"กกต." เห็นชอบร่างกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น แก้ 4 ประเด็น เตรียมเสนอรัฐบาล 26 ก.พ. หวั่นกฤษฎีกาชงร่างแก้แค่ 5 มาตรา เสนอ ครม. พิจารณาสัปดาห์หน้า ส่อทำเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดปัญหา
16 ม.ค.61 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเลือกตั้งและการออกเสียงประชามติ 1 ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการกกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต. มีมติเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ... ตามที่สำนักงานเสนอ โดยมีการแก้ไขเนื้อหาให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องใน 4 ประเด็น
1.แก้ไขให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญคืออำนาจของกกต.ที่เปลี่ยนแปลงไป โดยอำนาจการสั่งเลือกตั้งใหม่ หลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง การเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งสิทธิสมัครเป็นของศาลอุทธรณ์
2.แก้ไขให้สอดคล้องกับพ.ร.ป.กกต. ที่เปลี่ยนจากกกต.จังหวัดเป็นผู้ตรวจการเลือกตั้ง โดยในการเลือกตั้งท้องถิ่นให้เป็นดุลยพินิจของกกต.เป็นครั้งๆ หากเห็นว่า การเลือกตั้งในท้องถิ่นนั้นมีความรุนแรง หรือมีแนวโน้มว่า จะมีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็จะสามารถมีมติส่งผู้ตรวจการเลือกตั้งเข้าไปดูแลได้
3.แก้ไขให้สอดคล้องกับร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เช่น ในเรื่องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ผู้สูงอายุในการเลือกตั้งโดยให้กรรมการประจำหน่วย หรือผู้ติดตามผู้มีสิทธิออกเสียง กากบาทลงในบัตรเลือกตั้งแทนผู้มีสิทธิออกเสียงได้โดยต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีสิทธิออกเสียง
ส่วนในเรื่องของวิธีการห้ามหาเสียง เช่น การห้ามจัดมหรสพนั้น ที่ประชุม กกต. ให้รอการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ของที่ประชุม สนช. ในวันที่ 25-26 ม.ค. ก่อนว่าจะยังยืนยันให้เป็นลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงหรือไม่ หากที่ประชุม สนช. มีมติให้จัดมหรสพในการหาเสียงได้ ทาง กกต. ก็จะยืนยันในจุดยืนเดิมคือ ควรกำหนดไว้เป็นลักษณะต้องห้ามในการหาเสียง
4.แก้ไขปัญหาอุปสรรคในการบริหารงานท้องถิ่น โดยเฉพาะในเรื่องการที่ผู้บริหารท้องถิ่นชิงความได้เปรียบโดยการลาออกก่อนครบวาระ ก็จะมีการกำหนดให้ผู้บริหารที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาใหม่ มีวาระเท่าที่เหลืออยู่ของสภา อีกทั้งกำหนดให้ 90 วันก่อนการลาออก ของผู้บริหารท้องถิ่น หากมีการอนุมัติโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ในลักษณะเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้งให้ถือว่าเข้าข่ายกระทำการในลักษณะซื้อเสียง
นายณัฏฐ์ กล่าวอีกว่า หลังจากนี้ กกต. ก็จะรอการพิจารณาร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ของที่ประชุม สนช. ในเรื่องประเด็นมหรสพ ให้เแล้วเสร็จก่อนเพื่อจะปรับปรุงร่างกฎหมายดังกล่าว จากนั้นก็จะดำเนินการในเรื่องกระบวนการรับฟังความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 โดยจะส่งร่างไปยังสำนักงาน กกต. จังหวัด เพื่อส่งต่อไปยังองค์กปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน และในวันที่ 7 ก.พ. จะรับความคิดเห็นกลับมาก่อนประมวลความเห็นเสนอต่อที่ประชุม กกต. ภายในวันที่ 20 ก.พ. และวันที่ 21-23 ก.พ. ก็จะปิดประกาศรายงานผลความคิดเห็นให้ประชาชนได้รับทราบ โดยคาดการณ์ว่า จะเสนอร่างไปยังคณะรัฐมนตรีในวันที่ 26 ก.พ.
"ที่ประชุม กกต. มีความห่วงใยกรณีที่คณะกรรมการกฤษฎีกาจะเสนอร่างกฎหมายท้องถิ่นในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในการประชุมสัปดาห์หน้า เพราะไม่แน่ใจว่า ร่างที่จะเสนอนั้นเป็นร่างกฎหมายที่กฤษฎีกายกร่างแก้ไขแล้วมีเพียง 5 มาตราหรือไม่ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ และถ้าไม่แก้ก็จะมีปัญหาในภายหน้า" นายณัฏฐ์ กล่าว
อย่างไรก็ตามที่ประชุม กกต. ไม่ได้มีหารือถึงวันเวลาที่จะเกิดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยเห็นว่า ขึ้นกับผู้มีอำนาจ กกต. เพียงแต่อยากให้มีความพร้อมในทางกฎหมาย ซึ่งถ้าพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้แล้วเสร็จก็จะสามารถเลือกตั้งท้องถิ่นในได้ทุกประเภท แต่ก่อนจะมีการเลือกตั้งรัฐบาลก็จะหารือกับ กกต. ถึงความพร้อมในการจัดการ
เนื่องจากจะต้องมีเรื่องของการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่มาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน เช่น จะมีการเลือกตั้งตั้งองค์การบริหารส่วนจังหวัด การเพิ่มของประชากรในพื้นที่ทำให้ต้องมีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ จึงต้องใช้เวลาในการดำเนินการส่วนนี้ ตามร่างกฎหมายที่ กกต. เสนอ ในบทเฉพาะกาล ก็จะมีการกำหนดไว้วว่า ภายใน 45 วันนับแต่การแบ่งเขตเลือกตั้งเสร็จจึงจะมีการเลือกตั้ง แต่ถ้าจังหวัดใดไม่ต้องแบ่งเขตใหม่ก็สามารถจัดการเลือกตั้งได้เลย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี