อดีตส.ส.พท.ดิ้นพล่านผวาสูญพันธุ์ ปูดอนุฯป.ป.ช.เตรียมชี้มูลเชือดอดีต 40 ส.ส.ที่ลงชื่อเข็นออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอย โวยลั่นล้างบางฝ่ายตรงข้ามเปิดทางบิ๊กตู่สืบทอดอำนาจ เปิดรายชื่อพบระดับแกนนำโดนเพียบ
เมื่อวันที่ 12 ม.ค.61 นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ได้ข่าวมาว่าคณะอนุกรรมการของคณะกรรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานอนุกรรมการฯ ได้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของอดีต ส.ส. 40 คน ที่เสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เมื่อปี 2556 เสร็จแล้ว และจะมีมติชี้มูลความผิดแล้วจะส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช.ซึ่งขั้นตอนต่อไปก็จะต้องนำไปสู่การพิจารณาจองศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
นายวรชัย กล่าวว่า ทั้งนี้ พวกตนยืนยันว่า การออกกฎหมายเป็นหน้าที่ของส.ส.ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมถึงข้อบังคับของการประชุมสภา หาก ป.ป.ช.ก้าวล่วงการทำหน้าที่ดังกล่าว เท่ากับเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเช่นกัน ซึ่งการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่ผ่านมาเห็นว่าเป็นการเอื้อให้กับผู้มีอำนาจทั้งสิ้น โดยการตรวจสอบกรณีต่างๆเป็นไปอย่างล่าช้า ทั้งเรื่องจีที 200 โครงการขุดลอกคูคลอง อผศ. การจัดซื้ออาวุธของกองทัพ
ล่าสุด เรื่องนาฬิการหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สิน แม้มีมูลค่าสูงมากกว่า 20 - 30 ล้านบาทแล้ว การตรวจสอบเรื่องเหล่านี้เป็นไปอย่างไม่เอาจริงเอาจัง ไม่เอาการเอางาน ประชาชนคาใจว่าจะตรวจสอบเสร็จเมื่อไหร่ ดังนั้น ขอร้อง ป.ป.ช.อย่าเป็นเครื่องมือให้กับผู้มีอำนาจ
นายวรชัย กล่าวอีกว่า พฤติกรรมทั้งหมดนี้เป็นการพิสูจน์ข้อครหาว่าที่มาของคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น มีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ มีความเอนเอียง ผู้มีอำนาจทำอะไรก็ไม่ผิด ส่วนนักการเมืองและพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามถูกตรวจสอบอย่างเอาเป็นเอาตาย และมีมูลด้วยว่าอาจเป็นการจงใจที่จะล้างบางนักการเมืองพรรคเพื่อไทย
"ถ้า ป.ป.ช.ออกมาชี้ถูกชี้ผิดในสถานการณ์ที่จะมีการเลือกตั้ง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ใช้การประชุม ครม.สัญจร เดินสายลงพื้นที่ไปพบนักการเมืองระดับเจ้าในทุกภาค จึงเห็นได้ว่าใช้แผนทุกวิถีทางเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามและดึงเสียงหาพวกดูดดึงอดีต ส.ส.ไปเป็นเข้ากับพวกตนเอง ทุกองคาพยพนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ เพื่อเป็นนายกฯ ต่อไป" นายวรชัย กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ กรณี นายบวร ยสินทร ได้ยื่นกล่าวหา นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับพวกรวม 40 คน ร่วมกันเข้าชื่อเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน พ.ศ. .... เมื่อปี 2556 หรือที่เรียกกันว่า "พ.ร.บ.ลักหลับ" โดยเห็นว่า เป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช.
สำหรับรายชื่ออดีต ส.ส.เพื่อไทย จำนวน 40 ราย ที่ถูกไต่สวนในคดีดังกล่าว ประกอบด้วย 1.นายวรชัย เหมะ 2.นายบุญแก้ว สมวงศ์ 3.นายถาวร ตรีรัตน์ณรงค์ 4.น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ 5.นายสมศักดิ์ ใจแคล้ว 6.นายบุญชู นิลถนอม 7.นายมนตรี ตั้งเจริญถาวร 8.นางเอมอร สินธุไพร 9.นายสมคิด เชื้อคง 10.นายสัมภาษณ์ อัตถาวงศ์
11.นายพหล วรปัญญา 12.นางพัชรินทร์ มั่นปาน 13.นางสมหญิง บัวบุตร 14.นายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ 15.น.ส.มาลินี อินฉัตร 16.นางชมพู จันทาทอง 17.นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข 18.นางอนุรักษ์ บุญศล 19.น.ส.สุณีย์ เหลืองวิจิตร 20.นายพายัพ ปั้นเกตุ
21.นายเชิดชัย ตันติศิรินทร์ 22.นายสงวน พงษ์มณี 23.นายสุนัย จุลพงศธร 24.นางเทียบจุฑา ขาวขำ 25.นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย 26.นายสมโภช สายเทพ 27.นายปวีณ แซ่จึง 28.นายอนุสรณ์ ปั้นทอง 29.นายชูศักดิ์ แอกทอง 30.นายไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์
31.นายรส มะลิผล 32.นายอภิชาติ ตีรสวัสดิชัย 33.นายประสาท ตันประเสริฐ 34.นายชินวัฒน์ หาบุญพาด 35.นายก่อแก้ว พิกุลทอง 36.นายพิสิษฐ์ สันตพันธุ์ 37.นายธวัชชัย สุทธิบงกช 38.นายนิยม เวชกามา 39.นางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง 40.นายโกศล ปัทมะ
ทั้งนี้ สำหรับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ถูกเรียกว่าเป็นฉบับสุดซอย และเป็น "พ.ร.บ.ลักหลับ" เนื่องจาก เมื่อกลางดึกวันที่ 31 ตุลาคม 2556 สภาฯ ได้ผ่านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย วาระ 2 และ 3 แล้ว ด้วยคะแนน 310 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 4 หลังใช้เวลาถกนานถึง 19 ชั่วโมง โดยลงมติกันตอนตี 4 ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ลุกขึ้นทักท้วงว่าใช้อำนาจเผด็จการรัฐสภาเพื่อช่วยเหลือ "นายใหญ่" ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศแต่ก็ไม่เป็นผล จนเกิดม็อบต่อต้านและกลุ่ม กปปส.ออกมาขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในที่สุด
ขณะที่เมื่อวันที่ 19 ก.ย.59 อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อประธาน และกรรมการ ป.ป.ช.ทุกคน เพื่อขอให้มีคำสั่งทบทวนการมีมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน โดยอ้างว่าเรื่องที่กล่าวหาไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.ที่จะดำเนินการไต่สวนได้ เนื่องจากการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของ ส.ส.เป็นการใช้สิทธิและอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น และถือเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการนิติบัญญัติอันเป็นเรื่องที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาโดยแท้
ส่วนที่กล่าวหาว่าเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำการทุจริตนั้น ก็ไม่เป็นความจริงเพราะเมื่อดูเนื้อหาของร่างกฎหมายดังกล่าวในมาตรา 3 และมาตรา 4 ก็ไม่มีข้อความใดที่จะเปิดช่องให้มีการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำการทุจริต โดยร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มุ่งนิรโทษกรรมให้กับประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสี ที่เกี่ยวกับการชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองโดยไม่รวมถึงแกนนำผู้มีอำนาจสั่งการด้วย ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายนิรโทษกรรมที่เคยประกาศใช้มาแล้วในอดีตกว่ายี่สิบฉบับ
ดังนั้น การตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ในเรื่องที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่และเนื้อหาของร่างกฎหมาย ก็มีความชัดเจน ทั้งในหลักการและเนื้อหาว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีทุจริต การที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริง จึงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนี้ ยังมีข้อที่น่าสั่งเกตว่า นายบวร ยสินทร ผู้ร้องในคดีนี้เป็นผู้ที่มีแนวคิดเป็นปรปักษ์กับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด และได้ยื่นคำร้องมาตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งร่างกฎหมายนั้นก็ไม่ได้มีผลใช้บังคับ อีกทั้งรัฐธรรมนูญฯ ปี 2550 ก็ได้ถูกเลิกแล้ว เหตุใดคณะกรรมการ ป.ป.ช.จึงหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาทั้งที่เวลาผ่านมากว่า 3 ปีแล้ว จึงมองว่าน่าจะมีนัยทางการเมืองแอบแฝง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี