคอร์รัปชั่น และการทุจริตทุกรูปแบบ ทั้งนี้ หากป.ป.ช.มีมติส่งฟ้องกรณีดังกล่าว บทบาทของป.ป.ช.ก็จะโดดเด่นมากขึ้น แต่หากไม่ส่งฟ้อง สาธารณชนก็จะพุ่งเป้าและป.ป.ช.ก็จะสั่นเครือและตนจะรวบรวมรายชื่อประชาชน 20,000 รายชื่อ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 236 เพื่อขอให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.
หลังชี้แจงกับปปช.แล้ว นายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์อีกรอบว่าได้แจ้งให้ปปช.เชิญอธิบดีกรมศุลกากร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มาให้ข้อมูล. ว่าใครบ้างเป็นคนสั่งเข้ามา เนื่องจากนาฬิกามีมูลค่าหลายล้านบาท การที่นำเข้าประเทศมาจะต้องผ่านกรมศุลกากร เพื่อจ่ายภาษีก่อน และอยากให้ตรวจสอบนาฬิกาของพล.อ.ประวิตร ว่าได้เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
วันเดียวกันเวลา 10.00 น.ที่บริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางมามอบนาฬิกาให้พล.อ.ประวิตรอีกครั้ง โดยได้เตรียมนาฬิกามาจำนวน 3 เรือน เพื่อมอบให้พล.อ.ประวิตร เนื่องจากทราบว่าพล.อ.ประวิตร มีประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล แต่เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายเอกชัยไปพูดคุยที่ชั้น 2 สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)
โดยนายเอกชัย กล่าวหลังมั่นใจว่าจะไม่ได้พบพล.อ.ประวิตร จึง ว่า “พล.อ.ประวิตรเป็นชายชาติทหาร แต่ไม่กล้ามาพบตน จึงไม่เข้าใจว่าเป็นชายชาติหารประเภทใด หากเป็นรัฐบาลพลเรือนมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นคงอยู่ไม่ได้ คงต้องออกไปแล้ว ไม่ลาออกไปเอง ก็ถูกบีบให้ออก อย่างไรก็ตามในวันที่ 13 ม.ค.ซึ่งเป็นวันเด็กตนก็จะตามไปมอบนาฬิกาให้พล.อ.ประวิตรต่อไป”
ด้านพล.อ.ประวิตร เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการชี้แจงประเด็นนาฬิกาหรูต่อป.ป.ช. โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “โอ๊ย!” แล้วเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัวออกทำเนียบรัฐบาลไปทันที
กระนั้นก็ตามก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการปรากฏภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ว่า ตนเคยบอกแล้วว่าให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่ต้องดำเนินการทั้งอัยการ ตำรวจ กระทรวงการต่างประเทศ ที่จะต้องร่วมมือกัน เป็นเรื่องของกฎหมาย จะมาถามความคิดเห็นตนไม่ได้
เมื่อถามว่ารัฐบาลจะกำชับให้เร่งดำเนินการหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่ต้องกำชับ เพราะเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ทำก็เจอมาตรา 157 “
เมื่อถามย้ำว่าภาพน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ปรากฏออกมา เหมือนเป็นการเย้ยฝ่ายความมั่นคง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ไม่เย้ยหรอก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ใช้หนังสือเดินทางของประเทศไหนยังไม่รู้เลย” ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าใช้หนังสือเดินทางของประเทศเพื่อนบ้านนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่จะไปตรวจสอบ ตนไม่รู้ขั้นตอนว่าจะต้องทำอย่างไรบ้างแต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้หนังสือเดินทางของประเทศอะไร
ในขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ขอตัวนส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งรัฐบาลควรชี้แจงว่าจะทำอะไรหรือไม่ อย่างไรจากนี้ไป เพราะถ้าไม่เริ่มต้นขอก็จะไม่มีทางที่ประเทศนั้นๆจะส่งมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี